25 มกราคม 2553 17:16 น.

หยุดเถิดมวลมนุษย์...

ตะวัน


        จริตจรรยาชั่วช้า                       ชุกชุม
โมหะดั่งมรสุม                                   เสกสร้าง
ตัญหาก่อก้อนกุม                              เกาะจิต  ใจแฮ
ทั่วถิ่นจึ่งรั่วร้าง                               ร่วนไร้อริยชน

    ฤาโลกสุดอาจเอื้อม                        อหิงสา
ฤามนุษย์ปรารถนา                           นรกร้อน
จึงแก่งแย่งเข่นฆ่า                             คารวะ  อำนาจ
แปรเปลี่ยนเป็นปลิ้นปล้อน                ปลดสิ้นมโนธรรม

       พสุธาสะเทือนสะทกสะท้าน                 ถล่มทลาย
มวลหมู่มนุษย์มุ่งหมาย                          มิสุดมิสิ้น
จักรวรรดิวะวุ่นวะวาย                           วอดทั่ว
ดาลเดือดดับด่าวดิ้น                              ด่างพร้อยทั่วธรา

    มโหรีตีเป่าร้อง                                  รัวระงม                    
เสียงส่งสู่กามรมณ์                                 รุ่มเร้า
ฝักใฝ่สิ่งโสมม                                       หมกมุ่น
สารพัดสิ่งยั่วเย้า                                    หยุดยั้งมโนธรรม

    สรวงสวรรค์สรรเสกสร้าง                   สรรพสัตว์
กำเนิดกฎบริพัตร                                  ผูกหล้า
บัดนี้โลกวิบัติ                                        เบนเปลี่ยน ตามกฎ
ไฉนบ่เสกผู้กล้า                                    กอบกู้เสถียรธรรม

				
24 มกราคม 2553 19:34 น.

โลกที่ไม่มีใคร...

ตะวัน

 ขณะฟ้าเปลี่ยนสี...
เมฆทุกก้อนในตอนนี้หยุดเคลื่อนไหว
ฟ้าจ๋าฟ้า...สีของฟ้า...ฟ้าเกินไป
ตาฉันพร่าฟ้าเห็นไหมหยดน้ำตา...

ยินเสียงเข็มวินาทีที่เดินทาง...
น้ำในตามันพร่าพร่างจนทางพร่า
มองไม่เห็นเส้นจุดหมายที่ปลายฟ้า
ไม่อาจแม้แต่สบตาดวงตะวัน...

ฝันหนึ่งฝันในวันนี้ที่ผ่านพ้น...
คนหนึ่งคนในวันนี้ที่ผ่านผัน
ความเดียวดายผ่านวันนี้มีอีกวัน
ฉันไม่มีใครทั้งนั้นไม่มีเลย...

ความอ้างว้างช่างเย็นเยียบและเรียบง่าย...
ดูคล้ายๆ...สรรพสิ่งหยุดนิ่งเฉย
แต่ความจริงเธอรู้ไหม...ไม่ใช่เลย
มันเป็นเพียงความคุ้นเคยที่จำใจ...

สิ่งที่ฉันนั้นทำได้ในตอนนี้...
คือสบตาเข็มนาทีที่เคลื่อนไหว
เพื่อรับรู้ว่าโลกนี้ไม่มีใคร
ตั้งแต่เธอ...เดินจากไป...ไม่มีจริงๆ...

				
30 ตุลาคม 2552 20:54 น.

สวัสดีนางฟ้า..

ตะวัน

สวัสดีนางฟ้า..
ฉันล้า..ฟ้ากว้างช่างโหดร้าย
ปีกบางกางถาหาจุดหมาย
สุดท้ายก็คล้ายที่เคยหนี
ร่อนเร่เรื่อยๆจนเหนื่อยแล้ว
ยังไร้วี่แววแนววิถี
แดดกล้าพายุประทุถี่
ฟ้ากว้างวันนี้ไม่มีฝัน

เธอจำได้ไหมนางฟ้า..
ฉันเคยบอกว่า โลกใบนั้น
มันเลว มันบ้า สารพัน
สุดท้ายแล้วฉันหนีไม่พ้น

ฉันเพิ่งรู้..นางฟ้า
วิถีคนกล้าที่หาค้น
มันอยู่ในใจอันไหววน
ไม่ต้องดิ้นรนด้นถึงฟ้า
หากใจไหวเต้นเช่นใครเขา
รากเหง้าเงาฝันคือปัญหา
รางวัลปัญหาคือปัญญา
การหนีมีค่าแค่กล้าขลาด

ฉันจะไม่หนีอีกแล้ว..นางฟ้า
ฉันจะหยิบปัญหามาขีดวาด
ใช้ฝันอันเร้นเป็นกระดาษ
ระบายความขลาดด้วยรอยยิ้ม				
18 ตุลาคม 2552 22:57 น.

ถนน...

ตะวัน

เป็นเรื่องเล่า..
มีชายขี้เมานอนเฝ้าถนน
ท่าทางตระหนกพูดวกวน
ตื่นหลับสับสนเหมือนคนบ้า

ก่อนหน้านี้..
แกหนีจากแดนอนาถา
ทิ้งควายทิ้งไร่ขายที่นา
มาตายดาบหน้าในเมืองหลวง
หมดทางทำกินในถิ่นเก่า
หยาดฝนที่เฝ้ามันทิ้งช่วง
ข้าวขวัญไม่งอกเป็นดอกรวง
ชีวิตติดบ่วงความกลวงว่าง

จูงมือเมียรักสู่หลักฝัน
ผจญภัยเมืองสวรรค์อันแสนกว้าง
ซื้อสดรถเข็นเป็นหนทาง
เร่ขายไก่ย่างข้างถนน
สองแรงแข็งขันผลักดันชีพ
ในเมืองเร่งรีบกระเสือกกระสน
ในเมืองเล่นแง่เห็นแก่ตน
ในเมืองที่คนโตบนรถ

ผ่านเดือนเป็นปีที่เมืองใหญ่
บางอย่างเคลื่อนไหวไปตามกฎ
ก่อเกิดพันธะมาประชด
ธรรมชาติกำหนดกฎเอาไว้
เมียแกตั้งท้องได้สองเดือน
เป็นสาส์นมาเตือนความเคลื่อนไหว
ให้รีบทำหามายาใส้
ที่เหลือเก็บไว้ให้ลูกรัก
สองคนสองใจสามชีวิต
กับทางในทิศที่ขลุกขลัก
ความเหนื่อยสองเท่าเข้ามาทัก
รอวันลูกรักปรากฎตน

แต่วันหนึ่ง..
มีภาพมาตรึงคนครึ่งถนน
สุดสยองสุดเศร้าเคล้าระคน
รถเก๋งพุ่งชน คน - รถเข็น
มีภาพผู้ชายร้องไห้ร่ำ
ฝีปากสีคล้ำพร่ำไห้ไม่เว้น
กอดร่างหญิงท้วมเลือดท่วมกระเซ็น
ผู้คนพบเห็นต่างเวทนา

ทีวีทุกช่องพร้อมท่องข่าว
เกิดเหตุเรื่องราวสาวสิบห้า
ขับรถแหกโค้งตรงเข้ามา
พุ่งถลาชนคนบนทางเท้า

เกิดเป็นข่าวเศร้า แปด - เก้า วัน
บริษัทประกันเคลียร์เรื่องเศร้า
จ่ายค่าทำศพเพื่อกลบข่าว
ที่เหลืออยากเอาเชิญฟ้องร้อง
ชายผู้รอดตายจากท้ายรถ
แววตาสลดสะกดจ้อง
ภาพฝันมันพาน้ำตานอง
กูจะไปฟ้องให้ได้อะไร

เป็นเรื่องเล่า..
มีชายขี้เมาเฝ้าร่ำไห้
ปากพร่ำใจเพ้อละเมอนิยาย
ปุจฉาทิ้งไว้ให้คนสลด
(หนึ่งคนสองชีวิตคิดห้าหมื่น
ปล่อยเด็กวานซืนฝืนขับรถ
หรือค่าสังคมแค่ลมตด
อนาคตสะกดไว้ให้คนรวย)???
 				
26 กันยายน 2552 11:36 น.

ข้างทาง

ตะวัน

เดินทางกลางเมืองอันเขื่องโข
แหกโซ่กรงกรอบที่ครอบขัง
หลายมือยื้อยุดจะฉุดรั้ง
หลายหน้าตาตั้งพลางก่นว่า
แต่เสียงเรียงกราดไม่อาจทัด
มุ่งฝ่าอาณัติการวัดค่า
เพราะทั่วหัวใจไร้ศรัทธา
สุดท้ายกลายว่าเป็นหมาขี้เรื้อน
เมืองกระเพื่อมเหลื่อมขอบกรอบความคิด
อารยะปะติดให้บิดเคลื่อน
วิถีชีวิตมันบิดเบือน
ถูกผิดอิดเอื้อนไม่เลื่อนที่
แท่นหูกผูกล้อทอวัฏจักร
หลอมเส้นเป็นชนักกักทางหนี
กฎกรอบครอบถิ่น - บ้าสิ้นดี!
เกลียดโลกใบนี้เสียที่สุด

แต่เหลือบมอง..
วนิพกร่ำร้องกลางกลองชุด
ณ ทางข้างถนนผู้คนหยุด -
โอบห้อมล้อมมนุษย์ผู้รุดบรรเลง
เขาปิดเปลือกตามาร่ำร้อง
ผุดดำทำนองรัวกลองเร่ง
เขาเปรียบเรียบเรียงด้วยเสียงเพลง
ใจฉันมันเคว้งละเลงลม
ไยเขาก้าวย่างอย่างอิสระ?
เหมือนไร้พันธะให้สะสม
ทั้งที่ชีวิตเหมือนติดหล่ม
นี่หรือ เรียกผมบังภูเขา?
วนิพกชกกลองร้องเพลงร่า
ทายท้า ฟ้า ฝน คน เขม่า
ดูเขาสุขใจไปถึงเหง้า
เหมือนเขาเข้าใจ - อะไรชีวิต

.........

ฉันแอบยิ้ม..
เขามองรอบริมส่งยิ้มสะกิด
คล้ายบอกคอกขังจะฝังทุกทิศ
หากมีชีวิตไม่คิดจะรับ 				
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตะวัน