14 กุมภาพันธ์ 2556 08:18 น.

แมลงเม่าเล่าเรื่อง

ตราชู

แมลงเม่าเล่าเรื่อง

	วันหนึ่งโพล้เพล้ เวลาจวนค่ำอีกเพียงครู่ บรรดาหมู่แมลงเม่าบินเข้าบ้านฉันเหมือนวันก่อนๆ 
คนในบ้านส่วนใหญ่มิมีใครใจอ่อนไว้ชีวิตมัน พลันรีบเปิดไฟล่อให้มันบินระเริง แล้วดับร่างกลางเพลิงชั่วพริบตาน่าสังเวช ฉันสังเกตจากสัมผัส รู้สึกชัดๆว่ามีอะไรมาเกาะตรงบริเวณคอ อ๋อ คงเป็นแมลงเม่าเพียงตัวเดียว 
ดีเทียวเธอ จะขอเสนอข้อไต่ถามสักนิด ฉันส่งกระแสจิตสื่อภาษาใจไปยังสัตว์ตัวจ้อย แมลงเม่าน้อยเอย 
อย่านิ่งเฉยเลยสหาย ช่วยอธิบายเปลื้องความโง่ฉันหน่อยเถิด พรรคพวกเธอเตลิดเพริดพรูๆสู่ไฟ
บรรลัยลาญ เห็นแสงเตโชฉานช่วงฉาย ซ้ำยลเพื่อนตกตายท่ามอัคคี แล้วไยยังยินดีบินรี่ไปเจอมัจจุราช 
อนาถหนอ!

	ฉันขอตอบคำถามที่เธอกังขาขานกล่าว พวกเราดิ้นด่าวดับไหม้เพราะเป็นหน้าที่
เอ๊ะ ไฉนนี่เป็นเช่นนั้น ฉันถาม
ฉันจะเล่าความ ขอเพื่อนจงตั้งใจฟัง

	แต่ปางหลังย้อนกลับไปนับด้วยอสงไขยปี เทพเจ้าผู้ทรงมหันตบารมีสร้างแมลงเม่าขึ้นมา 
ท่านสอนบรรพบุรุษแห่งฉันว่า สูเจ้ามีกายาสำหรับปฏิบัติกิจ อุทิศตัวตายกลางตโมไพรี 
โอ! ท่านผู้ทรงศรีอุดมศักดาเดช เหตุใดธุระพวกเราจึ่งต้องร้อนเร่าก่อนร่างร่วง
สูเจ้าทั้งปวงจำไว้ อีกมิเนิ่นนานสมัย จะมีสัตว์ใจอุบาทว์ชนิดหนึ่งมาอุบัติ บัญญัติสมยาว่า มนุษย์ พวกมันจะเก่งกร่างสร้างสิ่งสมมุติขึ้นนับบ่ห่อนถ้วน จากนั้นก็ล้วนหลงใหลมายาอุปมาเหมือนถูกคุมขัง 
ถึงยังมีชีวิตก็มิผิดกำลังตายทั้งเป็น ทนทุกข์ขุกเข็ญแสนสาหัส เราจึ่งประสงค์สร้างสัตว์แมลงเม่า หมายให้คณะสูเจ้าไปตาย เพื่อเตือนมนุษย์ทั้งหลายให้ตื่น ฟื้นตนจากอวิชชาตัณหาอุปาทาน สูเจ้าจะดำรงวงศ์วานปฏิบัติงานนี้อีกนานครัน บางที อาจจนกว่ามนุษย์สูญเผ่าพันธุ์ก็ได้

	ฉันรู้ว่าไฟจะลวกชีวี หากก็พร้อมสละพลีชีพ ปลุกประทีปไพจิตรแก่ดวงจิตพวกเธอ มนุษย์เซ่อเขลาเง่างั่ง เข้าใจหรือยังกับคำชี้แจง
หัวอกฉันแห้งหดหู่ห่อเหี่ยวทันใดเมื่อฟังคำไขจนจบ นิ่งสงบพูดอะไรไม่ออก สักครู่ แมลงเม่าบอกลาก่อนนะ พันธะฉันยังมิสำเร็จเสร็จสิ้น ฉันต้องโบยบินไปดับลมปราณแล้ว
เพื่อนแก้ว ฉันขอร้อง เธออย่าลอยล่องไปตายมิได้หรือ
ฉันสัตย์ซื่อต่อหน้าที่ เธอเลิกเจรจาจู้จี้เสียทีสิ เร่งตรองเห็นมรณานุสติดำริถอนตนพ้นเปือกตมหล่มปลักอัปรีย์ดีกว่า จบวาจา แมลงเม่าก็บินเข้าสู่แสงไฟ ปล่อยน้ำตาตกในเนืองนองชุ่มวิญญาณฉัน
เพื่อนขวัญ ฉันจะคิดถึงเธอเสมอ เธอ แมลงเม่าปิยมิตร

(๑๓ ถึง ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖)

หมายเหตุ:
	ผมเขียนบันทึกชิ้นนี้ โดยอาศัยบทกวีร้อยแก้วของท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ เป็นแรงบันดาลใจสำคัญยิ่งครับผม				
4 มิถุนายน 2554 10:01 น.

สิ่งตอบแทน

ตราชู

สิ่งตอบแทน

	หญิงชายวัยชราทั้งสองผู้เดินเงื่องหงอยออกมาจากโรงพยาบาลนั้น ใครๆแลเห็นย่อมรู้แม้มิต้องไต่ถาม คนทั้งคู่กำลังแบกทุกข์หนักอึ้ง เพราะใบหน้าอันหมองคล้ำอยู่แล้ว บัดนี้คล้ำหมองทวีคูณ ความอาดูรล้นพ้นปรากฏชัดเด่นในแววแห่งดวงตาซึ่งรื้นหยาดน้ำใส ร่างจ้อยๆในมโนคำนึงนั่นเองคือต้นกำเนิดของทุกข์มโหฬารทั้งปวง

	ไอ้น้อย หลานของแกแท้ๆ เลือดเนื้อเชื้อไขของอีนวลลูกสาวอายุสามสิบห้า ไม่มีใครจะคิดหรอกว่ามันจะมีผัว พ่อแม่คะเนตรงกัน มันต้องขึ้นคานแน่นอน จู่ๆ  มันกลับหนีตามพ่อม่ายเมียตายคนหนึ่งไป มินานก็กระเตงลูกอ่อนแบเบาะมาให้แกโอบอุ้มฟูมฟัก ส่วนตัวมันซิ่ ฝากลูกเสร็จก็จรลีลี้หาย จะไปไหน ทำอะไร ไม่มีข่าวคราวแม้แต่วี่แวว หลานตัวกระจิริดได้รับการประคบประหงมโดยมือตายายจนอายุได้หกขวบกว่า จวนเจียนจะย่างเข้าขวบที่เจ็ดอยู่รอมร่อ ก็เผอิญมีเหตุเกิดขึ้นแก่มัน

	ไอ้น้อยเป็นไข้มาตั้งแต่สามวันก่อน ผู้เลี้ยงดูทั้งสองป้อนหยูกยาตามกำลังจะหาได้ให้มันกิน ไข้ก็คล้ายๆจะเซา ทว่าก็กลับสูงขึ้นอีก ล่วงเข้าวันที่สาม ไอ้น้อยตัวร้อนราวไฟร้องครางฮือๆสลับกับเพ้อออกมาโดยไม่รู้สึกตัว ซ้ำทำท่าจะชัก ทั้งตาทั้งยายตระหนกอกสั่นหน้าซีด ละล้าละลังอุ้มมันมาหาหมอ ก็เพราะโรงพยาบาลแห่งนี้อยู่ใกล้บ้านหลังซอมซ่อของแกมากที่สุด แกจึงตัดสินใจมุ่งมา หมอตรวจแล้วบอกว่า ไอ้น้อยมันเป็นไข้เลือดออก อาการน่าห่วง ต้องค้างโรงพยาบาล โธ่! แก้วตาของสองผู้เฒ่า จะปล่อยให้มันกลับบ้านได้อย่างไร กลับไปพบความตายอย่างนั้นหรือ ใครเล่าจะยอม เมื่อฝากมันไว้กับหมอแล้ว แม่เฒ่าจันทร์ศรีก็เดินทางหวนกลับบ้าน ทิ้งผัวให้อยู่เฝ้าหลานไปก่อน ตัวแกจะไปขนข้าวของเพื่อมานอนเฝ้ามันด้วยอีกคน กับทั้งตระเตรียมเงินทองไว้ให้พร้อม เรื่องเงินนี้เองที่พาให้ใจรันทดท้อ ค่าหมอ ค่ายา ยังค่าอะไรต่อมิอะไรจิปาถะอีก สองคนผัวเมียจะมีพออย่างไรกัน ไอ้อาชีพทำขนมขายวันละไม่เท่าไหร่ เนื่องจากสังขารมันมิอำนวยให้เกิดเรี่ยวแรงเยี่ยงสมัยเมื่อยังสาว ได้เงินมาใช้วันต่อวันพออยู่พอกินนี่ก็ถือว่าบุญโข ถ้าค่ารักษาไอ้น้อยมันแพงลิ่ว จะหันหน้าไปหาใคร อีนวลหรือ หมดหวัง จนป่านนี้ไม่เห็นมันกลับบ้านสักหน เออ บางที เงินฝากในธนาคารซึ่งก็ใช่จะเยอะแยะอะไรนักต้องเบิกถอนมาใช้จนหมดกันหละคราวนี้  ถ้ายังไม่พอ ก็เห็นจะต้องยืมเขา ยืมญาติแกกับญาติผัวเอามารวมกัน คงพอ ก็แค่คงตามความคาดหวังของแก แต่... ถ้ามันไม่พอจริงๆล่ะ

เนื่องจากกำลังก้มหน้าตรองด้วยวิตก จึงมิทันสังเกตเห็นใครคนหนึ่งผู้เดินสวนทางมา ต่อเมื่อชนถูกร่างนั้นเข้า หญิงชราจึงเงยหน้าขึ้นพลางละล่ำละลัก
	ขอโทษขอโทษทีพ่อคุณ ยายไม่ทันเห็น หูตาคนแก่มันฝ้าฟาง พ่ออย่าถือสาหาความเลย ก็เห็นยิ้มผ่องใสระบายทั่วดวงหน้าสะอาดหมดจด เขาเป็นชายหนุ่ม คะเนอายุตามสายตาที่มองเห็นจะอยู่ราวๆสามสิบต้นๆ
โอ๊ะ คุณยาย ผมต่างหากล่ะครับต้องเป็นฝ่ายขอโทษ  รับผิดเสียเองพร้อมยกมือขึ้นไหว้ ผมตัวเองน่าจะตาไวหลีกทางให้คุณยายก่อน ดันเดินตรงรี่มา กำลังจะกลับบ้านน่ะครับ นี่คุณยายจะไปไหนครับ ถ้าหากไปทางเดียวกัน ขึ้นรถผมก็ได้ ผมเต็มใจไปส่งครับ กิริยาพาทีของเขาเรียบร้อยน่าชม ไม่แข็งกระด้างเหมือนหนุ่มวัยเดียวกันบางคน
	ยายก็จะกลับบ้านเหมือนกัน พาหลานมาหาหมอจ้ะ แม่เฒ่าไม่อำพราง
	อ้าว แกป่วยเป็นอะไรครับ คำถามนุ่มนวลนั้นก็น่าฟัง
	ไข้เลือดออก แกตอบเพียงสั้นๆ
	เข้าหน้าฝนแล้วต้องระวัง เด็กเป็นโรคนี้กันเยอะ ว่าแต่ อาการเด็ก ผมหมายถึงหลานคุณยายเป็นอย่างไรบ้างครับ
	ก็พอดู หางเสียงหญิงชราแหบพร่าลงฟังได้ถนัด แววกังวนจากนัยน์ตามิอาจซ่อนเร้นอีกฝ่ายได้ต่อไป
	ผมสังเกต ดูเหมือนคุณยายกำลังไม่สบายใจอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มทักขึ้นตรงจุด ก่อนจะอาสามาว่า มีอะไรให้ผมรับใช้บ้างไหมครับ ผมยินดีเสมอ
	ขอบใจหละพ่อคุณ พ่ออุตส่าห์ห่วงใยนี่ก็ชื่นใจคนแก่แล้ว ไม่ขอรบกวนหรอก ฝ่ายอาวุโสปฏิเสธอย่างละมุนละไม
	ขอให้ผมมีส่วนช่วยเหลือบ้างเถิดครับ คนที่เพิ่งพบกันครั้งแรกรบเร้าวิงวอน ผมมีลูกชายคนหนึ่ง อายุห้าขวบ ผมรักลูกมาก เลยพลอยทำให้รักเด็กๆทุกคนไปด้วย ได้ยินข่าวลูกหลานใครเจ็บไข้ก็อยากดูแล มันเหมือนได้ดูแลลูกเรายังไงยังงั้นเชียวครับ
	โมทนาสาธุ พ่อเป็นคนใจพระจริงๆ ยายไอ้น้อยออกปากสรรเสริญ ขอให้เจริญๆเถิดนะ แต่ไอ้เรื่องช่วยฉันฉันกับผัวเกรงใจ ไม่กวนพ่อหรอก ตอนท้ายแกย้ำเจตนาแจ้งชัด
	งั้น หนุ่มกิริยาดียังเพียรต่อรอง ขอคุณยายโปรดบอกเบอร์ห้อง บอกชื่อหลานให้ผมจดไว้ได้ไหมครับ ผมมาธุระแถวนี้ประจำ จะแวะไปเยี่ยม
	ถ้าแค่เยี่ยมหละก็ยินดี นางจันทร์ศรีอนุโลมยินยอม บอกสิ่งที่เขาต้องการรู้ แล้วจึงตัดบทขอตัวกลับบ้าน

	โรคร้ายของไอ้น้อยทุเลาลงเรื่อยๆ ชะรอยมันสั่งสมบุญเก่าเอาไว้มาก ยมบาลเลยยังไม่มาเอาวิญญาณ เป็นธรรมดาอยู่เอง เมื่อมีเงินก็มียา เงินถึงก็ยาถึง ตายายเทเงินสะสมจนหมดตัว ประสมประเสกับเงินเครือญาติใจดีของแกทั้งสอง บวกเงินขอยืมจากชาวบ้านซึ่งรู้จักมักคุ้นกันมานาน บางคนเอื้ออารีมาเยี่ยมหลานก็มี ทว่ารายที่สร้างความอัศจรรย์ถึงขีดสุดแก่สองผู้ชราคือพ่อหนุ่มผู้เซ้าซี้ยายจันทร์ศรีขออุปถัมภ์ค้ำจุนนั่นแหละ เขามาเยี่ยมไอ้น้อยตั้งหลายหน และก็ใช่จะมามือเปล่า ของกินทะนุบำรุงสุขภาพสำหรับเด็กก็ดี สำหรับญาติเด็กก็ดี  ขนมาให้มิได้ขาด ท้ายสุดไม่พ้นธนบัตรที่เจ้าตัวยกมือไหว้ปลกๆ มิหนำกราบลงกับตักหญิงชายสูงอายุทั้งสองท่านพร่ำขอให้รับไว้
	หลานน้อยของคุณตาคุณยายอายุห่างจากลูกผมปีเดียวเองผมเห็นเขาก็นึกรักแต่แรกเห็น ช่างน่ารักเสียจริง คุณตาคุณยายโปรดเอาบุญรับเงินไปเถิดครับ ครั้นแกอิดเอื้อน เขาก็มิหยุดคะยั้นคะยอ จนคนถูกตื๊อต้องซื้อรำคาญรับมา ปากก็ให้ศีลอำนวยพรไปตามธรรมเนียม พอพ่อนั่นกลับ เฒ่าบุญสมก็สั่งเมียทันที
	ข้าวของกับเงินพ่อหนุ่มคนนั้นน่ะ แกเอาไปบริจาคให้ใครก็ได้  หรือไม่ก็เอาไปทิ้งเถอะ
	พิลึกแล้วตาแก่ หญิงชราแกค้านทันควันด้วยขวางหู คนเขามีน้ำใจ ไปทิ้งของเขาได้อย่างไร
	เออแน่ะเมียฉัน  ดูคน เขาต้องดูถึงข้างใน ดูแค่ข้างนอกมันหลอกเอาง่ายๆนา ฝ่ายผัวติงเตือน เมียก็พลันย้อนถามน้ำเสียงขุ่น
	แล้วแกรู้จักเขาหรือ ตาไอ้น้อยหัวเราะหึๆ
	ตอนแรกเจอน่า ฉันคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็น มองๆไปชักมั่นใจแฮะ ยายเอ๊ย ไม่ผิดตัวแน่ๆ เดี๋ยวเมื่อไรกลับบ้านกัน ฉันจะชี้ให้ดู ไม่ต้องไปไกลหรอก เข้าซอยก็เห็นแล้วหละ

	รถโฆษณาหาเสียงหลายคันจากหลายพรรควิ่งผ่านเข้าผ่านออกทั่วซอยทุกวี่ทุกวัน เนื่องด้วยวันเลือกตั้งครั้งใหม่กระชั้นติดชิดใกล้เข้ามาทุกขณะ ในบรรดาผู้แทนที่ปราศรัยปาวๆบนรถทั้งหลายแหล่นั้น มีพ่อหนุ่มใจพระตามคำยกย่องของแม่เฒ่าจันทร์ศรีรวมอยู่กับเขาด้วย เขาแต่งกายโก้เก๋ทีเดียวเมื่ออยู่ในมาดผู้สมัคร ส.ส.
	กราบสวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาปู่ย่าตายายทุกๆท่าน ถ้อยทักทายทั่วถึงฟังฉะฉานชัดเจน กระผม นายพิพัฒน์ นามสกุล พิชิตชัย มาขอโอกาสรับใช้ท่านทั้งหลาย ผมเป็นคนเขตนี้ครับ อยู่นี่มานาน จึงรู้ว่าปัญหามันมีอะไรบ้าง นี่ก็ทุ่มเทวิญญาณมาสมัคร ส.ส. เขต ขอแบกภาระจากหลังจากไหล่ของท่านมาไว้บนไหล่ของผมแทน ท่านประสงค์สิ่งใด บอกผมได้เลยครับ ต่อจากนั้น พ่อเจ้าประคุณก็เจื้อยแจ้วแคล่วคล่องปานน้ำไหล พูดถึงนโยบายสารพัดสารพัน ตบท้ายด้วยการย้ำหมายเลขประจำตัว กับพรรคอันเขาสังกัดอยู่ ลงจากรถ ทีนี้ก็เยี่ยมเยียนประชาชนทุกบ้าน แล้วก็ถึงบ้านตายายไอ้น้อยจนได้

	สวัสดีครับ คุณตาคุณยาย รอยยิ้มใสเช่นเดียวกับสำเนียงคือคุณลักษณะโดดเด่นของเจ้าตัว
	สวัสดีจ้า แม่บ้านขานตอบพลางรับไหว้อีกฝ่าย
	ขออนุญาตให้ผมเข้าไปกราบคุณตาคุณยาย เยี่ยมหนูน้อยได้ไหมครับ
	เชิญเถิดพ่อคุณ ว่าที่ ส.ส. คุณยายของพ่อหนุ่มสัพยอกหยอกเอินรื่นเริง พิพัฒน์ก้าวเข้ามาภายในบ้าน ก็เห็นตายายรวมหลานพร้อมหน้า ไอ้น้อยมันนั่งเล่นรถแข่งคันจิ๋วเพลิดเพลิน พอถูกตาเตือน จึงหันมาสวัสดีครับกับแขก แล้วง่วนกับของเล่นต่อ
	โอ้โฮ ชายหนุ่มร้อง หนูน้อยแข็งแรงแล้ว เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนได้แล้วสิครับ แหมดีจัง ทีนี้ก็ต้องระวังยุงล่ะครับ แถวนี้ยุงมันชุม
	ก็ต้องยอมผิดศีลข้อหนึ่งล่ะพ่อ ฆ่าลูกน้ำทุกวัน คุณยายหัวเราะๆ
	ผมอยากจะคุยนานๆเหลือเกิน แต่ธุระยังมีอยู่ ยังไงก็ฝากเบอร์ห้าสิบหก พรรคสยามยืนยงไว้พิจารณาด้วยนะครับ อุ๊ย เกือบลืม เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือ หยิบซองซองหนึ่งยื่นส่งให้แม่เฒ่า
	ผมฝากไว้ให้หนูน้อยครับ อยากจะซื้อของเล่นให้แก ก็ไม่มีเวลา คุณยายแกยังไม่ทันจะรับ ก็พอดี พ่อบ้านแทรกขวางกลางคัน
	วางไว้ตรงโต๊ะนั่นแหละพ่อคุณ ขอบคุณมากที่มีแก่ใจมาหา
	โธ่ คิดถึงคุณตาคุณยายจะตาย นี่ถ้าไม่ติดหาเสียง ผมจะมาจนคุณตาคุณยายเบื่อหน้าเลย วันนี้ขอตัวก่อนนะครับ สิ้นคำอำลา ผู้สมัคร ส.ส. หนุ่ม ก็เดินจากไป

