4 พฤศจิกายน 2546 12:50 น.

ผมเห็นผี...ที่เสาไฟฟ้า 1 (เรื่องสั้น 2 ตอนจบ)

ตะวัน

เช้าเมื่อวานนี่เองที่ผมเพิ่งจะพยายามใช้มือควานหาวัตถุทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์สีแดงเข้มไม่มีลายโดยหวังเพียงจะปิดเสียงรบกวนบนหัวเตียง แต่พลาดทำให้มันพลัดตกลงสู่อ้อมแขนของพื้นกระเบื้อง เปิดเผยสรีระของสสารที่แตกตัวออกมากระจัดกระจายอย่างไร้ระบบระเบียบ ก่อนที่ผมจะขยี้ตางัวเงียเดินโงนเงนอย่างหงุดหงิดมาหลุดคำงี่เง่าต่อหน้าสิ่งที่ก่อนหน้านี้เคยถูกเรียกว่านาฬิกาปลุก ในเชิงการไว้อาลัยที่หยาบคาย

        ซากของมันยังกองอยู่บนก้นสุดของพื้นถังขยะในห้อง คอยเวลาที่จะออกไปรวมตัวกับซากอื่นๆที่ไปรออยู่ก่อนแล้วในถังขยะหน้าบ้าน และก็คงอีกไม่นานนัก ที่มันทั้งหมดจะมีรถมารับไปสู่สถานที่ที่จะได้สังสรรค์กับซากต่างๆจากทุกสารทิศ อันถูกนำมารวมตัวกันเพื่อทำการประชุมเพลิงครั้งใหญ่ จะได้มีควันไปทำลายชั้นบรรยากาศ ก่อภาวะอะไรต่อมิอะไรให้สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ได้เผชิญกันต่อไปอย่างไม่รู้จักสุดจักสิ้น
        
        ไม่ทันจะได้คิดอะไรให้เลยเถิดไปกว่านี้ ร่างกายของผมก็เคลื่อนไหวไปยังริมหน้าต่างเพื่อทอดสายตามองสรรพสิ่งเบื้องนอกเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นโรคจิตชนิดไหนหรือเปล่า แต่กิจกรรมที่ผมไม่เคยพลาดการปฏิบัติหลังจากลืมตาขึ้นมาในวันหยุดอย่างนี้ คือการเดินมายืนนิ่งๆซึมซับกับโลกรอบนอกที่ริมหน้าต่างห้องนอน 
        
        ภาพเบื้องหน้าผมเป็นถนนเล็กๆเงียบๆ แต่ไม่ถึงกับร้างผู้คน ยังมีภาพการเคลื่อนไหวของยานพาหนะซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ผ่านมาให้เห็นเป็นระยะๆ ร้านโชว์ห่วยที่หัวมุมถนนยังพอมีคนเดินเข้าออกอยู่บ้างแม้สารพัดห้างยักษ์จากสหประชาชาติจะเปิดทำการอยู่ไม่ไกลนัก ลุงก้อนยังคงปั่นสามล้อคู่ใจผ่านหน้าร้านโชว์ห่วยเหมือนทุกวัน พร้อมสั่นกระดิ่งเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าถ้ามึงมีของเก่าก็รีบเอามาขายซะเดี๋ยวกูจะไปซะก่อน ถ้าเป็นสักสองสามปีก่อนหน้านี้จะได้ยินแกแหกปากตะโกนด้วย แต่เดี๋ยวนี้เสียงกระดิ่งของแกเป็นที่รู้กันทั้งละแวกนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่แกจะต้องลำบากให้เจ็บคอ 

        ผมดันทุรังส่งยิ้มให้ลุงก้อน ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าว่าถึงอย่างไรแกก็ไม่รับรู้ถึงรอยยิ้มที่ผมส่งให้ ซึ่งความจริงต่อให้นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้มายืนยิ้มอยู่ต่อหน้า ก็ไม่แน่นักว่าแกจะยิ้มตอบ การดำรงชีวิตด้วยการหากินไปวันๆของคนบางกลุ่ม บางครั้งก็บรรยายออกมาเป็นรสชาติให้คนมีอันจะกินรับทราบได้ยากยิ่ง อย่าว่าแต่ลุงก้อนที่บางวันไม่มีกินด้วยซ้ำ การไม่ยินดียินร้ายต่อซอกหลืบใดของโลกสำหรับลุงก้อนนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก สามล้อคันเก่าที่ประมาณอายุแล้วก็คงไล่เลี่ยกับแกคันนี้ยังคงเดินหน้าไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย. . . ชายแก่ๆกับรถเก่าๆกำลังเคลื่อนที่ผ่านป้ายโฆษณาที่มีชายฉกรรจ์นั่งหลบแดดขอทานอยู่!?!

        ห่างจากป้ายโฆษณามาประมาณ10เมตร  ฯพณฯสงคราม กับคุณหญิงสมศรี สุนัขขี้เรื้อนขาใหญ่ประจำถิ่นออกคุ้ยขยะตามปกติ โดยมี ร.ต.อ.องอาจลูกน้องคน(ตัว)สนิทยกขาปล่อยน้ำสีเหลืองใส่ล้อรถเก๋งสีบรอนส์ป้ายแดงยี่ห้อดัง ที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ชายวัยกลางคนในชุดซาฟารีสีกรมท่าเดินกลับมาที่รถพอดี เสียงกระป๋องเบียร์ยี่ห้อสัตว์ใหญ่ที่เหลืออยู่เกือบครึ่งกระป๋องกระทบกับพื้นถนนดังขึ้นตามมา สืบเนื่องจาการขว้างสุดแรงแต่พลาดเป้าของชายคนนั้น 
        
        ไปเยี่ยวที่อื่นไม่ได้หรือไงวะ ไอ้ชาติหมา! เสียงชายคนเดิมตะโกน 

        ผมลอบหัวเราะเยาะชายคนนั้นในใจ เขาคงไม่รู้หรอกว่า ร.ต.อ.องอาจ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เจือปน(ผมรู้เพราะผมเห็นมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย) 

        ร.ต.อ.องอาจ วิ่งหางจุกก้น(ผมเห็นมันแอบยิ้ม มันคงภูมิใจในคำชม) วิ่งไปได้ระยะหนึ่งมันจึงหยุดหันกลับมามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะด้วยเป็นห่วงลูกพี่มัน หรืออยากลองชิมเบียร์ที่ชายคนนั้นยกให้ผมเองก็ไม่แน่ใจนัก(ผมไม่ใช่หมา) แต่เชื่อว่ามันคงสังหรณ์ใจอยู่ลึกๆ ว่าถ้ามันก้าวกลับไปที่เดิมอีก มันจะโดนล้อรถล้อเดียวกันกับที่มันปัสสาวะใส่ ทับไส้แตกแน่ๆ มันจึงตัดสินใจเดินเด็ดเดี่ยวไปข้างหน้า ผ่านตู้ไปรษณีย์ ผ่านเสาไฟฟ้าเสาไฟฟ้า!

        ผมใช้มือขวาขยี้ตาซ้ายอยู่หลายครั้งก่อนลืมตามองดู พร้อมภาวนาให้ภาพที่เห็นเบื้องหน้าอันตรธานไป อันที่จริงผมไม่อยากลืมตาด้วยซ้ำ แต่มนุษย์มีสันดานอย่างหนึ่งคืออยากรู้อยากเห็น ผมลืมตามองเพราะผมอยากรู้อยากเห็น ซึ่งนั่นก็เพราะผมเป็นมนุษย์ แต่สิ่งที่ผมเห็นมันไม่ใช่มนุษย์. . . มันเป็นผี! ฉิบหายครับ ผมเห็นผี!


                                                                                                to be continue				
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตะวัน