15 มิถุนายน 2545 01:02 น.
ตะวัน
เอาล่ะ...
มาเสาะหาสาระกันเสียบ้าง
จากฝันร่ำไห้สะอื้นครืนและคราง
จากหนทาง ครึ่งๆกลางๆ ของชีวิต
มาสู่...รูปธรรมกันดูบ้าง
จากเคยกล่าวเคยอ้างอย่างผิดๆ
ถูสีข้าง ข้างๆคูๆ ไม่รู้ทิศ
สู่ตรรกะของชีวิตกันสักครั้ง
ใช่ไหมเล่าเราต่างคนก็ต่างล้า
เกินจะซับกับเวลาที่ถาถั่ง
ใช่ไหมเล่าเราต่างรั้นและดันทุรัง
แต่แก่นสารสักครั้งยังไม่มี
เอาเถิดน่ารสสุราน่าเบื่อแล้ว
ดูสิฝันมันผลิแนวจากเถ้าบุหรี่
ใช่แหละเพื่อนเหมือนใจเริ่มใฝ่ดี
พร้อมตะวันลูกนี้ ที่พลันลับ
ใช่แหละเข็มนาฬิกาหมุนเปลี่ยนยุค
จากเด็กชายรักสนุกในเธคผับ
ถึงวาระชายฉกรรจ์ผันช่วงรับ
อีกไม่นานก็คงสดับเสียงสวดพระ
จริงอยู่เพื่อน แม้เหมือนเราได้ก้าวข้าม
ทุกนิยาม ของโลกกว้าง อย่างอิสระ
ร่วมเสพสุขเสพทุกข์ ทุกวาระ
ทั้งแดด ฝน ลมปะทะก็ด้วยกัน
แต่วันนั้นถึงวันนี้ก็เท่านี้
และบางทีชั้วชีวีก็แสนสั้น
หลังดินกลบหรือศพเผาก็เท่านั้น
เถิดศรัทธาในฝันกันสักที
15 มิถุนายน 2545 00:43 น.
ตะวัน
มองฟ้า...จากมุมมองของท้องฟ้า
สัมผัสดวง ดาริกา ที่ล้าแสง
ประหนึ่งดาริการอน จนอ่อนแรง
กลางมหรสพ การแสดงของฟากฟ้า
มหรสพหลังคบไฟได้ถูกปลิด
โรงละครฟากฟ้าประดิษฐ์ แสงไฟกล้า
ดูนั่นซี ฟ้าฟากนี้มีจันทรา
ห้อมด้วยเหล่าดาริกานับร้อยพัน
แต่อีกฟากมีซากดาวที่แสงดับ
จากโชติช่วงแล้วล่วงลับพร้อมกับฝัน
เบื้องหลังฉากมหรสพภพอนันต์
มีเสียงเพลงจากสวรรค์ถึงนรกานต์
เสียงจากเพลงบรรเลงสวดอย่างรวดร้าว
ทั้งร้อนรุ่มและเหน็บหนาวกราวประสาน
เรียกน้ำตาจากวิญญาณ์ ราวสายธาร
อาลัยแสง...อันตระการวันวานสกาว
ใช่ไหมเล่าเจ้าดาริกาเอ๋ย
ถึงวันนี้เจ้าคงเคยผ่านร้อนหนาว
โคจรผ่านฉากหลังนี้ก็หลายคราว
เห็นหลุมศพของดวงดาวก็หลายครา
หลุมฝังศพที่กลบเกลื่อนความอัปลักษณ์
อยู่หลังฉากอาณาจักรของท้องฟ้า
สุดท้ายแล้วก็ว่างเปล่า...เจ้าดาริกา
เจ้าจะรอนทั้งโรยราถึงเมื่อไร
มหรสพเพียงตบตา ดาริกาที่รัก
พอเสียเถิด หยุดพัก สักวันไหม
จิบสุรา เคล้าน้ำตาแห่งอาลัย
กลางสุสานอันกว้างใหญ่ไปด้วยกัน
สวนสุสานที่ไม่มีสีและแสง
ณ หลังฉากการแสดงของสีสัน
จะมีความเยียบเย็นเป็นนิรันดร์
และไม่มี ใครอื่นฝัน นอกจากเรา