	หนึ่งพันบาท ซองบรรจุธนบัตรถูกแกะออก แม่เฒ่าอุทานเมื่อรู้จำนวนเงิน
	เงินสกปรก พ่อเฒ่ากลับโพล่งไปคนละทาง นี่แหละ พวกปากหวานก้นเปรี้ยว ให้สิบบาท หวังจะเอาคืนสิบล้าน
	แกระแวงเขามากไปหรือเปล่าหือ ตา เมียอดเถียงไม่ได้ ฉันดูๆ พ่อนี่เขาอารีอารอบอยู่ไม่น้อยเลยนา ดูอย่างไอ้น้อย ไม่ใช่ลูกหลาน เขายังอุตส่าห์ไปเยี่ยม ซื้อของไปฝาก อีตอนนั้นก็ทีหนึ่งหละ แกให้ฉันเอาของไปให้คนอื่นหรือไม่ก็ไปทิ้ง หนนี้ก็อีก เขาอาจเอ็นดูหลานเราจริงๆก็ได้ถึงให้เงินมา
	อ้าวยาย ถูกมันตุ๋นเสียแล้วแน่ๆ นี่ ขยับเข้ามานี่ ฉันจะขึ้นธรรมาสน์ เอ๊ย จะจาระไนให้ฟัง ชั่วๆดีๆตอนหนุ่มๆฉันเคยเป็นครูบาอาจารย์แกก็รู้ ไอ้เรื่องหน้าที่พลเมืองก็พอสาธยายให้แกฟังได้ไม่อับจน ทุกวันวิทยุทีวีเขาก็รณรงค์เรื่องงดซื้อสิทธิ์เว้นขายเสียงออกขรม ฟังนะ ฉันจะร่ายยาว อย่าเพิ่งเบื่อเสียก่อนนะ สำคัญมากเชียวนา

	ขนมในหาบถูกขายไปจนเกลี้ยง ยายจันทร์ศรีคอนหาบเปล่าเดินทอดน่องมาตามทาง กำลังจะหักเลี้ยวตรงซอยเข้าบ้านแก ก็เผอิญเหลือเกิน เจอะหน้าพ่อหนุ่มพิพัฒน์เข้า เขาคงจะเสร็จจากหาเสียงในซอยและจะเดินทางกลับกระมัง

	สวัสดีครับ คุณยาย ท่าไหว้ของเขายังชดช้อย วาจารื่นหูมิผิดเมื่อแรกพบกันหน้าโรงพยาบาล มีขนมอะไรเหลือให้ผมซื้อบ้างไหมครับ หิวจังเลย
	หมดแล้วจ้าพ่อหนุ่ม คุณยายเอื้อนเอ่ยอารมณ์ดี ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเชียว พ่อพิพัฒน์เพิ่งเสร็จงานหรือจ๊ะ งานหนักล่ะซี
	ครับ หนัก แต่ก็มีความสุข พรุ่งนี้.... ชายหนุ่มแสร้งทิ้งประโยค หยุดพูด ปรารถนาเรียกร้องความสนใจจากคนฟัง แล้วจึงต่อเนื้อความที่ค้างไว้
	เข้าคูหาเลือกตั้ง คุณยายโปรดอย่าลืมหมายเลขห้าสิบหก พรรคสยามยืนยงนะครับ
	ไม่ลืม แต่ไม่เลือกหรอกจ้ะ คำตอบราบเรียบ เช่นเดียวกับสีหน้าเรียบราบของผู้ชราวัยทำเอาคนวัยหนุ่มคอแข็งด้วยผิดคาดอย่างแรง หากแล้ว ความชำนาญเชิงก็ทำให้เขาเสหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกอลวนภายใน
	ฮั่นแน่ คุณยายมีมุกแกล้งล้อผมเล่นเสียด้วย
	ไม่ใช่มุก ยายพูดจริงๆ แม่เฒ่าลงน้ำหนักเสียง
	โธ่ คุณยายไม่สงสารหลานบ้างหรือครับ ผู้อ่อนอายุกว่าออดอ้อน
	ก็สงสารน่ะซี ยายถึงเลือกไม่ลง เป็นเหตุผลแปลกประหลาดยิ่ง คนยืนงงยังมิทันจะอ้าปาก คุณยายก็อธิบาย
	พ่อพิพัฒน์ นักการเมืองเดี๋ยวนี้หาดีไม่ได้สักคน นั่งกันเต็มสภาก็ไอ้เขี้ยวลากดินทั้งนั้น คนดีๆเข้าสภาไปเจอคนชั่ว นานๆไปก็เลวตามเขา ตอนพ่อหนุ่มหาเสียง บอกว่าอยู่เขตนี้มานาน ยายก็อยากให้คนดีๆอยู่คู่เขตเรา ไม่อยากให้แปดเปื้อนสิ่งสกปรก พ่อพิพัฒน์อุตส่าห์ช่วยเหลือหลานยายเมื่อป่วย พระคุณมากจนยายไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรไหว ก็ทำได้แค่ไม่เลือกพ่อนี่แหละ พ่อจะได้ดำรงความดีเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าพ่อหนุ่มได้เป็น ส.ส. แล้วทำชั่ว คดโกงบ้านเมืองขึ้นมา ยายจะเสียใจหนักเพราะเป็นคนหนึ่งที่ขีดกากบาทให้

	พิพัฒน์เดินจากแกไปในเย็นวันนั้นด้วยอิริยาบถงดงาม ยายจันทร์ศรีมิรู้หรอกว่าเขาโกรธหรือรู้สึกอย่างไรภายหลังฟังแกแถลง หญิงชรายิ้มกับตัวเอง เดินต่อจนถึงบ้านด้วยความเบิกบานในหัวใจ

(เริ่มเขียน ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๔ จบเรื่องลงวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๔ ครับผม)				
2 กรกฎาคม 2552 11:46 น.

ขับร่ำคำหอม

ตราชู

ขับร่ำคำหอม

	ไมเคิล แจ็คสัน ตายแล้ว ข่าวนี้สั่นสะท้านหวั่นไหวไปทั่ว แน่นอน... ราชาเพลงป็อบหมดลมปราณในยุคที่ข้อมูลมากมายหลากไหลรวดเร็ว ข่าวย่อมแพร่สะพัดกระพือว่องไวยิ่ง เพียงเวลาไม่กี่ชชั่วโมง โลกก็กระเทือนด้วยความโศกอาลัย

	ชายหนุ่มปิดเครื่องเล่นซีดี เมื่อกังวานเสียงห้วงสุดท้ายจบลง ในห้องของเขาจึงเงียบสงบชั่วครู่  ขณะห้องพี่สาว เพลงฝรั่งของศิลปินบันลือโลกผู้เพิ่งวายชนม์ยังดังแว่วออกมา เขาหันหน้ามองลอดหน้าต่างออกไปเบื้องนอก หยาดฝนพรมพรำตกต้องหลังคาบ้าน เปาะ เปาะ ถอนสายตากลับมาภายใน ความรู้สึกบางอย่างแล่นไล่กันเป็นระลอก มันคือความหม่นหมองล้ำลึก แล้วน้ำตาก็เอ่อซึม

๑. 

	แกไม่ไปดูไมเคิลจริงๆน่ะเหรอ พี่สาวเซ้าซี้ สนุกนะโว้ย นานๆที ซุปเปอร์สตาร์ระดับโลกเขาจะมาบ้านเรา
	ไม่หละ น้องชายสั่นหน้าประกอบคำปฏิเสธ ผมไม่เห็นจะตื่นเต้นตรงไหนเลย บัดคอนเสิร์ตก็แพง พันห้าแน่ะ
	แกหละก็ จะทำตัวเชยๆถึงเมื่อไหร่วะ ผู้เกิดก่อนค่อนแกมเย้า โลกมันหมุนไปถึงไหนแล้ว ลืมตาดูเสียมั่งซิ่ ไอ้ที่แกว่า บัตรตั้งพันห้าน่ะ เขานักร้องระดับโลกเชียวนา ค่าตัวมันก็ต้องแพงเป็นธรรมดา
	ผมไม่อยากเห็นใครลูบเป้ากางเกงให้ดู ผู้เกิดหลังตอบกลับหน้าตาเฉย
	บ้า สาววัยรุ่นร้องเอ็ด มันท่าเต้นเฉพาะของเขาย่ะ ไอ้คนสัปดนจ้องจะจับผิดมันก็หาเรื่องไปเรื่อย แกไม่ดูก็ช่าง ฉันดูคนเดียว เชิญพ่อเจ้าประคุณฟังเพลงพระเจ้าเหาตามสบายเถอะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว

	ลับร่างพี่สาว น้องชายหันเข้าหาเครื่องเล่นเทปเครื่องเดิม กดปุ่มเปิดฟัง เมื่อนั้นเอง เสียงขยับกรับระรัวก็กระทบหู ตามด้วยสำเนียงเอื้อนอันแสนหวานจับใจ

	เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่
ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย
ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ

	แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก
ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะไอ้ขุน
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ
ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน

	แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก
คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน
จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว

	เด็กชายอายุสิบสี่ปีสูดลมหายใจล้ำลึก สำหรับเขา บทเสภาบทนี้ซาบซึ้งลึกล้ำ ครูแจ้ง คล้ายสีทอง เขาทบทวนนามของท่านผู้ขับทำนองด้วยความทึ่ง ครูท่านเสียงดีเหลือเกิน ฟังทุกครั้งขนลุกทุกคราว กรอเทปกลับ ฟังทวนอีกหลายเที่ยว แล้วขับเสภาตามลีลาของท่าน ทำอย่างไรหนอ ถึงจะขับได้เหมือนครูแจ้ง เด็กชายครุ่นคิดไม่เว้นวาย ทุกคำที่ครูขับถ่ายทอดภาพ ความนึกคิด อารมณ์ ฯลฯ ของตัวละครให้เขาสัมผัสอย่างเด่นชัด จริงสิ.... จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว แม่ครับ คิดถึงแม่เหลือเกิน

	อย่าร้องไห้ลูก คนดีของแม่ เงียบนะจ๊ะคนเก่ง แม่ปลอบโยนเขาที่สถานีรถไฟขณะใกล้จะจากกัน แม่ส่งหนูไปอยู่กับน้าพรที่กรุงเทพฯ เพื่อหนูจะได้เรียนสูงๆ เข้าโรงเรียนดีๆ มีเพื่อนเยอะๆ ไม่ชอบหรือ
	ผมอยากอยู่สุพรรณกับแม่มากกว่า แม่ส่งพี่รินไปแล้ว ให้ผมอยู่นี่เถอะเจ้าร่างจ้อยวิงวอน ยังไม่หยุดสะอื้น
	ลูกจ๋า แม่รักหนูมากนะ ไม่อยากให้ต้องลำบากเหมือนพ่อเหมือนแม่เมื่อโตขึ้น ถึงส่งหนูไปกรุงเทพฯ หนูเข้าใจแม่ด้วยนะจ๊ะ ไม่เอาน่า.... หยุดร้องไห้นะคะ ไปอยู่กับน้าพร กับพี่รินเขา พอปิดเทอม ทั้งพี่ทั้งน้องก็กลับมาหาพ่อกับแม่ เห็นไหม เราไม่ทิ้งกันซะหน่อย เดี๋ยวไปอยู่โน่นก็สนุก เชื่อแม่ซิ่ นั่น รถไฟมาแล้ว เตรียมตัวเถอะลูก นับตั้งแต่วันนั้น เด็กชายรักษ์ไทย ก็ย้ายมาอยู่กับพี่สาว เด็กหญิงรินธาร ณ กรุงเทพมหานคร เมืองซึ่งมีอะไรๆเยอะแยะ แปลกๆใหม่ๆเข้ามาเสมอๆ รินธารตื่นเต้นทุกทีกับแฟชั่น ทว่า สำหรับเขา ยังคงรักษ์ไทยสมชื่อ จนถูกกระแหนะกระแหนจากทางบ้านและผองเพื่อนว่าเชย เฉิ่ม เปิ่น บ่อยหนอยู่เหมือนกัน เด็กชายทดลองทำอะไรๆตามสมัยนิยม แต่ก็กลับพบว่า นั่น มิใช่ตัวตนของเขาเลย

	๒.
	กราบเท้าแม่ทูนหัวที่เคารพยิ่ง

	ลูกมีเรื่องภูมิใจเขียนมาเล่าให้แม่ฟัง ลูกได้รับคัดเลือกจากอาจารย์ เป็นตัวแทนนักเรียนชั้น ม.๕ ของโรงเรียน ไปขับเสภาประกอบละครเรื่อง ขุนช้างขุนแผน ซึ่งทางโรงเรียนได้รับเกียรติให้จัดแสดงขึ้นที่หอสมุดแห่งชาติเมื่อวันอาทิตย์ก่อน ดีใจมากครับ คนดูตั้งหลายคน พี่ๆจากกรมศิลป์ออกปากชมว่าเสียงลูกคล้ายครูแจ้ง คล้ายสีทอง ยิ่งทำเอาลูกปลาบปลื้ม อิ่มอกแทบไม่ต้องกินข้าวเชียว แม่ก็รู้นี่ครับ ลูกรักครูแจ้งมาก ครูแจ้ง คนสุพรรณ จังหวัดเดียวกับเรา ลูกคนสุพรรณ เมืองนักร้องนักเพลง เมืองศิลปิน ก็ต้องขับต้องร้องให้ได้อย่างครูท่าน ตอนลูกขับเสภา ลูกคิดถึงพ่อกับแม่มาก อยากให้มาดูจัง อ้อ วันนั้น น้าพรไปดูด้วย แต่พี่รินบอกไม่ว่าง ติดเรียนพิเศษ รายนั้นน่ะ เสาร์อาทิตย์อยู่บ้านไม่เป็นหรอก มีคอนเสิร์ตเพลงฝรั่ง เพลงไทยวัยรุ่นหละก็ไปดู บัตรแพงแค่ไหนซื้อ ซื้อ น้องชายขับเสภาไม่เสียเงินสักบาตร สละเวลามาเป็นกำลังใจนิดหนึ่งก็ไม่ได้ อะไรเก่าๆไม่เอาหมด เฮ่อ หรือลูกจะคับแคบก็ไม่รู้ซี

	เราสองคนมีความสุขดีครับ ถึงบางเรื่องจะขัดกันก็ตาม ปีหน้าลูกก็จะขึ้น ม.๖ ใกล้สอบเอ็นทรานส์เข้ามาทุกทีๆ คงต้องกวดขันตัวเองมากกว่าเก่าอีกโข พ่อกับแม่ช่วยเป็นกำลังใจให้ลูกด้วยนะครับ รบกวนแม่เพียงแค่นี้ก่อน โอกาสหน้าลูกจะเขียนมาใหม่ครับ

โดยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
รักษ์ไทย ทองสุพรรณ

	๓.
	โอ้โฮ ขับเสภาถวายเชียวหรือตารักษ์ น้าพรออกอุทาน เมื่อฟังหลานชายเล่าจบลง สีหน้าท่าทางบ่งความปิติแจ่มชัด
	ครับ ทางมหาวิทยาลัยมอบหมายมา รักษ์ไทยตอบ สีหน้าราบเรียบ ทั้งๆความปรีดาท่วมท้น
	ท่านจะเสด็จฯ เมื่อไหร่นะ วันจันทร์หน้าใช่ไหม น้าสาวซักเพิ่มเติม
	ครับ เสด็จฯ เยี่ยมชมกิจการ แล้วทรงเปิดตึกหลังใหม่ด้วย
	เก่งจริงนะเรา นี่รับปริญญาแล้ว จะเข้าทำงานกรมศิลป์หรือเปล่าเนี่ย
	ดูก่อนครับน้า ผมอยากทำงานที่นั่นมาก แต่ความสามารถยังไม่ถึง
	โอ๊ย ไม่ถึงอะไรกัน ผู้อาวุโสกว่าค้านเสียงสูง หลานน้าน่ะ ขับเสภาเก่งออกยังงี้ พากย์โขน ร้องเพลงไทยเดิม เห่เรือก็ได้ ไปสมัครงานที่นั่น เขารับแหงๆ
	จริงค่ะคุณน้า รินธารคล้อยตามพลางเสริม คนโบร่ำโบราณอย่างนายรักษ์ ต้องทำงานที่นั่นหละค่ะ เหมาะ
	เอ้า ยอมรับหละว่าแก่ก่อนอายุ ว่าแต่พี่เถอะ จะไปฟังผมขับเสภาไหม เขาให้คนนอกเข้าฟังได้นา ฝ่ายนั้นสั่นหัวฉับพลัน
	เหอะ เธอทำเสียงในคอส่ออาการเบื่อหน่าย แค่ฉันฟังแกซ้อมขับทุกวันก็จะอ้วกแล้วย่ะ
	อะไร เสียงผมออกจะเท่ อาจารย์ยังว่า คล้ายครูแจ้งเลย คนเป็นน้องคุย
	แหวะ ยอตัวเองก็ได้ด้วยแฮะ ไม่เอาหละ วันจันทร์หน้าฉันมีงาน
	ไม่ดูก็ไม่ง้อ
	น้าจะไปฟัง น้าพรรีบบอก เออ เขาอัดซีดีไว้ไหม
	คงอัดหละน้า รักษ์ไทยแบ่งรับแบ่งสู้
	ถ้าอัดหละก็ ขอเขามาด้วยนะ สักสองสามแผ่น ส่งไปให้พ่อกับแม่เขาฟังด้วย จะได้ดีใจ
	ครับ หลานชายหรับคำ

	๔.

	กราบเท้าแม่ทูนหัวที่เคารพยิ่ง

	ลูกได้งานทำแล้วครับ เป็นครูสอนภาษาไทยให้นักศึกษา ก็ที่มหาวิทยาลัยซึ่งลูกเรียนจบมานั่นแหละ อยู่กับเยาวชน เห็นพัฒนาการของพวกเขาแล้วก็หดหู่ เด็กสมัยนี้โตเร็วครับแม่ แต่โตแบบรากไม่แน่น เขาพร้อมจะถูกกระแสเชี่ยวกรากของวัฒนธรรมยุคโลกาภิวัตน์พัดกระจัดกระจายตามแรงของมันอย่างสะเปะสะปะ แต่.... จะโทษคนรุ่นใหม่ก็ไม่ถูก ผู้ใหญ่ประเภทตะกระตะกรามนี่ตัวดีนัก ยัดโน่นยัดนี่ให้เด็ก เพื่อจะได้ผลิตสินค้าออกมาขาย วัฒนธรรมนอกกำลังขายดี พวกนักตักนักโกยก็ตักก็โกยกันสนุก วัฒนธรรมเราก็กลายเป็นสินค้าไปแล้วครับ ผลิตมาเพื่อขายเท่านั้น ลูกพูดเรื่องเหล่านี้ให้นักศึกษาฟัง พูดทีไร เขาแอบนินทากันว่าอาจารย์ครึทุกที จนคำ อาจารย์ครึ กลายเป็นฉายาของลูกในที่สุด  ลูกม่ว่าพวกเขาหรอก สิ่งที่ตั้งใจไว้ก็คือ ใครจะมองลูกอย่างไรก็ตาม ลูก จะทำหน้าที่ของลูกต่อไป หน้าที่สืบสานวัฒนธรรมอย่างไรเล่าครับแม่ แม้จะหนัก จะเหนื่อย ในยุคเช่นนี้ ลูกก็จะสู้ ขอแม่โปรดอวยพรลูกด้วย เขียนมาแจ้งข่าวให้แม่ทราบเท่านี้ก่อนครับ ฝากกราบแทบเท้าพ่อด้วย ปิดภาคเรียนเมื่อไร ลูกจะขึ้นไปสุพรรณบ้านเราทันที

โดยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
รักษ์ไทย ทองสุพรรณ

	๕.

	ไมเคิล แจ็คสัน ตายแล้ว ตาย หลังครูแจ้ง คล้ายสีทอง แต่... ข่าวของเขาถูกกล่าวขานเนิ่นนานติดต่อเนื่องกันหลายวัน ขณะข่าวครูแจ้ง ปรากฏเพียงประปราย รายการวิทยุ โทรทัศน์ในเมืองไทยมากมายนำเพลงของแจ็คสันมาฟัง ขณะเสียงครูแจ้ง ถูกเปิดรำลึกเพียงบางรายการ
	ก็ครูแจ้งของแกน่ะ ไม่ใช่ศิลปินระดับโลกนิ่ ช่วยไม่ได้ นั่นคือเหตุผลของพี่สาว แหละนั่นก็น่าจะใช่เหตุผลของคนไทยจำนวนไม่น้อยเช่นกัน เป็นความผิดของบรมครูขับเสภาของสยามกระนั้นรือ ที่ชื่อเสียงของท่านมิกำจายไปสู่โลกอันมโหฬาร โลกอันไร้พรมแดน โลกอันพร้อมดูดกลืนวัฒนธรรมย่อยให้สูญหายในห้วงสมุทรแห่งวัฒนธรรมใหญ่ ทำไม สื่อมวลชนไทย รวมถึงคนไทยจำนวนหาน้อยไม่ จะต้องรอให้ โลก ยกย่องคนชาติเดียวกันก่อน ตนจึงจะสดุดีผสมโรง?

	ฝนยังลงเผาะๆพรำๆ ท้องฟ้ามัวหม่นคล้ายคนซึมเซา เพลงไมเคิล แจ็คสัน จากห้องของรินธารยังดังมาเพลงแล้วเพลงเล่า รักษ์ไทย ทองสุพรรณ หันมาหาเครื่องเล่นซีดีอีกครั้ง กดปุ่ม เมื่อนั้นเอง เสียงกรับระรัวก็กังวาน แล้วสำเนียง ท่านครูแจ้ง คล้ายสีทอง ก็วิเวกวังเวงเสมือนหนึ่งถ้อยสั่งลา

	ลำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว
ทั้งเกดแก้วพิกุลยี่สุ่นศรี
จะโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี
จำปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ

	ที่มีกลิ่นก็จะคลายหายหอม
จะพลอยตรอมเหือดสิ้นกลิ่นตลบ
ที่มีดอกก็จะวายระคายครบ
จะเหี่ยวแห้งเซาซบสลบไป

(๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒)

หมายเหตุ:
บทเสภาที่อยู่ในเครื่องหมายอัญประกาศ คัดจาก เสภาขุนช้างขุนแผน ตอนที่ ๒๔: กำเนิดพลายงาม รจนาโดย ท่านสุนทรภู่ และตอนที่ ๑๘: ขุนแผนพานางวันทองหนี สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ครับผม				
25 ธันวาคม 2551 11:11 น.

คอยคลื่นคืนฝั่ง

ตราชู

เรื่องสั้น: คอยคลื่นคืนฝั่ง

	๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ วันนี้คือวันสุดท้ายที่สมาคมของเราจัดประชุมขึ้น ณ จังหวัดแห่งนี้ ถือเป็นวันท้ายสุดในการกินลมชมทะเลอันดามันของพวกเรา ถึงแม้หลายคน แน่หละ รวมผมเข้าไว้ด้วย จะอยากอ้อยอิ่งทิ้งเวลาให้เนิ่นนานออกไปอีก แต่ในเมื่อทางองค์กรสั่งให้กลับก็ต้องกลับ งานยังมีรอเราอยู่ งานซึ่งต้องสะสางให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปี

	เนื่องจากความหลงใหลในเสน่ห์หาดทรายสีทองกระตุ้นเร่งเร้า เราจึงลงไปลอยคอเล่นคลื่นตั้งแต่บ่ายจนเย็น พอพระอาทิตย์ลับแสง ก็กลับที่พักผลัดเสื้อผ้า พักผ่อนตามอัธยาศัย ผมพักร่วมกับเพื่อนอีกสองคน พรศักดิ์ กับ ประเสริฐ คนแรกต้องเรียกว่าซี้ปึ้ก เราเรียนมัธยม เรียนมหาวิทยาลัยแห่งเดียวกัน เข้าสมัครงานในสมาคมนี่พร้อมกัน ส่วนคนหลัง รู้จักกันในที่ทำงาน หากก็คุ้นเคยกันได้ไม่ยาก ผมเรียกพยางค์ท้ายของชื่อคนทั้งคู่จนชินปาก หลังอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสร็จ เราก็นั่งมองหน้ากัน คล้ายต่างฝ่ายต่างตั้งคำถามโดยสายตา จะทำห่าอะไรดีวะ ครั้นจะดูโทรทัศน์ ก็เบื่อละครน้ำเน่า เกมโชไร้สาระ อยากเล่นไฮโล เพื่อนอีกสองคนก็บ่นออดไม่ตกลง เพราะเพิ่งถูกกินเกือบหมดตูดเมื่อคืนวาน และแล้ว ความคิดผมก็แวบ ชวนศักดิ์กับเสริฐไปกินอาหารปักษ์ใต้สั่งลา ศักดิ์รับคำทันที ในขณะเสริฐขอตัว บอกว่าอยากนอนเล่นมากกว่า ผมกับศักดิ์จึงไปกันแค่สองคน

	ใช้เวลาเดินเท้าไม่นานนักก็ถึงจุดหมาย ร้านอาหารใต้แห่งหนึ่งตั้งหันหน้าออกสู่ชายหาด เราเข้านั่งโต๊ะตัวที่ยังว่าง สั่งคั่วกลิ้งเนื้อ แกงเหลือง มากินกับข้าวร้อนๆ ศักดิ์ไม่ลืมสั่งเหล้าให้ตัวเองสองขวดใหญ่ เขาเป็นนักดื่ม คอแข็งอีกต่างหาก ส่วนผม น้ำเมาไม่แตะมาแต่ไหนแต่ไร เลยเมินเหล้าเสีย สักครู่ เราสองคนก็ได้กินข้าวเคล้าเสียงคลื่นสมใจอยาก ศักดิ์ดวดน้ำเปลี่ยนนิสัยแป๊บเดียวหมดขวด จึงมิน่าแปลกที่เขาสั่งสุราเติมเนืองๆ ยิ่งดื่ม ดีกรียิ่งกล้า เสียงพูดจาเอะอะไม่ผิดกับคอเมรัยโต๊ะอื่นๆ 

	แล้วจู่ๆ โดยผมไม่ทันตั้งตัว เขาก็พรวดลุกขึ้นยืน หลุดปากออกมาประโยคหนึ่ง เสียงอ้อแอ้ค่อนข้างเอ็ด
	ไอ้เหี้ยเอ๊ย โผล่มาอีกแล้ว กูเหม็นหน้าชิบหาย พลางยกมือขึ้นชี้จอโทรทัศน์ซึ่งปรากฏภาพนายกรัฐมนตรีคนหล้าสุดฉายอยู่
	มึงด่าใคร เอาล่ะซี พอขาดคำของเขา ชายคนหนึ่งผู้นั่งอยู่ยังโต๊ะฝั่งตรงข้ามก็ทะลึ่งโลดขึ้นยืน ทำท่าทำทางเอาเรื่อง คำถามกระโชกโฮกฮากนั้นฟังออกทองแดงบ่งความเป็นเจ้าถิ่น
	ก็ไอ้เหี้ยนั่น กับพรรคของมันน่ะซิ่ ศักดิ์ผรุสวาท หนอย สร้างภาพเก่งชะมัด คิดว่าคนเขาจะชอบมันทั้งประเทศหรือไง
	มึงรู้ไหมว่า กำลังพูดที่ไหน ชายคนที่สองจากโต๊ะตรงข้ามยืนหน้าถมึงทึง นี่ภาคใต้ ถิ่นของประชาธิปัตย์โว้ย เขาประกาศก่อนถามกระด้างดุดัน มึงคนภาคไหนวะ สถานการณ์เริ่มตึงเครียด ผมเอื้อมมือไปฉุดศักดิ์ให้นั่งลง ห้ามให้สงบปาก แต่ปราศจากผล
	กูคนอิสาน จะทำไม เพื่อนของผมสวนโต้ทันควัน ชายคนนั้นแบะปากเยาะหยาม
	อ้อ พวกไอ้เหี้ย.... คำต่อมา คือชื่ออดีตนายกผู้กลายเป็นคนเร่ร่อนในปัจจุบัน ไง ไอ้ควาย แดกเศษหญ้าจากมันไปเท่าไหร่ล่ะ ไอ้หน้าโง่ มันส่งซากเดนมาให้ยัดห่าก็ยัด
	ไอ้กรวย พูดหมาๆ กูไม่ได้รับอะไรของใครมาทั้งสิ้น กูมีปัญญา รู้อะไรถูก อะไรผิด ไม่เหมือนมึงหรอก รักพวกรักพ้องไม่ลืมหูลืมตา คราวนี้ ศักดิ์ชูนิ้วกลาง แจกอวัยวะเพศให้ อีกสามคนที่โต๊ะนั้นเลยลุกกันโครมคราม ห้าคนรวมเบ็ดเสร็จ ปรี่ดิ่งเข้ามายังโต๊ะเรา
	ได้โปรด ได้โปรดเถิดครับ ผมละล่ำละลัก ยกมืออันสั่งดกๆขึ้นไหว้วิงวอน อย่ามีเรื่องกันเลย ผมขอโทษ ขอโทษแทนเพื่อนด้วยครับ มันเมา ขาดสติ ยกโทษให้มันด้วยครับ จากนั้น หันไปหาเพื่อน ศักดิ์ กลับห้อง แต่ ศักดิ์ยังไม่ยอมเลิก ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ยอมรา
	ถ้าจะยกโทษให้ มันต้องขอโทษพวกกู ขอโทษประชาธิปัตย์ก่อน ชายคนแรกที่เขม่นศักดิ์ตวาดตั้งเงื่อนไขมา
	ถุย โอย คุณพระคุณเจ้าช่วยทีเถิด จะทำอย่างไรดีเล่า ในเมื่อศักดิ์ถ่มน้ำลายให้อีกฝ่าย เรื่องมันจะจบง่ายๆหรือ อย่าหวังหละ เรื่องอะไรกูจะต้องขอโทษไอ้พรรคสถุล ใครๆก็รู้ มันหนุนหลังพวกยึดธรรมเนียบ พวกปิดสนามบิน พวกกบฏ ก่อการร้าย
	แล้วทีพวกเสื้อแดงญาติมึงล่ะ สัตว์  อันธพาลป่วนเมือง ระยำ เจ้าของพื้นที่ล้งเล้งลั่น ไฟชักจะลุกลามใหญ่แล้วสิ  ผมตัดสินใจในนาทีนั้น ฉุดกระชากลากถูศักดิ์ออกจากร้าน เขาอาละวาดขัดขืน แต่ความเมาทอนแรงลงครึ่งหนึ่ง ผมจึงหิ้วปีกเขาได้สำเร็จ แม้ทุลักทุเลพอสมควรก็ตาม เราออกมาจากแหล่งอันตรายนั่น ทว่า ห้าคนจากโต๊ะตรงข้ามแทนที่จะลงนั่งดื่มกินกันต่อ กลับไล่กวดเรามา ให้ตายเถอะ ผมอยากมีปีกบินเสียจริง จะได้กลับที่พักเร็วสมความต้องการ มีเพียงสองมือสองเท้า ต้องลากคนเมาวิ่งนี่ มันเหนื่อยสาหัสทีเดียว แถมยังเดินได้ช้าเหลือเกิน เราเดินได้เพียงสิบกว่าก้าวกระมัง พวกเขาก็ถลันเข้าถึง ว่องไวปานสายฟ้าแลบ ชายคนหนึ่งชักปืนพกขึ้น ผมร้อง อย่า เสียงหลง หาก อนิจจา....
	เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง สามนัดซ้อนๆแผดปะทุ ในความรู้สึกของผม มันดังราวนรกถล่ม ศักดิ์หงายหลังตึง ชักกระตุกพราดๆทุรนทุราย ร้องโอดโอยกึกก้อง เลือดแดงสดจากขมับ กกหู ทะลักพลั่กๆมิผิดท่อประปาแตก ผมสั่นไปหมดทั้งตัว เย็นเฉียบทั่วร่าง ทว่า เหงื่อเจ้ากำแตกโซมชโลมโชกชุ่ม ก้มลงเขย่าเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ทำอะไรไม่ถูกทั้งสิ้น ผู้คนในบริเวณนั้นแตกตื่นวิ่งพรูมาดู ส่งเสียงบอกกันขรม พลเมืองดีผู้หนึ่งปราดเข้าถึงร่างของคนเจ็บ
	ผมจะขับรถพาเขาส่งโรงพยาบาลเอง เขาขันอาสาขึ้น ผมจึงเพิ่งได้สติ ช่วยเขาอุ้มร่างพรศักดิ์ไปขึ้นรถ

	อึดใจต่อมา เราก็ถึงโรงพยาบาล แพทย์นำคนอาการโคม่าเข้าห้องฉุกเฉินโดยด่วน ผมรีบโทรศัพท์หาคุณกิตติ หัวหน้าหน่วยงานของเราอันเป็นหนึ่งในหน่วยย่อยของสมาคม แจ้งเรื่องร้ายของศักดิ์ให้ทราบ หลังจากนั้นอีกมิช้า คนทั้งสมาคมก็แห่กันมาเยี่ยม  มาเยี่ยม และมาฟังข่าวเสียชีวิตของเขากับหู!

	ตำรวจจับมือปืนได้จากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุ ผม ผู้รู้เรื่องราวโดยตลอด ถูกกันเป็นพยานด้วยคนหนึ่ง กว่าจะซักไซ้ไล่เลียงกันเสร็จก็ล่วงเข้ายามดึก ผมพากายอันกะปลกกะเปลี้ยกลับห้องพัก โผเผขึ้นเตียง ตั้งใจจะหลับ หลับ แล้วตื่นขึ้นมาเพื่อจะพบว่า ที่ผ่านไปเป็นเพียงแค่ฝันร้าย ศักดิ์ยังอยู่กับเรา แต่ ความจริงก็คือความจริง แม้ผมไม่อยากยอมรับก็จำต้องขืนใจรับมัน นัยน์ตาทั้งคู่แข็งค้าง คงจะค้างแข็งไปจนรุ่งเช้า

	ประมาณหนึ่งนาฬิกาเศษ ประเสริฐยังหลับสนิท ผมลุกขึ้นจากเตียงนอน ก้าวเท้าออกนอกที่พัก ดุ่มเดินท่ามกลางราตรีวังเวงไปยังที่นั่น ชายหาด ใครรู้ใครเห็นเข้า อาจค่อนขอดว่าผมบ้าบอ อยากชมทะเลอะไรนักหนาในตอนดึกดื่น ชั่งประไร ในเมื่อมันเป็นความต้องการของผม ผนวกความโหยหาบางสิ่งบางอย่าง สักครู่ ก็ได้สัมผัสกับหาดทรายอ่อนนุ่ม ฟังสำเนียง ครืน ซู่ ครืน ซู่ ซึ่งเซาะซัดซุกไซ้ชายฝั่งผะแผ่ว สม่ำเสมอ ผมนั่งลง เหม่อมองม่านรัตติกาลมืดทึบเบื้องหน้า ฟังคลื่นเห่ครวญขานขับ แล้วปล่อยใจล่องลอยสู่ภวังค์ ชั่วขณะหนึ่ง จะโดยอุปาทานชี้นำหรือเปล่าก็สุดรู้ คลับคล้ายจะได้ยินเสียงร่ำไห้โหยหวนของคนจำนวนมากมายมหาศาล ฮือ ฮือ แว่วมากับสำเนียง ครืน ซู่ ครืน ซู่ นั่นด้วย ผมขนลุกเกรียว แต่ ยังไม่ลุกหนี เสียงนั้น ดั่งทรงพลานุภาพลึกลับ รั้งเหนี่ยว ฉุดชักผมไปสู่อดีต ถูกหละ อดีตอันไม่นานเลย

	วันอาทิตย์ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ ใครบ้างจะคาดคิดว่า วันฟ้าสวยแดดส่องใส จะกลายเป็นวันมหาวินาศ ใครบ้างจะล่วงรู้ว่า แม่ธรณีขยับสะเทือน ณ เกาะสุมาตรา จะเขยื้อนสะท้านกว้างไกลไพศาลเกินประมาณประเมิน แผ่นดินไหว มหาสมุทรสะทึกสั่น ก่อคลื่นมหึมาถาโถมโครมครืนครื้นครั่น สูงเทียมฟ้าเทียมเมฆ เสกความวิบัติไปสู่หลายด้าวหลายแดน รวมถึง ประเทศไทย! ใช่... มันเป็นปฐมวาระที่สึนามิมาเยือนอันดามัน มาบดขยี้หัวใจคนไทยทั้งชาติ มาให้คนไทยดูเพื่อนร่วมแผ่นดินดับดิ้นดาษดาเหลือคณาคะเน ใช่แต่เท่านั้น นักท่องเที่ยวต่างชาติต่างภาษาก็ถูกพญามฤตยูผู้เยียบเย็นกลืนกินอย่างหฤโหด ปราศจากเมตตา ไร้ความปรานีกระแสน้ำตาบ่าถั่งหลั่งท้นล้นไทย ขณะกระแสน้ำใจก็เชี่ยวกล้า ไหลทยอยหนุนเนื่องประหนึ่งจะท้าทายพลังคลื่นยักษ์ ชาวไทยทั่วทุกทิศ ทุกภาค เทวิญญาณไปรวม ณ ภาคใต้ ไม่มีพวกเขา ไม่มีพวกใคร มีเพียงคนไทยพวกเดียว มีแรงช่วยแรง มีของบริจาคช่วยขนลำเลียงมิขาดตอน แต่ละวันๆ ข่าวคนตาย คนตาย คนตาย คนหาย คนหาย คนหาย ประดังมามิหยุด แหละเมื่อปริมาณซากศพเพิ่มพูนเรื่อยๆ ความต้องการอาสาสมัครช่วยกู้ช่วยเก็บ ตลอดทั้งจัดการงานสารพัดเกี่ยวเนื่องกับศพก็มีเพิ่มเป็นเงาตามตัว อีกเช่นกัน คนจากทุกภาคเร่งรุดลงใต้ ไม่มีพวกเขา ไม่มีพวกใคร มีเพียงคนไทยพวกเดียว

	ช่วงเวลานั้น ผมยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย รับฟังข่าวสารด้วยจิตใจหดหู่ห่อเหี่ยว บริจากเสื้อผ้า อาหารไปเท่าที่พอจะช่วยเหลือได้ ซึ่งก็เป็นการกระทำเช่นเดียวกับเพื่อนๆส่วนใหญ่นั่นแหละ มีบางคนใจกล้า อาสาไปช่วยเก็บศพ  หนึ่งในคนกล้าของกลุ่มเราก็คือพรศักดิ์ เขาตัดสินใจลงมายังจังหวัดแห่งนี้ อันเป็นหนึ่งในหกจังหวัดที่ประสบภัย
	มึงไม่กลัวผีหรือไงวะศักดิ์ ศพเยอะนะโว้ย ผมถามกึ่งสัพยอก
	เฮ้ย กูไปช่วยเขา ให้เขากลับบ้าน พบญาติ เขาไม่หลอกหรอก ว่าแต่มึงเถอะ ไม่ไปบ้างหรือ
	ไม่หละ กูบอกตรงๆ ยังแหยงๆอยู่ ผมปฏิเสธ แล้วกระเซ้าต่อ ไม่น่าเชื่อนะ คนเลือดร้อนอารมณ์ร้ายอย่างมึง รู้จักทำบุญกับเขาด้วยเว้ย
	มึงอย่าทำเล่นไป เขามีสีหน้าท่าทางขึงขังแข็งขัน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ กูทนเฉยไม่ได้หรอก แรงกูมี ช่วยเขาได้ก็ช่วยเต็มที่ มึงไม่เปลี่ยนใจแน่นะ
	คงไม่
	งั้น กูไปหละ กลับมาจะเล่าให้ฟัง

	มันคือภารกิจยิ่งใหญ่ในชีวิตคนเล็กๆอย่างพรศักดิ์ ภายหลังจากเขากลับจากต่างจังหวัด ก็มาเล่าให้เราฟังอยู่หลายวัน ความภาคภูมิปรากฏชัดในกังวานเสียง อากัปกิริยา แววตา ฯลฯ สิ่งที่เขาประกอบ มิใช่งานอันมีผลตอบแทนเป็นเงินตรา หาก ตรึงตราในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ งดงามเลิศล้ำตามหลักมนุษยธรรม
	โอ้โฮ ตรงที่ถูกคลื่นซัดนะ มันกวาดเสียยับ บางแห่งเตียนโล่ง มองไม่ออกเลยว่าเคยเป็นที่ตั้งของอะไรมาก่อน เป็นส่วนหนึ่งในคำบรรยายของเขา ศพงี้ กองเป็นภูเขาเลากา คนลงไปงมเก็บเขาขนมาเรื่อย เดี๋ยวขน เดี๋ยวขน ได้มาก็เอาไปไว้วัด รอญาติมาตาม บางคนนะ กอดลูกอยู่กับอก พอคลื่นกระแทกตูม ลูกปลิวไปเลย เขาตามหาจนมาเจอศพ พอเจอ ก็ร้องไห้โฮ สลบลงตรงนั้น กูเห็นแล้วน้ำตาไหลพราก บางคนก็ตายเพราะมัวห่วงญาติ ห่วงเพื่อน พวกมึงเอ๊ย กูฟัง กูเห็น ทรมานความรู้สึกสุดๆ ศพนักท่องเที่ยวก็เพียบ ชาวต่างชาติเดินกันควั่ก เสียงร้องไห้ดังทั่วทั้งเมือง
	ตกลง มึงลงไปเก็บศพกับเขาไหมวะ คนหนึ่งในกลุ่มเราอยากรู้ พวกเราก็อยากฟัง
	ก็อยากจะทำ แต่ มูลนิธิที่ชำนาญเขารับไปแล้ว มันต้องมีหลักการงม ไม่ใช่โดดน้ำแล้วลากขึ้นมาได้เลยเสียเมื่อไหร่ กูไปช่วยเขาบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับศพ รายละเอียดต่างๆน่ะ ได้ดูศพชิดๆเชียว
	มึงดูผอมลงนะ งานหนักสิท่า อีกคนตั้งข้อสังเกต
	เออ เจ้าตัวยอมรับ กินอะไรไม่ลงว่ะ ตอนแรกเจอศพอืดพองบวมฉุ ส่งกลิ่นคลุ้ง กูแทบสำลัก พอชักจะชิน ก็เศร้าสลดจนไม่อยากกลืนข้าว ทั้งๆที่ข้าวปลาเหลือเฟือ ของบริจากนับไม่ไหว กูได้ซึ้งน้ำใจคนไทยแบบเต็มๆก็หนนี้แหละว่ะ ขอความช่วยเหลืออะไรได้หมด กูกล้าประกาศเลย คนไทยรักกันที่สุดในโลก

	คนไทยรักกันที่สุดในโลก ประโยคของเขา ณ บัดนี้ กระท้อนกลับไปกลับมาอึงคะนึงในมโนนึกของผม โอ... ผมครางในอก เพียงสี่ปี ความรักกันของคนไทยก็ปรวนแปร แบ่งกันเป็นฝักฝ่าย เป็นภาคส่วน ใช่หรือเปล่า.... เพราะคลื่นลมปากของคนไม่กี่คน สาดซัดกัดกร่อนฝั่งใจของคนไทยจนแทบทรุดทลาย พัดพาเอาความสามัคคีกลมเกลียวเหนียวแน่นไปจากดวงจิต ปันเป็นพวกมึง ปันเป็นพวกกู ไม่เหลือแล้วหมู่คนไทยพวกเดียว  ใช่หรือไม่?... คลื่นโมหันธ์ ทำให้คนไทยบางคนบันดาลโทสะ ถึงขนาดฆ่ากันตาย ยึดถือพวกมึง ยึดถือพวกกู ไม่เหลือแล้วหมู่คนไทยพวกเดียว  โอ... ผมคร่ำครวญ ปวดร้าวบาดลึก อีกเมื่อไรหนอ คลื่นความรักจะหวนคืนฝั่งใจไทยทุกคน หรือ จะต้องรอให้สึนามิกลับมากระหน่ำอีกครา เสียวปลาบกับความคิดนี้ โปรดเถอะ โปรดอย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย

	ผมยังคงนั่งใจลอยตรงตำแหน่งเดิม อีกไม่กี่วันก็จะปีใหม่ จะมีใครบ้างไหมนะ นึกถึงสี่ปีก่อน หรือมัวเพลิดเพลินกันจนลืมไตร่ตรอง หรือยังแบ่งแยกกันอยู่จนลืมตริตรึก ผมควรจะขอพรปีใหม่สักข้อ ขอต่อเทพธิดาประจำมหาสมุทรที่นี่ มือทั้งสองข้างยกขึ้นกระพุ่มพนม พึมพำภาวนา ขอคลื่นสมานฉันท์ คลื่นไมตรี คลื่นมิตรภาพ คลื่นภราดร กลับคืนสู่ฝั่งใจไทยโดยเร็วเทอญ คำอธิษฐานจบลง และกลืนหายไปกับทำนองเพลง ครืน ซู่ ครืน ซู่ ซึ่งประเลงกล่อมอันดามันอยู่เรื่อยไป ชั่วนิจนิรันดร์

(๒๑ ถึง ๒๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)

หมายเหตุ

๑.	ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับการเก็บศพ ผมสรุปจากการรับฟังหนังสือเสียง บันทึกสึนามิ: เราจะพาเขากลับบ้าน ของ แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ครับ
๒.	ข้อความโต้เถียงระหว่างพรศักดิ์ กับคนโต๊ะตรงข้าม ผมเขียนขึ้นเพื่อฉายภาพความแตกแยกที่ยังไม่ประสานรอยเท่านั้นครับ มิมีเจตนาลบหลู่ ดูหมิ่น เหยียดหยาม ล่วงเกิน ความคิด ความเชื่อ ความเห็น ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทั้งสิ้น หากมีข้อความใดก่อความระคายเคืองแด่ท่าน ผมกราบขอขมาท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับผม				
27 พฤศจิกายน 2551 09:23 น.

ฟืนโชนไฟ

ตราชู

ฟืนโชนไฟ

ประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๗๑

	๑.

	สายฝนเพิ่งพรากจากผืนฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครไปเพียงสัปดาห์เศษ ลมหนาวต้นฤดูเริ่มโชยเฉื่อย อีกไม่นานหรอก ความยะเยียบเฉียบเย็นคงแผ่คลุม ทว่า... สักกี่ลมหนาว สักกี่ความเย็น ก็มิอาจลดทอนดวงใจที่เต้นถี่ระรัว เร่งแรง และรุกเร้าของคนจำนวนมาก คนซึ่งหลากหลั่งจากหลายจังหวัด พรั่งพรูปานน้ำบ่า ตบเท้าพรึ่บๆเข้าสู่ที่นี่ สถานชุมนุมอันถูกขนานสมยา ทำเนียบประชาชน

	ประสิทธิ ทองสกุล แกนนำกลุ่มสหประชาธรรมนำประชาธิปไตยคนสำคัญ เพ่งมองกระแสคลื่นมหาชนอันทยอยทอยถี่ไม่ขาดระยะด้วยความพึงพอใจ เขาเพิ่งปราศรัยเสร็จ และสละเวทีให้แกนนำที่เหลือขึ้นพูด แน่หละ คำพูดของเขา รวมถึงแกนนำทั้งหมด คือเชื้อเพลิงปลุกเร้าให้มวลชนมีกำลังใจสู้ สู้ครั้งสุดท้ายแบบม้วนเดียวจบ

	ภายหลังจากสมาชิกสหประชาธรรมสองคนถูกยิงเสียชีวิตในเวลาไล่ๆกัน คือวานซืนกับเมื่อวาน ปราศจากข้อสงสัยอื่นจากฝูงชน นี่คือการกระทำของฝ่ายตรงข้าม มันกระตุ้นความโกรธเกรี้ยวขึ้นอักโข ดังนั้น การเรียกระดมพลจึงไม่ยากนัก ขณะเดินกลับไปสู่ที่พำนัก คือห้องปรับอากาศห้องหนึ่งภายในทำเนียบ ประสิทธิ์ยิ้มอยู่คนเดียว ยิ้มให้กับความสำเร็จใกล้มือเอื้อม

	เมื่อเดือนก่อน น้องเก๋ กรรณิการ์ ธำรงเกียรติ ถึงแก่ความตายในเหตุจลาจล เธอกลายเป็นวีรสตรีของสหประชาธรรมในเวลาอันรวดเร็ว ความโศกเศร้ายังล่องลอยอ้อยอิ่งในหัวใจคนจำนวนมาก ไม่ทันไร ผู้ชุมนุมอีกสองดับดิ้นสิ้นชีพด้วยน้ำมือหมาลอบกัด ใช่... ต้องเรียกหมา หรือบางทีอาจเลวกว่า มันขี่รถจักรยานยนต์มายิงใส่แล้วเผ่นหนีหายเข้ากลีบเมฆ ตำรวจควานไม่พบตัว ไม่พบแม้เบาะแสไอ้ฆาตกร เถอะ คอยดู พรุ่งนี้ ขบวนผู้ชุมนุมจะยกไปทวงถามหนี้เลือดหนี้ชีวิตจากฝ่ายรัฐ รัฐบาลจะต้องชดใช้ จะต้องชดใช้

๒.
	พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายครับ สำเนียงดุดันเหี้ยมหาญแกร่งกร้าวเฉียบขาด ดังเอะอะจากรถขยายเสียงซึ่งประสิทธิ์ ทองสกุล ยืนถือไมโครโฟนเด่นเป็นเป้าสายตาหลายแสนคู่ ท่ามกลางเปลวตะวันแผดเปรี้ยง อุณหภูมิอากาศ บวกอุณหภูมิวาจาร้อนรุ่ม ใจคนฟังทั้งหลายยิ่งรุ่มร้อนตาม นี่ย่างเข้าชั่วโมงที่สองแล้วที่เขาปักหลักโจมตีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อยู่หน้าสำนักบัญชาการตำรวจแห่งชาติ เราเสียเงินภาษีจ้างตำรวจมาดูแลเรา แต่พวกมันทำไหม ทำไหม คำขานตอบ ไม่ ไม่ กึกก้อง วันที่เจ็ดเดือนก่อน มันปล่อยให้น้องเก๋ถูกยิงโดยไม่ดูแล แล้วคงยังไม่พอใจ เห็นประชาชนตายแค่หนึ่งคนไม่สะใจ มันกระหายเลือด มันก็ปล่อยอันธพาลมาลอบยิงคนของเรา ตายไปอีกสอง ยิงต่อหน้าต่อตาพี่น้องในทำเนียบประชาชน พี่น้องจะเห็นนะครับ ตำรวจกับรัฐบาลมันสมคบกันฆ่าประชาชน ตำรวจฆ่าประชาชน สิ้นถ้อยบริภาษอันเอ็ดอึง ผู้ชุมนุมแซ่ซ้องตาม ทันใดนั้นเอง โดยไม่มีใครคาดคิด กระสุนปืนนัดหนึ่งระเบิด ปั้ง ร่างของประสิทธิ์ทรุดฮวบ เลือดทะลักพลั่กๆจากบาดแผล ความชุนละมุนอุบัติฉับพลัน คนแตกตื่นวิ่งพรู กรูเข้าหาแกนนำคนสำคัญซึ่งบัดนี้แกนนำอีกสี่คนกำลังประคอง ต่างเห็นคนเจ็บพยายามทรงตัวขึ้นยืน โซเซเข้าหาไมโครโฟน

	พี่น้องทั้งหลาย เขากัดกรามแน่น สำเนียงขาดเป็นห้วงๆ เหงื่ออันเกิดจากพิษความเจ็บปวดของบาดแผลอาบโซมร่าง โลหิตยังไหลปรี่มิหยุด เห็นหรือยังพี่น้อง มันต้องการฆ่าผม ไม่เป็นไร ให้มันฆ่า กายทรุดลงไปอีก ก่อนฝืนพยุงตัวขึ้นมาใหม่ ถ้าผมตาย ผู้พูดโงนเงนราวต้นไม้ใหญ่ต้องพายุกรรโชกเจียนโค่น ขอให้พี่น้องยืนหยัดต่อสู้ต่อไป รถพยาบาลมารับผมแล้ว ผมอาจไปตายที่โรงพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่ง แต่การต่อสู้ของพวกเราจะต้องไม่ตาย แกนนำอื่นจะนำการต่อสู้ต่อจากผม สิ้นประโยค เขาก็หมดกำลังฟุบลงในอ้อมแขนแกนนำคนหนึ่ง สิ้นสติสมปฤดี เห็นประจักษ์แก่ตาทุกคนในที่แห่งนั้น

	เนื่องจากประสิทธิ์สิ้นความรู้สึกเสียแล้ว เขาจึงไม่เห็นหลายคนร้องไห้โฮ หลายคนวิ่งฮือเข้ามารายล้อม ใครคนหนึ่งทะลึ่งพรวดขึ้นยืน ใบหน้านองน้ำตา มือซ้ายกำหมัดแน่น มือขวาซึ่งถือกำวัตถุอะไรสักอย่างยกชู เงยหน้า แหกปากออกไปอย่างสุดกลั้น
	ตำรวจ มึงฆ่าแกนนำพวกกู มึงต้องรับผิดชอบ วัตถุในมือขวาของเขาถูกขว้างหวือ พริบตาต่อมา มันก็กัมปนาท บึ้ม ถูกแล้ว ระเบิดขวด ระเบิดขวดบรรจุเชื้อเพลิง! เปลวไฟแลบโพลงทันใด
	เผามัน เผามันอย่าให้เหลือ ผู้ชุมนุมซึ่งบ้าคลั่งตะโกน ต่างลืมตัว ลืมตาย ลืมสติ ลืมทุกสิ่งโดยสิ้นเชิง ต่อจากนั้น ไฟ ไฟ และไฟ ก็แลบเลียฟ้า เผา เผา และเผา คือสิ่งที่พวกเขากระทำ มิหนำ ซ้ำกระจายกำลังออก เจอสถานีตำรวจแห่งไหน โรงพักใด ก็ขว้างปา ทุบข้าวของแตกป่นปี้ จุดไฟได้ก็จุด เหตุการณ์ดำเนินต่อไปท่ามกลางวันมหานรก แก๊สน้ำตาไม่สามารถยับยั้งอะไรได้เลย มึงตูม กูเผา วิกฤตไปทั่วทั้งพระนคร!

