7 กุมภาพันธ์ 2551 04:34 น.
ตะเกียงเมฆา
เคี้ยวก้อนกรุบเย็นยะเยือกกัดเยื่อแก้ม
ยากยิ้มแย้มหนืดกระชากเลือดสาดปาก
กินพิเรนยังมีหน้ามาพูดมาก
เป็นไงล่ะ หายอยาก น้ำแข็งใส
6 กุมภาพันธ์ 2551 18:00 น.
ตะเกียงเมฆา
"ประเมินมวล คุณค่า ในแสงสี
มากหลากมี หลายอารมณ์ สุขเศร้าหมอง
พักหยุดครวญ คิดคำนึง และตรึกตรอง
ชั่วดีเพียง หาใช่มอง โอบเข้าตน.
เหมือนหนังสือ ดูแต่ปก พกไว้เก๋
ข้านี้เท่ โก้เก๋า เจ้าสับสน
รูปดีเลว ใช่เปลือกนอก ของรูปคน
ดูใจคน ใจเขา-เรา สัมผัสกัน.
เดินเคียงมา ตาชำเลือง เหลือบมองข้าง
ทิ้งข้าร้าง วางวายตาย ข้างถนน
ศพแห้งกรัง ขนาบพื้น เป็นแค่คน
ที่เจ้าเหยียบ ย่ำลงบน อกอุรา.
ข้าหลับไหล ถลำหลง เพียงพอแล้ว
เจ้าเพริศแพร้ว ในสีแสง รูป-เงินตรา
นางฟ้าวัน วานเป็นเพียง สิ่งไร้ค่า
พบเพียงผ่าน เสียเวลา ให้จดจำ."
6 กุมภาพันธ์ 2551 16:13 น.
ตะเกียงเมฆา
"เพิ่งสมัคร เพราะหัดแต่ง บทแต่งกลอน
หาได้มี ครูไหนสอน มั่วเขียนเอา
ไม่ค่อยมี อะไรเด่น ไปแข่งเขา
มั่วสุ่มเดา นั่งปาเป้า แต่งแต่งไป
หาใช่ว่าง สมัครไว้ ทำเป็นเท่
นักเขียนเก๊ มีปะปน อยู่มากหลาย
ทั้งคุณหนู คุณสุดหรู หรือคุณนาย
อยากเฉิดฉาย ไปทำงาน เลิกเล่นคอม!
รู้ทั้งรู้ อ่านแล้วคง คิดฝืดเคือง
อยู่เนืองเนือง ชี้หน้า่ด่า เถียงฉอดฉอด
พูดเรื่องจริง เบือนหน้าหนี ทำอิดออด
เดี๋ยวฟาดด้วย น้ำแข็งหลอด ถุงเจ็ดบาท
ก็ไม่ค่อย มีอะไร ไม่พูดมาก
แวะมาฝาก มาทักทาย ท่านผู้อ่าน
ทั้งอยู่หอ นอนคอนโด หรืออยู่บ้าน
โง่นั่งอ่าน อยู่นานโข โธ่คนเรา"