28 กุมภาพันธ์ 2553 08:42 น.
ตะวัน
ครืนครืน...ครื้นเสียงฟ้ากระชากกระชั้น
ทางด้านแสงก็เช่นกันกระชั้นข่ม
ก่อนเติมเต็มความโหดร้ายด้วยสายลม
พร้อมเม็ดฝนที่พร้อมจมทุกเม็ดทราย
กระแสฝนพลัดพรากฟ้ามาพร่างพื้น
กระแสไฟกลับไหวรื้นไม่ขาดสาย
กระแสเท้าโถมก้าวทับความอับอาย
กระแสตัวพลิกโยกส่าย - ตามสายดนตรี
จากสุราสู่อารมณ์ที่หลากรส
ความกำหนัดเกินกำหนดไว้เท่านี้
ชายแปลกหน้ามากับฝันอันสุนทรี
หญิงแปลกตาร้อนราตรี - ยินดีต้อนรับ
ฝนพรั่งพรู ขี้หมูไหล คนได้พบ
ความน่าขำอีกคำรบของห้องหับ
ด้วยความจริงที่สุกงอมพร้อมซึมซับ
ด้วยช่วงวัยที่พร้อมรับการรับรู้
..............................
จากราตรีสู่อรุณอันขุ่นมัว
ภาพพระสงฆ์ปรากฏตัวแต่เช้าตรู่
ภาพสายเดี่ยวเฉิดเฉี่ยวอย่างเลิศหรู
ประกอบตัวให้ได้ดูอย่างแปลกตา
25 กุมภาพันธ์ 2553 22:52 น.
ตะวัน
ฟ้ากว้าง..
ปีกบางๆกางไปไร้จุดหมาย
กรอบความคิดอิสระตะเกียกตะกาย
แต่สุดท้ายก็ตายรังยังแผ่นพื้น
ไร้แรงผินบินไปในแผ่นฟ้า
ในแผ่นฟ้ากว้างกว่าเกินขัดขืน
เกินขัดขืนแรงโน้มถ่วงร่วงสู่พื้น
ร่วงสู่พื้นแล้วเกินฝืนมายืนฝัน
ตะเกียกตะกายป่ายฟ้าถลาไถล
ผลิดอกผลิใบในจินต์เพื่อผินเพื่อผัน
ที่ท้ายที่สุดหยุดดิ้นรนผจญผจัญ
ที่ใฝ่ที่ฝันมันสูญไปไร้เรี่ยวไร้แรง
ฟ้ากว้าง..
การเดินทางยาวไกลจึงได้แท้ง
อุดมการณ์พอผ่านวันมันเปลี่ยนแปลง
ผันพลิกแพลงตามแรงลมถมความคิด
ฉันตามหาอะไร?ในแผ่นฟ้า
ฉันไขว่คว้าหาอะไรในชีวิต?
ความฝัน?วันนี้มันแค่เศษอิฐ
ถูกหรือผิดที่คิดผินบินสู่ฟ้า?
ฟ้ากว้าง..
หนทาง..ว่างเปล่าราวป่าช้า
สันสน..บนฝันที่สรรมา
ศรัทธา..เหลือมีแค่ขี้เถ้า
แต่ยังอยากฝัน..
แม้ว่ามันจะมีผลแค่คนเขลา
แม้ลมพัดซัดซ้ำเข้าชำเรา
แต่ชีวิตมีรากเหง้าเอาไว้ฝัน
ตั้งสติอภิสิทธิ์ความคิดกล้า
ปล่อยปัญญาเดินตามความดื้อรั้น
ความว่างเปล่ากลางฟ้ากว้างช่างหัวมัน
คงสักวันที่ฟ้ามันไม่ว่างเปล่า
19 กุมภาพันธ์ 2553 20:28 น.
ตะวัน
เอาล่ะ...
มาเสาะหาสาระกันเสียบ้าง
ปล่อยฝันร่ำไห้สะอื้นเสียครืนคราง
จากหนทาง ครึ่งๆกลางๆ ของชีวิต
มาสู่...รูปธรรมกันดูบ้าง
จากเคยกล่าวเคยอ้างอย่างผิดๆ
ถูสีข้าง ข้างๆคูๆ ไม่รู้ทิศ
สู่ตรรกะของชีวิตกันสักครั้ง
ใช่ไหมเล่าเราต่างคนก็ต่างล้า
เกินจะซับกับเวลาที่ถาถั่ง
ใช่ไหมเล่าเราต่างรั้นและดันทุรัง
แต่แก่นสารสักครั้งยังไม่มี
เอาเถิดน่ารสสุราน่าเบื่อแล้ว
ดูสิฝันมันผลิแนวจากเถ้าบุหรี่
ใช่แหละเพื่อนเหมือนใจกูใฝ่ดี
พร้อมตะวันลูกนี้ ที่พลันลับ
ใช่แหละเข็มนาฬิกาหมุนเปลี่ยนยุค
จากเด็กชายรักสนุกในเธคผับ
ถึงวาระชายฉกรรจ์ผันช่วงรับ
และไม่นานก็คงสดับเสียงสวดพระ
จริงอยู่เพื่อน แม้เหมือนเราได้ก้าวข้าม
ทุกนิยามของความฝันอันอิสระ
ร่วมเสพทุกข์เสพสุข ทุกวาระ
ผ่านแดด ฝน ลม ปะทะมาด้วยกัน
แต่วันนั้นถึงวันนี้ก็เท่านี้
และบางทีชั่วชีวีก็แสนสั้น
หลังดินกลบหรือศพเผาก็เท่านั้น
เถิดศรัทธาในฝันกันสักที
17 กุมภาพันธ์ 2553 17:17 น.
ตะวัน
แผ่วแรงลมพรมพริ้วผ่านทิวเทือก
สู่ผืนทรายที่ถูกเลือกให้ถูกฝัง
แปรสภาพเป็นพายุดันทุรัง
โหมเข้าสุมอย่างคลุ้มคลั่งทั้งผืนทราย
ฟ้าคืนนี้ไม่มีดาวพราวกระพริบ
ร่ำสุรากี่ร้อยจิบไร้ความหมาย
ภาพเบื้องหน้าที่คุกคามคือความตาย
ภาพเบื้องหลังที่เปล่าดายคือความจริง
เป็นความจริงที่ยิ่งมองยิ่งร้องไห้
เสรีภาพ...แต่เคลื่อนไหวในภาพนิ่ง
สันติภาพ...แต่ปืนเปลี่ยวเหนี่ยวไกยิง
อีกกี่ศพถูกกลบทิ้งที่นั่นนะ
อีกกี่การฝังกลบของชีวิต
จะยุติความวิปริตของโมหะ
อีกกี่การมอดไหม้ของอารยะ
โลกจึงจะหมดสิ้นคนสิ้นคิด
ริ้วตะวันฉายฉาบอาบปีกนก
เป็นเพียงเงาของวิหกที่ปกปิด
แต่พายุหนนี้ที่มืดมิด
จะยุติความอำมหิตเมื่อไหร่นะ!
15 กุมภาพันธ์ 2553 18:25 น.
ตะวัน
ดึกแล้ว..
เจ้าดวงแก้วเจ้าอยู่ไหนในฟ้ากว้าง
ใต้แสงเด่นเส้นโครงโยงระยาง
เจ้าพรายพร่างระหว่างดาวเหล่านั้นไหม
ท้องทะเลแห่งเวหาพร่าระยิบ
ฟ้ากระพริบวิบวาวด้วยดาวไสว
ลูกของพ่อคงทอแสงแรงละไม
กลั่นแสงไฟไร้เดียงสามาสู่ดิน
ที่กลางหาวหนาวไหมหนอพ่อใคร่รู้
หลากฤดูแปลกไปไหมเมื่อไกลถิ่น
พ่อยังห่วงหวั่นดวงใจเจ้าไม่ชิน
หากจันทราแสงสิ้น - สิ้นอุ่นไอ
ณ วิมาณธารเมฆอันเอกอุตม์
ที่ที่มวลหมู่มนุษย์สุดคว้าไขว่
ที่ซึ่งดินหินกรวดอวดแสงไฟ
ใครเล่าใครจะห่มเจ้า..เจ้าแก้วตา
เมื่อดวงดาวใหญ่น้อยคล้อยเข้าที่
ไกวและกวัดรัศมีรังสีจ้า
คงประชันกันประดับทับนภา
ใครจะมารับขวัญเจ้า..เจ้าลูกรัก
หากละอองของปุยเมฆเสกสายฝน
เป็นธารชลบนโลกาอาณาจักร
ตัวของพ่อพอมีไม้ให้พำนัก
แต่เจ้าสิ..เจ้าจะพักจะพิงใคร
-----------------------------------------------------
เอาเป็นว่า..หลับตาเถิดลูกรัก
ปล่อยความฝันไปรู้จักกับบ้านใหม่
ใครจะอวดแสงพร่าง - ช่างเขาปะไร
เพียงคืนค่ำผ่านไปใจจะคุ้น
และไม่ต้องกลัวเหน็บหนาวเจ้าลูกรัก
อีกสักพักพ่อจะไปให้ไออุ่น
พ่อจะทิ้งโลกโหดร้ายที่วายวุ่น
สู่อ้อมแขนแสนละมุน..รอพ่อนะ
ที่มา...จากชายขี้เมาเสียสติ...
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem129961.html