	๓.

	เตียงของคนเจ็บเต็มไปด้วยกระเช้าดอกไม้ อีกทั้งสิ่งของสารพัด จนกินไม่ไหว ใช้ไม่หมด คนซึ่งมาเยี่ยมแทบล้นโรงพยาบาลเริ่มเดินทางกลับเมื่อหมดเวลาเยี่ยม คนไข้ต้องการเวลาพักผ่อน

	ประสิทธิ์ ทองสกุล หลับตานอนนิ่ง ดูผาดๆคล้ายกำลังเข้าสู่นิทรา หาก ในความเป็นจริง เขายังไม่หลับ ตรงกันข้าม หัวใจตื่นตลอดเวลา ตื่นเต้นกับชัยชนะ อะหา! ชัยชนะ ชั่งหอมหวานอะไรเช่นนี้หนอ สหประชาธรรมพิชิตรัฐบาลสำเร็จ เมื่อทหารเข้ายึดอำนาจ กลุ่มสหประชาธรรมสลายตัวไปในอีกไม่นาน วีรบุรุษ วีรสตรี เกิดขึ้นมากนาม ซากศพทบทวีอีกหลายศพเช่นกัน แต่จะอย่างไรก็ตาม มันก็คุ้ม ตำรวจถูกลงทัณฑ์จากสังคมเต็มๆในฐานะผู้ก่อเหตุยิงแกนนำก่อน จะมีสักกี่คนกันรู้เรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลัง นอกจากเขากับบรรดาแกนนำ พวกนั้นไม่รู้ ไม่มีวันรู้เด็ดขาด

	นี่แปดเดือนกว่าเข้ามาแล้ว พวกมันยังหน้าด้านไม่ลาออก ยังจำได้ดี คืนนั้น คืนหารือวางแผน เขาโพล่งอย่างหงุดหงิดในที่ประชุม
	ใจเย็นๆ คุณสิทธิ์ พันตรีครรลอง สูรย์เรือง แกนนำอาวุโสที่สุดเตือนสติ มันต้องคิดให้รอบคอบ ใจเร็วด่วนได้จะเสียแผน
	ผมว่า ถ้าเราทิ้งระยะเวลานานออกไปโดยไม่เคลื่อนไหว อีกหน่อย คนจะลดน้อยลง เราต้องสร้างกระแส พินิจ ชัยธง อีกหนึ่งแกนนำปรารภข้อวิตก
	จะสร้างยังไงล่ะ เสริมสัตย์ โกศลกิจ แกนนำคนที่สี่ย้อนถาม เงียบ สมองทั้งห้ากำลังทำงานหนักหน่วง
	บางที ครู่ใหญ่ๆต่อมา พันตรีครรลองจึงทำลายความเงียบลง เขากล่าวช้าๆ เราอาจจำเป็นต้องเสี่ยง หยุดเว้นระยะนิดหนึ่ง ก่อนเอ่ย พวกคุณยังจำภาษิตของพวกฝ่ายซ้ายสมัยก่อนได้ไหม ตายสิบเกิดแสน
	พี่ลองหมายความว่า ประสิทธิ์ตามทันบัดดล เขาสะดุ้งในใจ ฝ่ายนั้นยิ้ม ยิ้มเยือกเย็นแฝงความเลือดเย็น เสียอีกหนึ่งหรือสองชีวิต แลกกับชัยชนะ ปลุกกระแสมวลชน
	ด้วยวิธีไหน บุกสถานที่ราชการอีกหรือ แบบนั้นน่ะ ไม่ได้ผลหรอกพี่ ตำรวจมันรู้ทันแล้ว คงไม่กล้าสลายอีกสมบัติ วงศ์จำรูญ แกนนำคนสุดท้ายตั้งปรัศณีย์
	เปล่า พันตรีนอกราชการปฏิเสธ ยังไม่ใช่บุก ก่อนบุก เราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้มีการตายเกิดขึ้นที่นี่ มันจะเหมือนเราโยนฟืนติดไฟเร่งปฏิกิริยาให้ประชาชนเคียดแค้นรัฐบาล เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะพร้อมทำได้ทุกอย่างเพื่อแก้แค้น
	ถ้าพี่ลองทำอย่างนั้น มันไม่เท่ากับว่าเราฆ่าคนของเราเองหรือ เสริมสัตย์ท้วง
	มันจำเป็น คุณเสริม ผู้สูงวัยถอนหายใจหนักๆ แววรันทดผ่านไปในดวงตาแวบหนึ่ง เสียน้อย เพื่อให้ได้มาก พวกคุณจำเรื่องราวในพงศาวดารได้ไหม ตอนกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่หนึ่ง พม่าทำยังไง ก่อนส่งพญาจักรีมาเป็นไส้ศึก บุเรงนองถึงกับลงทุนตัดหัวทหารของตัวเองถึงสิบคนเอาไปปักบนเสาประตูค่าย แล้วถึงปล่อยพญาจักรีเข้ามาสวามิภักดิ์พระมหินทร์ทั้งๆอยู่ในเครื่องจองจำ พระมหินทร์ก็เชื่อว่าเสนาบดีเก่าของพ่อหนีมา เพราะหัวทหารยามพม่านั่นช่วยขจัดความสงสัยออกไป ในเมื่อกษัตริย์พม่าตัดหัวทหาร ก็แสดงว่าเป็นการลงโทษฐานปล่อยเชลยหนี ผลก็คือ พม่าชนะเราในปี พ.ศ. ๒๑๑๒ ถ้าพวกเราแกนนำสหประชาธรรมจะปรับแผนบุเรงนอง ไม่ใช่ซิ่ ต้องเรียก แผนยุทธศาสตร์สากลนี้มาประยุกต์ ก็จะได้ผล
	แต่ ผู้ชุมนุมไม่ใช่ทหารนะครับ พินิจโต้แย้ง
	ทำไมจะไม่ใช่ ครรลองแก้ เราเรียกพวกเขาว่านักรบประชาชนใช่ไหม นักรบ กับ ทหาร ไม่ต่างอะไรกันเท่าไหร่หรอก พวกเขามีหน้าที่ต้องเสียสละ อึ้งกันอีกหน ลำคอของแกนนำบางคนแห้งผากคลับคล้ายมีก้อนกรวดแข็งๆขวางคา
	ถ้ามันจำเป็นอย่างพี่ลองพูด ความเงียบงันครั้งนี้มลายหายเมื่อประสิทธิ์พึมพำแหบต่ำขึ้น เราก็ไม่มีทางอื่นเดิน แต่พี่ลองจะใช้วิธีไหน
	ไม่ยาก ผมหามือปืนที่ชำนานๆได้ ขี่มอเตอร์ไซค์มายิงแล้วเผ่นหนี สักคืนสองคืนหรือสามคืนก็เห็นจะพอ แล้วแพร่ข่าวออกไปให้หนัก ประชาชนไม่เชื่ออยู่แล้วว่าสหประชาธรรมจะฆ่ากันเอง รัฐบาลเป็นแพะบูชายัญของเราแน่ๆ คุณเชื่อซิ่ ปราศจากคนคัดง้าง ครรลองจึงสรุป
	เป็นอันตกลงตามนี้
	เดี๋ยวพี่ ประสิทธิ์ยกมือ ไหนๆเราจะโยนฟืนติดไฟแล้ว ผมขอเสนอฟืนท่อนใหญ่อีกท่อนหนึ่ง คือตัวผมนี่แหละ
	คุณจะทำอะไร นายทหารยศพันตรีฉงน
	ถ้าแกนนำถูกยิงต่อหน้าฝูงชน อะไรจะเกิดขึ้น
	คุณสิทธิ์ สี่แกนนำอุทานพร้อมกัน ทั้งคาดไม่ถึง ทั้งตระหนก เจ้าของแผนรีบยกมือโบก ไม่ถึงตายหรอกครับ คนแม่นปืน คร่ำหวอดอยู่กับมัน เขาย่อมรู้ดีว่าปืนขนาดไหน หัวกระสุนหน้าตัดแบบไหน แรงปะทะเท่าไหร่ เวลายิง กระสุนจะตีคว้านทะลุออกในลักษณะไหนบ้าง เขากะถูกว่าควรยิงผมยังไงให้บาดเจ็บ ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือสาหัส มันย่อมมีผลต่อการชุมนุมของเรา
	แล้วคุณจะแน่ใจหรือในความปลอดภัยของตัวเอง ครรลองหยั่งอย่างไม่วายกังวล
	มันอยู่ที่ว่า พี่ลองจะหามือปืนระดับไหนมา ถ้าเก่งๆระดับมือพระกาฬ ผมเชื่อ ผมไม่ตาย มันถึงคราวต้องเล่น ก็ต้องเล่นกันให้ถึงที่สุด ม้วนเดียวต้องจบก็ต้องจบ เขาประกาศทิ้งท้าย นับตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา กลยุทธ์ถูกวางโดยรัดกุม ทุกก้าวของการเดินหมาก ระแวดระไวมิให้พลาด กระทั่งประสบชัยชนะในบั้นปลาย

	ประสิทธิ์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เครื่องปรับอากาศครางเบาๆ ภายในห้องสลัวรางด้วยแสงไฟ ขณะภายนอก แสงสว่างแห่งวันเลือนดับลับลา เจ้าแม่รัตติกาลเริ่มคลี่แพรสีนิลห้อมห่มแผ่นฟ้าแผ่นดิน อีกมิช้า ความมืดจะมาเยือน มืด เหมือนประชาธิปไตยของประเทศไทย ต่างกันแต่ว่า พอพรุ่งนี้มาถึง ความมืดทั้งมวลจะแปรเปลี่ยนเป็นกระจ่างสว่างใส หาก... อรุโณทัยแห่งปวงประชาเล่า อีกเมื่อไรจะฉายฉาน หรือจะไม่มีวัน???

(๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๑)

หมายเหตุ

	เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งขึ้นเพื่ออ่านสนุกๆทั้งสิ้น ตัวละครก็เป็นบุคคลที่ผมสมมุติเอาเองหมดเช่นกันครับ หากเหตุการณ์ใด นามใด กระทบกระเทือน หรือสอดคล้องพ้องกับท่านผู้ใด อันก่อให้เกิดความระคายเคืองแก่ท่าน ผมขอกราบขอประทานอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับผม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตราชู