13 มีนาคม 2553 01:39 น.
ตะวัน
เมื่อมองกลับหลัง...
ยังเสียดายกับหลายครั้งที่พลั้งผิด
แต่หากถามความรู้สึกที่นึกคิด
ยังเคารพเสี้ยวชีวิตที่ผ่านมา...
จำไม่ได้คิดอะไรในวันก่อน...
เจ้าเด็กเดือดเลือดร้อนคนก่อนหน้า
เพียงดื้อแพ่งแต่งความตามประสา
หรือยืนหยัดในศรัทธาเช่นนั้นจริง
วัยผ่านวันคนผันเปลี่ยน ความคิดเปลี่ยน...
ทุกบทเรียนยังฉายทาบดุจภาพนิ่ง
ความผิดพลาดยังวาดไหวให้แอบอิง
ความเป็นจริงยังติงไหวในความจำ
ยิ้มหัวเราะและร้องไห้ไปกับภาพ
สองแก้มอาบคราบน้ำตาที่พร่าฉ่ำ
ใช่สินะ ทุกวีรเวรและวีรกรรม
นั่นแหละทำเราเป็นเราในวันนี้...
จากจุดนี้ถึงจุดนั้นมันไกลลิบ...
วันนี้ดาวพราวระยิบอยู่ที่นี่
วันนี้ฝันถูกสานฝันได้ทันที
จากจุดนี้ คิดถึงที่สุด..คือจุดนั้น
ขอบคุณฉันที่เป็นฉันในวันเก่า...
ขอบคุณชีวิต..ที่มีเหง้าเอาไว้ฝัน
ช่วงชีวิตต่อจากนี้คือรางวัล
ให้คมเคียวเก็บเกี่ยวฝันอันต่อไป
จะถอดเททุ่มทั้งใจให้กับฝัน...
สู่เส้นทางแห่งรางวัลความฝันใหม่
ด้วยไฟฝันวันฉรรจ์ฝันเต็มวัย
เติมเต็มฝันชิ้นต่อไปให้ถ้วนครบ
จะไม่ยอมอิ่มใจในความฝัน
จะไม่ยอมให้ทางนั้นมันรู้จบ
จะให้ฉันในวันหน้าได้มาพบ
และเคารพความเป็นฉันในวันนี้!
11 มีนาคม 2553 17:18 น.
ตะวัน
พ่อครับ..
พ่อรู้ไหมครับกับบางอย่าง
ที่พ่อก่อเส้นขึ้นเป็นทาง
ผมสร้างทางใหม่อยู่ในแนว
เมื่อครั้งยังเล็กเป็นเด็กชาย
แล้งลมงมงายอยู่ท้ายแถว
ดื้อแพ่งแต่งฝันอันไร้แวว
เรียบเรียงเพียงแผ่วแล้วเลิกฝัน
ตอนนั้นมันคิดแค่ผิดถูก
เพาะปลูกทุกอย่างอย่างดื้อรั้น
สุดท้ายหน่ายแล้วก็แล้วกัน
มุ่งมั่นไม่ถึงครึ่งความคิด
แต่พอชำเลืองเรื่องของพ่อ
เศษฝันมันก่อ..มันต่อติด
หยาดเหงื่อเกลื้อพ่อเหมือนก่อทิศ
เป็นหยดฝันวิจิตรประดิษฐ์ทาง
พ่อไม่เคยสอนละครชีวิต
เป็นกรอบ ถูกผิด ให้ติดค้าง
แต่ภาพของพ่อก่อแบบอย่าง
วิถีเส้นทางลูกผู้ชาย
พ่อยืนยิ้มรับกับปัญหา
ทายท้าเรื่องดีที่มากร้าย
ให้เกียรติฝูงชนทั้งคนควาย
ส้นตีนติดทรายกายติดดิน
วันนี้ผมรู้ แล้วครับพ่อครับ
ชีวิตมันปรับ กับศาสตร์และศิลป์
จะดาวหรือทราย ความหมายก็ดิน
วิญญาณไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป
ชีวิตเท่านี้ก็เท่านี้
ความฝันสิมีไว้เติบใหญ่
ฟ้าไกล ฟ้ากว้าง ช่างฟ้าปะไร
ตั้งใจสิใจจะไม่คว้าง
พ่อครับ
พ่อรู้ไหมครับกับบางอย่าง
ที่พ่อก่อเส้นขึ้นเป็นทาง
ผมสร้างทางใหม่อยู่ในนั้น
ความฝันวันนี้จะมีเส้น
ขีดเร้นเป็นทางที่พร่างฝัน
พ่อจะเป็น Hero ชั่วนิรันดร์
สักวัน..ครึ่งพ่อ ก็พอใจ
7 มีนาคม 2553 21:32 น.
