25 กันยายน 2554 08:49 น.
ตราชู
รำพึงจากภวังค์ที่หวังวาย
เคยวาดฝันสวรรค์ใฝ่ว่าไฟฝ่อ
คนแข็งข้อแค้นเคียดคลายเกลียดขึ้ง
มาโนชหนุนคุณนำครุ่นคำนึง
เห็นโทษถึงการที่โก่นบีฑา
การุณย์เจิม เริ่มประจักษ์รวมรักเจต
ลดสาเหตุหุนหัน ลดปัญหา
ละมุนละไมใจมีไมตรีมา
อีกมิช้าชนชั้นเฉิดฉันชน
แต่แล้วฝันสวรรค์ใฝ่บรรลัยฝัน
ยลสิ่งสรรพ์ซ้อนซับแสนสับสน
มีเขา/เรา เร่าร้อนร้าวรอนทุรน
รุมรุกร้นเร้นร้ายรอบรายเรียง
ดั่งโดนปืน ฝืนไปฝืนใจปวด
แม้มี่สวดมนต์ศาสน์จนขาดเสียง
ก็ไร้วันอันสว่างเสริมสร้างเวียง
ทำได้เพียงแค่พอชะลอภัย
เห็นเลือดชลล้นฉานห่อนนานช้า
เราจักมามาดมั่นโรมรันใหม่
ต่างปองชัย ไป่ช้าต่างปราชัย
ความจัญไรประหนึ่งแร้วขึงแนวรอ
เกิดซ้ำซ้ำกรรมทราม สงครามสี
ทั่วธานีถ่วงหนักทุกข์นักหนอ
จิตมืดตื้อ ถือตนคือต้นตอ
ไทยพร้อมก่ออหังการ์ เข่นฆ่ากัน!
(๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔)
หมายเหตุ:
กลวิธีดำเนินกลอนแบบซ้ำเสียงพยัญชนะตรงตำแหน่งจังหวะตกกระทบนี้ ผมศึกษาจากลีลาในเพลง บัวไกลตา ประพันธ์โดย ท่านขุนวิจิตรมาตรา รวมทั้งเรียนรู้จากงานกวีนิพนธ์ของท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ท่านคมทวน คันธนู และกวีท่านอื่นๆอีกหลายท่าน ครับผม
10 กันยายน 2554 19:52 น.
ตราชู
น้ำเจิ่ง น้ำใจ
วิชชุมมาลาฉันท์ ๘
น้ำท่วมน่วมทุกข์
ฝนชุกฟ้าฉ่ำ
ย้ำชอก_ยอกช้ำ
โศกด่ำสิงแด
โอ้น้ำ...อำนาจ
ร้ายกาจรังแก
สุขหรรษ์สรรพ์แห
คร่ำหวนครวญฮือ
ทัณฑ์ล้มถมล้อม
มากห้อมมองเห็น
เนืองเหย้าเนาเย็น
นี่เข็ญ นี่คือ-
ยามขุกยุขไข้
บรรลัยบันลือ
ดับร้ายได้หรือ?
ได้ ร้นดลแรง
แรงเราเร้ารัก
หนุนชักนำชี้
มากพลันหมั่นพลี
สิ่งดีสำแดง
ช่วยเขาเช้าค่ำ
จดจำ จัดแจง
จิตสร้างจ่างแสง
เจิดสิ่งจริงใส
ห้วงฟ้าห่าฝน
มากท้นมาเถิง
เจตน์รักจักเริง
น้ำเจิ่งน้ำใจ
ชูเชิดเฉิดฉัน
ซึ้งนันท์ทรวงใน
นั่นแท้แน่ไทย
แดนถิ่นดินธรรม
(๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔)