22 เมษายน 2555 17:54 น.
ตราชู
โคตรร้อน
แดดรนจึงดลร้อน
อกรอนรอนอ่อนแรงโรย
เรียงผด เหงื่อรดโผย
เพิ่มเดือดผ่าวเพียงด้าวพอง
โคตรร้อน คนค่อนร่ำ
อยากให้น้ำหยาดหาวนอง
แทบพัง เราทั้งผอง
ต่างโดนแผดตามแดดภาม
โคตรร้อน คนข่อนเร่า
แผกโคตรเหง้าพวกคนงาม
เก่งเล่ห์โฉเกหลาม
พล่ามแต่ล่อ พลิ้วตอแหล
เปี่ยมเย็น อยู่เป็นเยี่ยม
เนืองหน้าเอี่ยมนั่งนอนแอร์
เพียรเล็งพิศเพ่งแล
เพื่อโกยล้ำ ภพกำลูน
ยิ่งใหญ่โยงใยยัด
รวบสมบัติ ริบสมบูรณ์
ชั่วศาสตร์ เจียนชาติสูญ
หมกเร้นทรัพย์เมื่อรับสรรพ์
โคตรร้อน เราข่อนร้าย
คึกคักหมายคือโคตรมัน
เหยียดยื่น โกงยืนยัน
ไยอยู่ยั้ง? ไยยังเย็น?
(๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕)
12 เมษายน 2555 08:09 น.
ตราชู
รอวันวิบัติ
กลอนกลบทสะบัดสะบิ้ง
ร้ายถนัดปัถพีทวีเทวษ
สำแดงเหตุโยกคลอนขย้อนเขยื้อน
ถิ่นกว้างไกลไพศาลสะท้านสะเทือน
จึงกล่นเกลื่อนกลัดกลุ้มประชุมประชา
เคยโครมครืนคลื่นยักษ์ตระหนักตระหนก
หวั่นคลื่นวกแว้งพลันถลันถลา
กวาดกระทั่งพังเพประเดประดา
ครั้งนั้นคราเศร้าสลดระทดระทม
คิดแล้วโศก โลกเราระเร่าระรุ่ม
คนยังสุมเพลิงพล่านผสานผสม
ให้เจ็บปวดรวดร้าวระด่าวระดม
หวังปองข่มโลกนิตย์พิชิตพิชัย
กี่คำเตือนเลือนสิ้นระบิลระบอบ
ทำตามชอบเปรมปรีดิ์ฉะนี้ไฉน
ยิ่งตอกย้ำอำนาจประหลาดประลัย
โลกลุกไหม้โดยคนอนลอนันต์
คือที่มาสาเหตุอเนจอนาถ
ธรรมชาติแผลงฤทธิ์มหิทธิ์มหันต์
เป็นความจริงยิ่งหนักประจักษ์ประจัญ
รอจวบวันโลกวิบัติกระจัดกระจาย
(๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕)
หมายเหตุ
กลบท สะบัดสะบิ้ง มีปรากฏทั้งในวรรณคดีไทยเรื่อง สิริวิบูลย์กิตติ์ รจนาโดย ท่านหลวงศรีปรีชา (เส้ง) และในหนังสือประชุมจารึกวัดพระเชตุพนครับ ผมอาศัยศึกษาเรียนรู้จากหนังสือกวีนิพนธ์ชื่อ รอยทราย ของท่านอาจารย์วันเนาว์ ยูเด็น ครับผม
9 เมษายน 2555 19:59 น.