ตะวัน
นานมาแล้ว...
ละอองฝันได้ก่อแนวเป็นความฝัน
ฉันเดินทางกลางป่าค้นหามัน
ตามลายแทงแสงตะวันที่ผันพา...
แต่แล้ว...
ไร้วี่แววแนวฝันที่ฉันหา
ยิ่งเดิน..ยิ่งไกลสุดสายตา
ยิ่งไขว่..ยิ่งคว้ายิ่งล้ารอน...
เหนื่อยแล้ว...
ตะวันฉายยังพรายแพรวแนวแดดอ่อน
คล้ายคล้ายจะระบายสีบทละคอน
แต่ใจฉันกลับล้มนอนข้างก้อนดิน...
หมดแล้ว...
สายลมพัดความแน่แน่วไปหมดสิ้น
ทิ้งเอาไว้เพียงลมไหวที่ไหลริน
สูดซับไอไล้กลิ่นดินและทราย...
สุดแล้ว...
ลมหายใจไหวแผ่วครั้งสุดท้าย
ไร้อากัปสับสนทุรนทุราย
นอนแผ่กายตายช้าช้ากลางป่านั้น...
แล้ว...
ฝันมากมายก็เรียงแถวมาหาฉัน
ณ ที่นี้กลับมีฝันเป็นนิรันดร์
ที่แท้ฉัน..เป็นเจ้าของมัน..มาทั้งชีวิต!
4 มีนาคม 2553 19:54 น.
ตะวัน
ร้องเพลงสิ! เพื่อนนักรบ ทุกศพที่รัก
ค่ำคืนนี้เราจะพักทุกหนักเหนื่อย
มาร่ายรำตามลมไหวที่ไหลเรื่อย
และเปล่าเปลือยทายท้าฟ้าดาราจันทร์
้เราจะทิ้งสมรภูมิที่ชุ่มเลือด
ทิ้งไฟเดือดแห่งสงครามความดื้อรั้น
ทิ้งความเชื่อทิ้งศรัทธาสารพัน
สลัดคบพลบตะวันสู่จันทรา
แน่ะ!แว่วจันทร์ บรรเลงบทเพลงแล้ว
หมู่ดาวแพรวแววไหวไปทั้งฟ้า
บทเพลงจันทร์ที่กลั่นกรองจากท้องนภา
จะสวดส่งดวงวิญญาณ์ที่ล้าละลาย
เมื่อหมู่ดาววาดเสียงเรียงลำนำ
จะไม่มีความเหลื่อมล้ำมาทำร้าย
เมื่อจันทร์ไกวเปล กล่อมเห่ทะเลทราย
ทุกความหมายจะหายไปพร้อมสายเพลง
ร้องเพลงสิ! เพื่อนรักเหล่านักรบ
สานเสียงศพกลบช่องว่างที่คว้างเคว้ง
เผื่อสันติจะผลิก้าน ผ่านจันทร์บรรเลง
เผื่อเสียงเพลงจะเร่งเร้าเหง้าความรัก
เมื่อดอกฝันผลิบานประสานเสียง
เรียบและเรียงผ่านขอบฟ้าอาณาจักร
เราจะร้องพร้อมทุกเสียงที่ทายทัก
ก่อนการพักชั่วนิรันดร์จะมาเยือน
เราจะร้อง..เพื่อพวกเขาเหล่าเพื่อนมนุษย์
กลบถ้อยคำชำรุดที่เชือดเฉือน
กลบความเชื่อ ความคิด ที่บิดเบือน
หลอมวิวัฒน์ที่หลั่นเลื่อนเป็นเนื้อเดียว
ให้เสียงเพลงโหยหวนผ่านมวลสาร
ผ่านห้วงกาลธารศึกที่ลึกเชี่ยว
ผสานลม ผสมทราย ทุกสายเกลียว
ประสานฝันบางเสี้ยวเป็นถ้อยคำ
ร้องเพลงสิ! เพื่อนรัก..เถิดเพื่อนรัก
จากต่างรบมาร่วมพักสักคืนค่ำ
จะไม่มีวีรเวร หรือวีรกรรม
เหลือแต่เพียงลำนำเปื้อนน้ำตา
นี่เรารบกันไปเพื่อใครหรือ?
ใครสุมไฟโหมกระพือให้เราฆ่า
ใครยัดเยียดศัสตรา ในศรัทธา
เขาจะสั่งให้รบราถึงเมื่อไร
เถิดเพื่อนรัก..หน้าที่เราใกล้จบแล้ว
นิทรารมณ์เริ่มพรมแผ่วเข้ามาใกล้
แสงนิรันดร์เริ่มพรมพรำมารำไร
เถิดเพื่อนรัก มาโหยไห้ ให้บริบูรณ์