31 มีนาคม 2551 12:18 น.
ตราชู
ดอกกุหลาบประดับใจ
ศรีเอยเอมอิ่มด้วย...............อันใด
อิ่มจากคิด, ลิขิตใจ...............จด อ้าง
ศรีเอยเหน็บหนาวไฉน...............นอนอนาถ
หนาวเรื่องแรมราร้าง...............นิราศรั้วรังเรือน
เป็นเหมือนทิพย์มิ่งไม้...............มาลี
บานผ่องยามปฐพี...............เพียบไข้
บานเผยท่ามกลางผี...............ผุดโผล่
คือ กุหลาบ บรรโลมไล้...............หล่อหล้าเฉลิมขวัญ
ยืนยันเหยียดหยัดแย้ง...............ประดิยุทธ์
กับหมู่มวล มารมนุษย์...............หนักหล้า
แข็งขันหมั่นเข็นขุด...............ความอสัตย์
ทุกที่สัจธรรมท้า...............ถั่งถ้อยทวงถาม
สงครามชีวิต ครั้ง...............คราขยาย
ลือชื่อ ลูกผู้ชาย...............เชี่ยว กร้าว
ข้างหลังภาพ หลากหลาย...............ละลานแผ่
เห็นรอบ เห็นรอยร้าว...............รั่วพื้นพสุนธรา
แลไปข้างหน้า เปี่ยม...............พลังปอง
ปองเพื่อปวงไทยผอง...............ผ่านเศร้า
ปองไทยเทียบเมืองทอง...............ทออร่าม
ลอกคราบมายาเคล้า...............เคลือบคลุ้มคลุมหน
ศรีเอยดลสุขเอื้อ...............อวยประชา
สมภพ ศรีบูรพา...............พ่างแก้ว
ศรีแดน กุหลาบ ระดา...............สายประดิษฐ์
ศรีประดับดวงใจแพร้ว...............แจ่มพริ้งไผทเสถียร
(เขียนไว้เพื่อบูชา ท่านกุหลาบ สายประดิษฐ์ (ท่าน ศรีบูรพา) ในวันคล้ายวันชาตกาลของท่าน ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ครับผม)
หมายเหตุ
๑. โคลงบทแรก ได้แรงบันดาลใจ แหละเค้าโครงจากโคลงโต้ตอบ ระหว่าง พระเจ้าเชียงใหม่ กับ ท่านศรีปราชญ์ ครับ
๒. มารมนุษย์, สงครามชีวิต, ลูกผู้ชาย, ข้างหลังภาพ, แลไปข้างหน้า คือชื่อนวนิยายที่ ท่านศรีบูรพา ประพันธ์ไว้ ครับผม
21 มีนาคม 2551 16:56 น.
ตราชู
คืออาชญากร
(ผมได้แรงบันดาลใจจาก บทกวี ผู้สร้างอาชญากร ประพันธ์โดย ท่านทวีปวร ในหนังสือ จงเป็นอาทิตย์เมื่ออุทัย และงานกวีนิพนธ์สะท้อนสังคมของกวีหลายท่านครับผม)
เมื่อหลายแหล่งแบ่งแยกอย่างแตกต่าง
สังคมสร้างค่านิยมสุขสม สวย
คนปองเงินเดินงงลุ่มหลงงวย
อยากร่ำรวยหรูหราหรรษาสราญ
ใครมือยาวสาวไส่เก็บไว้สิ้น
พูนทรัพย์สินผ่องใสสุขไพศาล
ใครมือสั้นศัลย์เศร้าซึมเซาซาน
ไร้รากฐานรันทดเมื่อลดทุน
คนบางส่วนสรวลเสฮาเฮสุข
หลายส่วนทุกข์ถูกไถตกใต้ถุน
คล้ายถูกห้อมล้อมล่าอย่างทารุณ
ให้ต้องวุ่นวกวิ่งเวียนวิงวน
ราวตกท่อทรกรรมกลางน้ำเหม็น
คราวจำเป็น จมปลัก จึงลัก ปล้น
สายไฟมันมั่นกระพัดผูกรัดตน
จึงดิ้นรนหลีกเลี้ยวโดยเรี่ยวแรง
ความยากไร้ไล่เงา ใครเล่าอยาก
ความลำบากไม่เบา ใครเล่าแกล้ง
ด้วยแผลพรุนทุนนิยมขย่มแทง
เลยจำแปลงปฏิบัติ จำหัดปรือ
บ้านเมืองล้มจมยุบยังหุบเหว
สังคมเลวร้อนเร่า โทษเราหรือ
ต่างคว้าไขว่ไล่จับเงินกับมือ
เงินแหละคืออหังการ์ อาชญากร
(๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
ข้อความชี้แจง
ผมเขียนงานชิ้นนี้ขึ้น ขณะคิดถึงข่าว คนบางกลุ่มลักขโมยฝาท่อ สายไฟ อันถือเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แล้วก็ได้คำตอบในเบื้องต้นครับ นั่นคือ เงิน เป็นเครื่องผลักดันโดยแท้ ในโลกทุนนิยมให้ความสำคัญกับธนบัตร ตัดสินคนจากวัตถุ แน่นอน มนุษย์ทุกคนอยากอยู่สบาย ครั้นขัดสนก็ต้องหาเงิน ในเมื่อเงินทำให้ได้มาซึ่งสิ่งของนานัปการ คนมีเส้นมีสายได้งานทำ ได้เงินใช้ คนไร้เส้นสายตกงาน ขาดเงิน ก็คิดหาทางลัด ให้ได้เงินมาใช้เร็วที่สุด เงิน เงิน เงิน เงิน สังคมไทยจะต้องเดินไปท่ามกลางกระแสเงินหรือไฉน น่าอเนจอนาถใจเหลือเกินครับผม
19 มีนาคม 2551 08:08 น.
ตราชู
หน้าร้อน นอนร้าว
(ลีลากลอน ๗ เยี่ยงนี้ ผมเรียนรู้จากบทกวีชื่อ อย่า ประพันธ์โดย ท่านคมทวน คันธนู ในหนังสือ จตุรงคมาลา ครับผม)
หนาวร้ายหน่ายราเมื่อหน้าร้อน
ผ่าวเสริมเพิ่มซ้อนยากผ่อนเศร้า
ไม่ร้างหมางเรื่องเลยเมืองเรา
เลวเก่า เหล่าก่อนมันหลอนกล
ชุมญาติ ชาติยอบ มันชอบแย่ง
ล่า ปลิด ลิด แปลง จำแลง ปล้น
กอดติดกิจแต่เห็นแก่ตน
กลุ่มเพื่อนเกลื่อนพลกลาดกล่นพรรค์
เข็ญดล คนดีถูกขี่ด้วย-
ศิทธิ์นำส่ำหน่วยคนซวยนั่น
เบ่ง ก๋า บ้า กด บังบด กัน
ข่มอยู่ขู่ หยัน บีบคั้นเยิน
ทรามยัดซัดยับสินทรัพย์เหย้า
โอนเข้า เอาขาย ไม่อายเขิน
ผันแง่ แผ่เงื้อก็เพื่อเงิน
โหมพล่ามห่ามเพลินโลดเหินพลิ้ว
คล่าวบ่าคลาบุกเคล้าคลุกบาป
ฉ่ำลาภฉาบโลภยิ่งโฉบลิ่ว
หนุนทัพนับแถวเป็นแนวทิว
คนจนคนจิ๋วต่อคิวจน
หนาวรา หน้าร้อนยังนอนร้าว
ชั่วคุมชุ่มคาวเมือกฉาวข้น
รำร่ายร้ายร่อนเร่าร้อนรน
ขื่นแดน แค้นดล ขาดคนดี
(๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)
13 มีนาคม 2551 10:53 น.
ตราชู
ปูมประวัติปฐพี
(แรงบันดาลใจ จาก บทกวี แด่นักสู้ผู้ยืนหยัด นิพนธ์โดย ท่านคมทวน คันธนู ในหนังสือ กำสรวลโกสินทร์ ครับผม)
๑.
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
อ้า!...เอกนาครนามสยามยศอนันต์
คงเขตนิเวศน์ขัณฑ์
นิคม
แซ่ซ้องศักดิอดุลย์วิรุฬห์กิระอุดม
ราษฎร์สร้างสล้างสม
สกล
บรรโดยภูธรรายนิกายพหลรณ
ราญผู้ริปูพล
ผยอง
อ้า!...เอกนาครรามสยามบุระระรอง
แก้วกาญจน์อุฬารกอง
ถะเกิน
ด้วยเดชบรรพบุรุษวิรุจน์จิระเจริญ
เสียงซั้นเพราะสรรเสริญ
ประสาน
เจ้าจุ่งจำคติแจ้งแจรงอมตะจาร
วงศาวดาร ดาล
คดี
โบราณเลื่องระบุไว้ไสววุฒิทวี
เสริมสิทธิ์นิมิตศรี
สิมา
เจ้าจุ่งบูชิตเนื่องประเนืองคุณชนา-
เพรงสรรค์สุหรรษา
เสมอ
๒.
อีทิสังฉันท์ ๒๐
วรรณนาละไมฤทัยละเมอ
สนุกสนาน พิจารณ์ เสนอ
สนิทเนียน
คัมภิรามหานุสนธิเรียน
วะวามประวัติฉวัดเฉวียน
เชวงพลัน
บรรพชนกระช่างพระพร่างประชัน
แหละเนาวชนทุพลมิฉัน
ผกายโชน
ปางประชาฉกาจตวาด ตะโกน
สะพรึ่บสะพรั่งพลังคุโผน
พะผองพาล
อันขย่มบุรีระรี่ ระราน
ผิว์ใครริขัดประหัตประหาร
ชิวาตม์หายน์
ใครนะ ใครล่ะเลือดเลอะเดือดละลาย-
สรีระกล่นสกนธกาย
ประนังกัน
ไยละลืมประวัติวิวัฒน์ ณ วรรณ
มิให้เสวยเสบยสวรรค์
วะวาวเวียง
อมพะนำแสดงคระแวงเผดียง
ฉลาดเฉลียวเลาะเลี้ยวเฉลียง
แฉลบไป
๓.
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
สิบสี่ ตุลา สั่น
กระอุครันประโดยใคร
ใครเคยเฉลยไข
ปะทะฆาต ประกาศคำ
ปืนโรมคระโหมฤทธิ์
ทรกิจกลีกรรม
วารวันประหวั่นหวำ
ฤดิว้างควะคว้างหวือ
ล่วงมาอุลามก
ขณะหก ตุลา ฮือ
จัญไรเพราะใครฤา
รณรงค์ประสงค์รอน
เร่งรันเฉาะหั่นราษฎร์
มรณาศอนาถนอน
ความหลังจิรังหลอน
ชลเลือดมิเหือดเลย
แล่นล้ำถลำไล่
ยุววัยก็สังเวย
คนชอบขนอบเฉย
หินชาติประกาศชัย
สาหัส อสัตย์ห่า
พฤษภามหาภัย
ไทยท้วง ทะลวงไทย
กุธทำกระหน่ำเถือ
ก่อศึกพิลึกเสี้ยน
ปะทุเบียนชิวาเบือ
เมื่อหมู่ริปูเมือ
มหิมาประสาเมา
เหี้ยมเหตุเทวษหา-
ยนะง่าชะเงื้อมเงา
ใครใคร่แหละใครเขา-
เอะอะฆ่าประดาคน
๔.
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
จุ่งมา ประชานิกรแม้น-
มณิแดนธราดล
ทุกที่วิถี อุท, สถล
ศพทอดตลอดทาง
เราหลายมลายมรณะล้น
นวชนน่ะรางชาง
แรงถั่งกระทั่งพิริยะถาง-
พสุธาปะอาธรรม์
ทั่วทิศสถิตอุดมทัศน์
ฤชุญัตติยืนยัน
ลำยอง ผยองมนะขยัน
พิระหยัดสมรรถยง
ร่วมสร้าง, สะสาง วิมลสัจ-
จประวัติประชาวงศ์
ใดเลื่อน เลอะเลือน ลิขิตหลง
จะชะล้างสว่างแล
สร้างวันสวรรค์มหิไสว
ประลุได้รุจาแด
ลดส่วนกระสวนระบิกระแส
อภิสิทธิ์สฤษฎิ์ สอน
เขียน อ่าน สะอ้านเหมาะเจาะละเอียด
ธิติเกียรติประชากร
เจ้าของประคองมหนคร
ถิระค่า มหาคุณ
แด่ประเทศไทย ซึ่งมิยอมให้ประวัติศาสตร์ภาคประชาชนมีบทบาทสำคัญเท่าที่ควร ครับผม
(๑๐ ถึง ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
ข้อความชี้แจง
ผมอยากจะเขียนเรื่องนี้ ตั้งแต่กรณี ๖ ตุลา เงียบหายเข้ากลีบเมฆใหม่ๆแล้วครับ เพิ่งจะสบโอกาสก็ในช่วงเวลาซึ่งบันทึกไว้ในวงเล็บนั่นแหละครับ โดยส่วนตัว รู้สึกละเหี่ยใจยิ่ง ที่เราไม่เคยชำระประวัติศาสตร์ภาคประชาชนอย่างจริงจังเสียที ตำรับตำราก็ยังคงงมงายกับหลักฐานเก่าๆ สอนสืบทอดต่อกันมายาวนาน โน้มน้าวให้เกลียดชังประเทศเพื่อนบ้าน (ด้วยวิธีตอกย้ำอดีต) แต่ไม่บอกว่าชาติเราเองเคยกระทำย่ำยีต่อบ้านอื่นเมืองอื่น ตลอดจนพลเมืองชาติเดียวกันบ้างหรือเปล่า ปลูกฝังความดี ความงาม ของชาติไทย โดยเลือกอำพรางรอยด่างเอาไว้ แทนการเปิดเผยเพื่อสร้างความเข้าใจ หาลู่ทางแก้ไข เพราะเหตุฉะนี้หรือไม่ ประวัติศาสตร์ชาติไทยจึงเวียนซ้ำรอยครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เราไม่เก็บบทเรียนมาเรียนนั่นกระมังครับผม
11 มีนาคม 2551 11:00 น.
ตราชู
ผู้อยู่เบื้องหลัง
ฉันท์ ๔๐ กลบทอัษฎางค์ดุริยา (ประดิษฐการโดย ท่านคมทวน คันธนู ครับผม)
หม่นมัวสลัวหมอง
เนืองนองเสนียดแน่
ท่าทางสะอางแท้
ท่วมถมสะสมทุน
เป็นตับสลับตั้ง
นั่งตั่งแสวงตุน
เทถ่ายสยายถุน
สาไถยไสวทวย
พกลม ประสมลาภ
สร้างภาพประเสริฐผอง
เรืองรับประดับรอง
ป้อง, เร้น ประเด็นรวย
หลอกชวนประมวลชน
อึงอล ประโยชน์อวย
เคลิ้มสุขประยุกต์สวย
ชมซ่านประสานเสียง
แทรกใส่นิสัยส่อ
หลอกล่อนิคมหล้า
สามรรถนิวัติมา
โสมมนิยมเมียง-
มองมั่นนิรันดร์มาด
ครองชาตินิมิตเชียง
รำร่าย นิยายเรียง
เร่งรัด นิพัทธ์เริง
ยิ่งยิ้มกระหยิ่มใหญ่
ชักใยกระจายย่าน
เฉียงเฉกระเท่ห์ชาญ
เชี่ยวช่ำกระทำเชิง
เลี้ยงเฮี้ยนกระเหี้ยนโหง
ซ่อนโพลงกระไอเพลิง
สรวลลั่นกระสันเหลิง
ลิงโลดกระโดดลอย
ฤทธิ์แรงแขยงร้าย
เครือข่ายเขยิบเข้า
โคตรคดขนดเขา
ควบคุมขยุ้มคอย
เหยียบนำ ขย้ำแน่
บาดแผลขยายพลอย-
พาถดขยดถอย
ทั่วถ้วนขบวนไทย
(๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
หมายเหตุ
๑. กลบท อัษฎางค์ดุริยา โดย ท่านคมทวน คันธนู นี้ ผมค้นพบจากเว็ปไซต์หลายแห่ง จึงลองเขียนดูเพื่อฝึกหัดครับ
๒. นับตั้งแต่เขาคนนั้นกลับมากราบแผ่นดินให้คนดู ผมยังมิได้เขียนอะไรให้เขาโดยตรงเสียที จึงขอมอบงานชิ้นนี้ต้อนรับการคืนถิ่นของเขา ครับผม