30 สิงหาคม 2545 22:44 น.
ตะวัน
อุดมกู...
ดำรงอยู่เพื่อให้ฝันมันขับขาน
อุดมกูไม่หรูเท่าอุดมการณ์
อุดมกูเพียงสืบสานสันดานกู
อุดมกู...กูรู้เพราะกูคิด
ส่วนเรื่องมันจะถูก - ผิดกูไม่รู้
คงมีบ้างเข้าผิดตรอกออกผิดประตู
แต่กูเชื่อ มันยังอยู่เป็นเส้นทาง
อุดมกู...ไม่สู้จะสละสลวย
ไม่สดสวยสุกใสไสวสว่าง
เอาแต่พล่านอยู่ในกรอบอันบอบบาง
แต่มันสร้างร่างตัวในหัวคิด
อุดมกู...ตู่ขึ้นมาเป็นว่าเล่น
ใช้ความฝันอันซ่อนเร้นปะต่อปะติด
มีความพลาดเป็นรสชาติของชีวิต
เป็นคุณครูของความคิดที่ไม่ครบ
อุดมกู...อุตส่าห์คิดเป็นตุเป็นตะ
กูจึงจะสืบเท้าไปให้รู้จบ
ตามครรลองคดคู้ - ที่กูค้นพบ
ตราบวาระที่ซากศพจะพบพระ
10 สิงหาคม 2545 02:12 น.
ตะวัน
ในนาม...ของความฝัน
ฉันจะกอบ เก็บคืนวัน อันหอมหวาน
จากนิทรา ฟากฟ้า ดาราธาร
จากขอบห้วง นรกานต์ มาสานเรียง
ในนาม...ของความรัก
ท่วงทำนอง จะร้องทัก ทุกสายเสียง
ทุกอารมณ์ จะสมยอม อย่างพร้อมเพรียง
ทุกคำร้อง จะร้อยเรียง และเรียงราย
ในนาม...ของความจริง
ฉันจะทิ้ง ทุกทุกสิ่ง ที่โหดร้าย
เก็บความจริง ที่โบยโบก แต่โลกนิยาย
ประสานเป็น เสียงง่ายง่าย ที่งดงาม
ในนาม...ของความคิด
เสียงดนตรี แห่งชีวิต จะหวานหวาม
สมบูรณ์พร้อม ทุกความหมาย ในนิยาม
เกินคำตอบ ของคำถาม จะคำนวณ
ลำนำนี้ เป็นของเธอ โลกที่รัก
ในนามของ การผ่อนพัก ที่ครบถ้วน
จงหลับใหล ในลำนำ ที่นุ่มนวล
ก่อนบทเพลง ที่คร่ำครวญ จะครืนคราง
10 สิงหาคม 2545 01:49 น.
ตะวัน
(1) ใต้หน้ากาก
เพียงเรียงร้อยถ้อยคำฝันอันสุกงอม
มาเติมต่อหล่อหลอมพร้อมความฝัน
ถอดทั้งใจไปเฝ้ารอวันต่อวัน
ถึงวันนี้จากวันนั้น ฉันคือกวี
ใช่ไหมที่รัก
เท่าที่ฉันรู้จักก็เท่านี้
มีสายลม มีท้องฟ้า มีราตรี
มีเดือนดาวที่แสนดีก็พอแล้ว
อาจเม็ดทรายหรือสายฝนปะปนบ้าง
อาจเอื้อนเพลงความเคว้งคว้างอย่างผ่าวแผ่ว
ให้สมบูรณ์ฉันทลักษณ์ตามหลักแนว
ก็พรั่งพร้อมเพียงพอแล้วจะเป็นกวี
(2) ถอดหน้ากาก
กูเบื่อ
อย่ายัดเยียดให้กูเชื่อเรื่องเหล่านี้
ฉันทลักษณ์ กูทะลักมานานปี
กูไร้สิทธิ์เป็นกวีหรืออย่างไร
กูไม่มีถ้อยคำฝันอันไหวหวาน
ไม่สอดคล้องความต้องการคนส่วนใหญ่
ใช่แหละกูหยาบคายบ้างจากข้างใน
แต่ใช่กูไม่ฝันใฝ่ไปเป็นกวี
กูนั่งเทียนเขียนความตามอยากเขียน
กูบั่นบากพากเพียรเปลี่ยนวิถี
กูไม่อยากจมปลักในหลักนี้
นี่แหละคือกวีในแบบกู
กวีกูไม่รู้เรื่องเมืองความฝัน
กูรู้แต่ ฝันกูนั้น ยังฝันอยู่
กวีกูอาจมีบ้าง ข้างๆคูๆ
เปิดประตูให้กูบ้างจะเป็นไร
ให้เสรีที่จริงแท้แก่กูบ้าง
เผื่อทางแยกจะแตกต่างกับทางใหญ่
ปล่อยกล้าไม้ได้ผลิช่อก่อดอกใบ
กูอยากเป็นคลื่นลูกใหม่ในวงการ
กูเบื่อแล้วบทกวีที่ฉาบฉวย
เก็บเรื่องเก่ามาเล่าด้วยอย่างหน้าด้าน
แค่เส้นหมี่สำเร็จรูปที่พร้อมทาน
เพียงปรุงปรับแล้วขับขาน ก็เป็นกวี
(3) มองหน้ากาก
หน้ากากที่รัก
เถิดเรามาหยุดพักเพียงเท่านี้
ให้ความเงียบมาเรียบเรียงเสียงดนตรี
ในลำนำ บทกวี ที่ดื้อรั้น
อย่าเสาะหาความหมายอะไรเลย
มันก็แค่ความคุ้นเคยถูกขีดคั่น
จะเป็นกวี? เป็นทำไมเพื่อใครกัน
ก็ว่างเปล่า ก็เท่านั้น - ฉันไม่ใช่กวี