ตราชู
มิ่งพระเมรุทอง
เวสสเทวีฉันท์ ๑๒
น้ำตาจากฟ้าตก
ส่ำนราอกสะอื้นอึง
ทั่วทิศต่างคิดถึง
ซึ่งพระทรงธรรม์ ธ บรรเทือง
นอบน้อมกราบจอมนาถ
เพชรรัตน์ราชสุดาเรือง
นาฏแมนสู่แดนเมือง
เลื่องบห่อนมีฉะนี้เหมือน
ใฝ่เฝ้าส่งเจ้าฟ้า
สู่พระภาราพิมานเรือน
แพรวดาวพร่างพราวเดือน
เกลื่อนประดับดานภาดล
อ่าแพร้วเอี่ยมแพรวผ่อง
คือพระเมรุทอง ณ มณฑล
หล้าแห่งทุกแหล่งหน
ถ้วนสกลเหตุเทวษเห็น
รันทดกำสรดแท้
ด้วยพระทรงแผ่กรุณเพ็ญ
ทั่วไปเปรียบไท้เป็น
โพธิร่มปกพสกปวง
น้ำตาไหลบ่าต้อง
คีตประโคมซ้องสะท้านทรวง
บรรสานสักการสรวง
ดวงฤดีเศร้ามิเซาซา
ขอท้าวสู่ด้าวทิพย์
ล่องโพยมลิบคระไลลา
คล้อยผ่านโอฬารผา
มิ่งสุเมรุพลันมิผันเผียน
ขอทรงดำรงศานติ์
วาระยืนนานลุจำเนียร
เอาทารชั่วกาลเทียรฆ์
เถียรนภาทองระรองเทอญ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า นายชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณประพันธ์ถวาย พระพุทธเจ้าข้า
(เขียนขณะชมพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ปรับปรุงบางถ้อยคำ ๑๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ครับผม)
5 เมษายน 2555 18:46 น.
ตราชู
ยิ่งเกลียด ยิ่งใกล้
เกลียดยุคที่ผีสถุลใช้ทุนถม
ทำสังคมเปื้อนคูถ ของบูดคั่ง
เป็นธเนศเปรตถนัดปองยัดประนัง
คนจังงังงวยงงลุ่มหลงเงิน
เกลียดแฟชั่นชั้นชั่วดูมั่วฉาว
บันลือข่าวคึกคักไม่ยักเขิน
บ้ายั่วกามย่ามก่อหยอกล้อเกิน
คนยังเยินยออยู่ ลวงผู้เยาว์
เกลียดหนังสือสื่อสารซาบหวานซ้ำ
เขียนรักหนักรักหนำ เรื่องน้ำเน่า
อักษรใช้ไชชอนลิดรอนเชาวน์
ทุกค่ำเช้าแพร่เชื้อแผ่เพรื่อชุม
เกลียดของเทศประเภทถั่งไหลหลั่งท้น
สร้างสับสนซับซ้อนสำส่อนสุม
ของไทยเก่า เขากำคอยค้ำกุม
มิหนำทุ่มกลบทับให้ลับทาง
เกลียดสมัยใช้สมองฉวยช่องเสมอ
ใครทึ่มเท่อถูกถุยกรีดกรุยถาง
ใครโกงเก่งเบ่งก๋า ก้ามอ้ากาง
อยู่เยี่ยงกร่างอย่างเกรียง สิทธิ์เสียงไกร
ยิ่งเกลียดจริงยิ่งเจอะมันเยอะจ้าน
ยังเนานานที่นี่หรือที่ไหน
จ่อมทุกข์โจมโถมจับจู่ทับใจ
เกลียดกลับใกล้ยลกลาด ขยาดกลัว
(ร่างเดิม เขียนภายหลังกลับจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ วันที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ครับผม)
หมายเหตุ:
วิถีดำเนินกลอนแบบซ้ำเสียงพยัญชนะในจังหวะตกกระทบของแต่ละวรรคนี้ ผมศึกษาจากเพลง บัวไกลตา ซึ่งท่านขุนวิจิตรมาตรารจนาไว้ อีกทั้งอาศัยเรียนรู้ผ่านงานกวีนิพนธ์ของกวีร่วมสมัยหลายท่าน มี ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ท่านอาจารย์คมทวน คันธนู เป็นอาทิ ครับผม