15 มิถุนายน 2549 10:20 น.
ตราชู
ผมโง่ไหมครับ?
หากผมบอกทุกท่านว่า มีคนเอาเงินหมื่นมายื่นให้แล้ว ตัวผมปฏิเสธ คงถูกด่าช้านานยิ่งกว่าฟังมหาชาติร่ายยาวกระมัง แต่... โปรดรับฟังผมสักนิดก่อนนะครับ บางที ในความเกรี้ยวกราดของท่าน (ที่เห็นผมมันซื่อบื้อ) จะผ่อนคลายลงบ้าง
นักเขียน เป็นอาชีพในฝันของใครๆหลายคน รวมถึงผมด้วย สู้อดตาหลับขับตานอน นั่งจิ้มคอม สร้างเรื่องสั้น นวนิยายเก็บไว้หลายเรื่อง แล้วส่งไปให้สำนักพิมพ์เขาตรวจ คอย ค้อย คอย วันแล้ว วันเล่า รอว่าเมื่อไหร่ เจ้ามือถือเครื่องน้อยจะส่งสัญญาณให้ผมรับ จากนั้น ก็จะมีเสียงจากสำนักพิมพ์แห่งใดแห่งหนึ่ง กรอกหูผมเต็มๆว่า
เราจะนำเรื่องสั้นของคุณ ลงตีพิมพ์ในหนังสือเล่มถัดไปนะครับ นั่นก็คือนิมิตหมายอันดี บอกผมว่า ผมกำลังจะได้เติบโตในเส้นทางที่ฝันใฝ่ แต่แล้ว อนิจจา....... โอดดดดดดดดดดด ไม่รู้จะต้องใช้เพลงโศกสักกี่เพลงมาบรรเลง จึงจะสาสมกับความซมเซาสิ้นหวังของผม เพราะผลงานเหล่านั้น ละลายกลายเป็นอากาศธาตุพร้อมๆกับการระเหยหายของสายลม (ว่าไปโน่น) นั่นทีเดียว แต่แล้ว จู่ๆ อย่างไม่นึกไม่ฝัน ผมก็ (เกือบ) ได้เงินหมื่นมาครอบครอง
สำหรับใครที่ชื่นชอบเรื่องดารา (แบบว่าอยากรู้เรื่องชาวบ้านเขาน่ะ)มีหนังสือพิมพ์มาส่งก็เลือกอ่านข่าวบันเทิงก่อนอื่นใดทั้งสิ้น คงรู้จักชื่อ พิงค์กี้ เป็นอย่างดีนะครับ นางเอกละครหลังข่าว (ประเภทแย่งภรรยาแย่งสามี หรือผู้หญิงแย่งผู้ชาย ไม่งั้น ก็นางเอกรวย พระเอกจน หรือ พระเอกจน นางเอกรวย นั่นแหละ) ซึ่งกำลังมาแรงแซงโค้งดาวดวงใหม่ด้วยกันอยู่ในเวลานี้ ด้วยรูปร่างหน้าตาสะสวยบาดใจหนุ่มๆ ประกอบกับบทบาทในละครซึ่งเธอแสดงได้ถึงอารมณ์คนดู ทำให้พลุพิงค์กี้พุ่งทะยานสู่ฟ้า ฟู่ฟ่าได้ในเวลาไม่นานนัก บอกตรงๆเลยครับ ผมไม่เคยติดตามผลงานทางจอแก้วของเธอเลย แต่เหตุที่รู้จักมักจี่กับเธอเข้า เนื่องจาก บ้านเราอยู่ติดกันนั่นเอง
อย่าเพิ่งเข้าใจว่าผมกำลังโอ่โอ้อวดนะครับ ผมเพียงแค่จะบอกเพื่อเท้าความว่า พิงค์กี้กับผมเห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย เด็กหญิงพวงชมพู เธอมีชื่อจริงว่าอย่างนั้น แต่ทำไม พอดังเข้า ชื่อเล่นที่แม่นิยมเรียก หนูพู จึงเปลี่ยนเป็นภาษาฝรั่งไปได้ กระแดะ เอ้ย ไม่ใช่ ใช้คำว่าเห่อจะดูดีกว่ากระมัง ส่วนผมน่ะ ชื่อจริงคือ นายศรีศักดิ์ นามสกุล สุภาพชน (แต่ทำตัวไม่สมนามสกุลเอาเสียเลย) เราเจอกันบ่อย พูดกันบ่อย ตามประสาคนบ้านใกล้ แต่หลังๆมา พวงชมพูไม่ค่อยจะพูดกับผมเท่าไร ขนาดทักยังเชิดใส่ อย่างว่า เขาดังแล้วนี่ ฐานะก็ดีด้วย ผมทั้งไร้ชื่อเสียง ทั้งจนข้นแค้น ก็น่าอยู่หรอก ที่ดาราเขาเมิน
แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง ตอนแดดร่มลมสงัด (ร้อนชิบเป้งเลยครับ) ขณะที่ผมเดินกินลม (จะกินทำไมวะเนี่ย ก็ลมไม่พัด) อยู่นั้น พวงชมพูในเครื่องแต่งกายสวยพริ้งก็เดินมาหา เดินมาหาจริงๆนะครับ อัศจรรย์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ศักดิ์ เธอส่งเสียงหวานใส ศักดิ์ ว่างอยู่หรือเปล่า เราอยากคุยด้วยหน่อยได้ไหม
สวัสดี พู ผมทักทาย (แถมส่งยิ้มให้ด้วยเล็กๆ) มีอะไรหรือ เราว่าง ว่ามาซิ่
ถ้าไม่รบกวนเกินไป ไปคุยกันที่บ้านเราดีกว่า หญิงสาวกึ่งชวนกึ่งเสนอ
จะดีหรือ ผมติง น้าผ่องแกจะว่าเอา ที่ผมพูดเช่นนั้น ก็เพราะ เดิมที คุณผ่องพรรณแม่ของเธอก็เคยต้อนรับผม ทว่าพอลูกสาวดังเข้า ดูเหมือนแกจะระมัดระวังในการคบคนยิ่งขึ้นกว่าก่อนแยะเชียว
ไม่ว่าหรอก นางเอกชื่อดังรับรอง เราปรึกษากับแม่ไว้ก่อนแล้ว
งั้นตกลง ผมรับคำ แล้วเดินตามเธอไป
ผมจะไม่ขอเสียเวลาพรรณนาบ้านเศรษฐีให้ท่านฟังนะครับ เอาเป็นว่า หรูหราสุดๆก็แล้วกัน น้าผ่องดูยิ้มแย้มกว่าเคยเมื่อเจอผม ลงมือคั้นน้ำส้ม หาขนมมาเลี้ยงด้วย พอผมกินเสร็จสรรพ แกก็ออกไป ทิ้งให้ผมคุยธุระกับลูกสาวเพียงลำพัง (ฮั่นแน่ ผมเชื่อว่า คงมีคนอ่านอิจฉาผมแล้ว ใช่ไหม)
ศักดิ์ พวงชมพูเริ่มขึ้นก่อน ตอนนี้ยังเขียนหนังสืออยู่หรือเปล่า
เขียนเรื่อยๆแหละ เมื่อเธอถามสั้น ผมก็ตอบสั้นเช่นกัน
แล้ว ส่งไปให้สำนักพิมพ์เขา ผลเป็นยังไงบ้าง เอ จะมารูปไหนกันหว่าพิงค์กี้ ผมคิดอยู่ในใจ
ส่ง แล้วก็กินแห้วทุกที
ถ้างั้น รับรองครั้งนี้ ไม่กินแห้วแน่ๆ คือ หญิงสาวหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนต่อประโยค ศักดิ์คงเห็นใช่ไหมว่า หมู่นี้ดาราดังๆรุ่นพี่ๆเราเขาออกหนังสือกันเยอะ แย้มๆมาแค่นี้ ผมก็รู้แล้วว่าเรื่องอะไร แล้วก็ไม่ผิด เราก็เลยอยากออกหนังสือกับเขาบ้าง แต่เราเขียนเองไม่เป็น พอดีนึกถึงศักดิ์ขึ้นมา เลยมาขอความช่วยเหลือ เราติดต่อสำนักพิมพ์ไว้แล้ว เขาว่าจะรับ ขอให้มีต้นฉบับส่งเท่านั้นแหละ
เออ ชั่งสะดวกสบายจริงนะแม่คุณทั้งหลาย แตกต่างกับนักอยากเขียนอีกหลายๆคนเป็นยิ่งนัก อาศัยชื่อเสียงเป็นบันไดไต่เต้า ปล่อยคนอับชื่อให้อับโชคอยู่ตาปีตาชาติ แล้วหนังสือของพวกเธอ ส่วนมากก็อวดรูปสวย บางคน หน้าหนึ่งๆ บรรจุคำไม่กี่คำ เฮ่ออออออออออออออออออออ กลุ้ม
เราอัดเทปไว้ เล่าประวัติ เล่าเรื่องส่วนตัวไว้หมด ศักดิ์เพียงช่วยเรียบเรียง ตกแต่งให้ดูดี ดูเพราะ ก็แค่นั้น เรารับรองนะ ว่า รายได้ดี เพราะหนังสือพวกนี้ พิมพ์ออกมาไม่เท่าไรก็ขายเกลี้ยงแผง ได้กำไร เราก็แบ่งกัน เราจะเริ่มให้ค่าตอบแทนศักดิ์เมื่อเขียนเสร็จงวดแรกก่อน ศักดิ์ต้องการเท่าไหร่ บอกมาเลย
พูจะให้เราเท่าไหร่ล่ะ ผมแกล้งหยั่งไปอย่างงั้นเอง ซึ่งเธอก็เสนอราคาเบื้องต้นเป็นจำนวนเลขถึงห้าหลัก
ถามแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะ หนังสือนี่ ใช้ชื่อผู้แต่งว่า พิงค์กี้ พวงชมพู ใช่ไหม นี่แหละครับ นิสัยขวานผ่าฟืนของผม
ใช่ นั่นแหละครับ คำตอบของเธอ
ถ้างั้น เราไม่รับงานนี้ ผมบอกปัดโดยวางฟอมทำนิ่งคิดอยู่เพียงแป๊บเดียว
อะไรนะ ศักดิ์ เธออุทานเสียงสูง งานง่ายๆ ได้เงินเหนาะๆ เธอยังไม่เอา
เธอจะฟังเราอธิบายไหม ผมเริ่มเคร่งขรึม
เราก็อยากรู้เหมือนกันแหละ สมัยนี้ ใครๆเขาก็ต้องการเงินทั้งนั้น ใครมายื่นเงินให้ ถือว่าโชคดีนักหนา แต่เธอกลับไม่รับ
ภู เราขอถามเธอก่อน นักเขียนสำหรับเธอ หมายถึงอะไร ผมขอรุกดาราบ้างหละ
ก็ คนเขียนหนังสือ มีหนังสือออกมาให้คนอ่านไง
เธอเข้าใจผิดนะ นักเขียนไม่ใช่คนเขียนหนังสือได้ ถ้าอย่างงั้น ทุกคนก็เป็นนักเขียนกันหมดแล้ว เพราะต่างก็เขียนหนังสือเป็นด้วยกันทั้งนั้น เราหมายถึง จับปากกา หรือดินสอ วาดตัวอักษรสื่อสารกับคนอื่นๆให้เข้าใจ เช่นเราหยิบปากกาขึ้นมาเขียนข้อความบนกระดาษว่า วันนี้อากาศร้อนจัง นี่ก็เรียกว่าเขียนหนังสือแล้ว คนอ่านก็เข้าใจด้วย แต่ สำหรับนักเขียน ไม่ใช่แค่นั้น ท่านเขียนหนังสืออย่างมีศิลปะ มีวิธีการเรียบเรียงถ้อยคำอย่างประณีต อย่างข้อความที่ว่า วันนี้ อากาศร้อนจัง ถ้าทำให้เป็นภาษาวรรณศิลป์ อาจเขียนเสียใหม่ว่า วันนี้ อากาศผะผ่าวราวรับกระไอจากเตามหายักษ์บนฟ้าโน้น นี่แค่ประโยคเดียวนะ แล้วเธอคิดดู นักเขียนต้องเขียนหนังสือทั้งเล่ม หรือบางท่านเขียนมากกว่า ๑ เล่ม กว่าจะเขียนเสร็จ ต้องใช้เวลาขนาดไหน วรรณกรรมทุกประเภท มีองค์ประกอบมากมายนัก หนังสือหนึ่งเล่มที่เธอได้อ่าน บางที อาจใช้เวลาค้นคว้ากว่าครึ่งชีวิตของคนเขียนก็เป็นได้ ผมสูดลมหายใจลึกๆ นึกเรียบเรียงถ้อยคำก่อนจะร่ายต่อ
ทีนี้ เมื่อสร้างด้วยความยากลำบาก ท่านก็ย่อมภูมิใจในผลงานที่สร้าง เพราะท่านสร้างด้วยจิตวิญญาณทั้งหมด แล้วเธอล่ะ คิดจะเขียนหนังสือ ได้จับดินสอ ปากกา หรือพิมพ์คอม เพื่อกลั่นกรองถ้อยคำด้วยตัวเองไหม ใช่ เธอพูดอัดเทป ใครๆก็ทำได้ เราถามหน่อย ถ้าหนังสือเขียนเสร็จ แน่นอน ยอดขายย่อมพุ่งปรู๊ดในไม่นาน แต่เธอภูมิใจนักหรือที่จะให้สัมภาษณ์กับใครๆว่าเธอเป็นคนเขียนขึ้นมา ในเมื่อเธอไม่เคยจรดพยัญชนะลงด้วยมือเลยแม้แต่อักขระเดียว
แหม ศักดิ์ก็ จะไปเคร่งเครียดอะไรนักหนา เดี๋ยวนี้ดาราเขาก็ทำกันอย่างงั้นแหละ
เธอกำลังดูถูกดาราที่ท่านเขียนหนังสือด้วยตัวเองนะ ผมเตือนแกมตำหนิ
ตกลง เธอไม่รับงานนี้ใช่ไหม เงินนะ เงิน พวงชมพูชักหงุดหงิด
ใช่ เงิน บางทีมันก็ทำให้คนโง่ งง งมงาย ผมสวนโต้กลับทันควัน
งั้นเธอก็โง่ต่อไปเถอะ ดาราดังสะบัดเสียง หน้าง้ำเห็นทันตา เรามีเรื่องรบกวนเธอเท่านี้แหละ
สรุปก็คือ วันนั้น ผมชวดเงินหมื่น หาก ก็มีความสุขและหยิ่งผยองในตน ผมเดินกลับบ้านด้วยใจปีติ พอหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเก่า เจ้าโทรศัพท์มือถือก็กังวานขึ้นแหลมปรี๊ด ผมรีบรับสายทันที
นั่นคุณศรีศักดิ์ สุภาพชนใช่ไหมครับ
ครับผม
เราโทร์มาจากนิตยสารสร้อยอักษรานะครับ เพื่อแจ้งให้คุณทราบว่า เรื่องสั้นชื่อ ตาดูดิน ตีนติดตม ของคุณ จะได้รับการตีพิมพ์ในปักษ์หน้าของเราครับ
ผมมือสั่น สั่น สั่น สั่น โอ๊ย จะพูดยังไง ดีใจจริงๆ ถึงแม้ว่านี่คือก้าวแรก และค่าตอบแทนอาจเล็กน้อย หาก มันก็เกิดจากแรงวิริยะของผมโดยแท้ ผมคุยกับทางนิตยสารสร้อยอักษรา ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ก็เอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้อย่างปลื้มเปรม มาถึงตรงนี้ ก็จะย้อนถามท่านผู้อ่านอีกครั้งครับ ตกลง ผมโง่หรือเปล่า ที่ปฏิเสธเงินหมื่น กรุณา เมตตาตอบผมด้วยครับ
______________________________________________________