27 มิถุนายน 2551 08:57 น.
ตราชู
ยิ้มสยาม ยิ้มสยอง
(ผมเขียนงานชิ้นนี้ โดยได้แรงบันดาลใจ จากบทความ ไม้ขีดไฟในมือคุณ ของ ท่านพระไพศาล วิสาโล ซึ่งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน ตลอดจนการรับฟังคำอภิปรายในสภาฯ รวมถึงการปลุกระดมนอกสภา ครับผม)
อินทรวงศ์ฉันท์ ๑๒
เคยพักตร์ตระสักแผ้ว
เสนาะแจ้วเสนอวจี
ไป่แหนง, ระแวง, หนี
คณนาประชาภินันท์
สร้างสันติธรรม์สาน
ชชวาลบุรีสุวรรณ
งดเหยียด ประเทียด หยัน
แหละกระหยิ่มกะ ยิ้มสยาม
แดนด้าวอะคร้าวเด่น
มหิเย็นนิยมนิยาม
ไทย เนื่องเมลืองนาม
ธรณีทวีมนุญ
แต่....ในสมัยนี้
บมิดีอุดมอดุลย์
เสื่อมแสงแจรงสุน-
ทรส่องระรองประสาน
เคียดแข่งตริแข็งข้อ
กิจก่อพิกลพิการ
เร่งร้าย กระหายราน
อริรอนเพราะร้อนณรงค์
ผิดพรรค์ผละผันแผก
เยอะแยะแยกยุแหย่, ยุยง
ชลสายมิปรายสรง-
อุระสุกกระอุกและโทรม
พล่านพลันสนั่นผืน-
ภพครืนอุโฆษคระโครม
หลายหนอนลโหม
ปะทุหายน์กระจายคุฮือ
ทุ่มถั่งพลังถา
คติบ้าระบาด ระบือ
ขวัญว้างควะคว้างหวือ
ตะละวันประหวั่นกระวน
ผู้คนกมลขัด
ระอุรัฐระรุ่มทุรน
หน้ายักษ์ตระหนักยล
มิกระหยิ่ม เพราะ ยิ้มสยอง!
(๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑)
25 มิถุนายน 2551 09:35 น.
ตราชู
นอกคำครู
ประเพณีตีงูให้หลังหัก
มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง
จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง
เหมือนเสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย
อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า
ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย
ต้องตำหรับจับให้มั่นคั้นให้ตาย
จะทำภายหลังยากลำบากครัน ฯลฯ
คือคำขานกานท์กลอน สุนทรภู่
ท่านพ่อครูกำชับไว้คับขัน
ปล่อยพาลไปไม่รณประจญประจัน
ได้ทีมันหันขวับคืนกลับมา
โยคีใหญ่ไกรเกรียงก่นเลี้ยงเต่า
ไม่เร่งเร้ารวมกันแก้ปัญหา
อวดโอ่ฤทธิ์อิทธิเดชเด่นเวทนา
ถือเมตตาการุณย์เลิกขุ่นใคร
จนรุกรบตลบมาปัจจามิตร
กลับพ่นพิษ เพ่นพ่านพร่าผลาญใหม่
เดือดร้อนแท้แลดูโทษผู้ใด
มันชักใยยืดขยายเป็นสายโยง
เอาชาติไทยไปปั่นจนผันเปลี่ยน
หน่อยคงเหี้ยนหดหายแทบตายโหง
ฤาถึงคราวชาวประชาเปิดฝาโลง?
เพลิงพรึ่บโพลงตามแผนเผาแผ่นดิน!
ถ้าอ่านคำพร่ำทักท่านสักหน่อย
คงไม่ปล่อยคนกะล่อนกลับปล้อนปลิ้น
นี่ลืมอ่านสารศรีวจีกวินทร์
จึงมลทินเพราะถลำ....นอกคำครู
(๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑)
หมายเหตุ
๑. คำกลอนในเครื่องหมายอัญประกาศ ผมคัดจากวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี บทมหาอมตนิพนธ์ ของ ท่านสุนทรภู่ ครับผม
๒. ผมเขียนงานชิ้นนี้ เพื่อบูชาพระคุณเลอสรวงของท่าน เนื่องใน วันท่านสุนทรภู่ ครับผม
20 มิถุนายน 2551 12:39 น.
ตราชู
รักษ์คีรี
โคลงดั้นบาทกุญชร
ภาคภูมิผุดผาดแผ้ว...............ภูแดน
เห็นระเหิด เขาพระวิหาร...............แห่งหั้น
คือศักดิ์คู่ไทยแสน...............ถนอมสุด
ฉันเฉิดเชิดคล้ายชั้น...............ช่วงหาว
ปาณีมวลมนุษย์นั้น...............นำศิลป์
ลอยเพริศเลิศแพรวพราว...............พร่างหล้า
โดยบรรพ์แบบบูรพ์ระบิล...............ระเบียบก่อ
ฝากเฟื่องฟูฟ้อนฟ้า...............ใฝ่ฝัน
บรรโลมรักหล่อเลี้ยง...............ฤาสลาย
เรา เผ่า ไทย ผูกพัน...............ทั่วผู้
เสียแดนย่อมเสียดาย...............แดป่วน
อกรุ่มรุมเร้ารู้...............เรียกคืน
ของ เรา คือส่วนข้าง...............เขต เรา
ใครเกลื่อนหลักฐานกลืน...............กลับแกล้ง
มอบ เขา ใช่ของ เขา ...............ขายศักดิ์
เรา อยู่ เรา กล้าแย้ง...............อย่าหยาม
ไทย ปวงปกปักป้อง...............ปฐพี
ครองเขต ดำบล คาม...............คู่ด้าว
ร่วมรักรักษ์คีรี...............รวมเจตน์
เจตน์ถ่องเทพไท้ท้าว...............ท่านเห็น
ขอรมย์สิขเรศไร้...............ใครรอน
ยืนหยัดโดยสงบเย็น...............ยั่งห้อม
เทพาท่านประทานพร...............พนมถิ่น
มังคเลศมาพร้อมล้อม...............แหล่งเสถียร
(๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑)
4 มิถุนายน 2551 13:06 น.
ตราชู
ปากกู ปากมึง
ปากกูขู่คึกกึกก้อง
แซ่ซ้องซัดสาดกราดใส่
ปากกูกู่เกริกเอิกไกล
ชิมไปบ่นไปปาวปาว
ปากกูผู้ร่ำสำรอก
กลับกลอกเปลี่ยนแปลงแกล้งกล่าว
ปากกูรู้กาลนานยาว
คุยเฟื่องเรื่องราวไล่เรียง
ปากกูถูไถไปทั่ว
ซี้ซั้วแซ่ดแซ่ดแผดเสียง
ปากกูอยู่ต่อขอเพียง-
ลิ้นเลี่ยงบัดซบกลบกลืน
ปากมึงอึงโอยโหยหวน
คร่ำครวญเกินแค่นแค้นขืน
ปากมึงขึงขังยั่งยืน
วันคืนขับขานค้านกู
ปากมึงขึ้งโกรธโคตรเกลียด
เคร่งเครียดคึกคักอักขู
ปากมึงอึงว่าด่าตู
พรูพรูพร่ำพร่ำรำพัน
ปากกูชมพู่บานเหนือ
คนเอื้อ...แดกได้ไม่อั้น
ปากมึงถึงอดหมดครัน
ช่างมัน...ช่างมันปากมึง
(๔มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๑)
แด่คณะรัฐบาล ซึ่งยังไม่เอาใจใส่เรื่องปากท้องประชาชนเท่าที่ควร ครับผม