31 ตุลาคม 2551 08:03 น.
ตราชู
โศกาดูร
กำสรวลพญาโศกซึ้ง...............สำนาน
สังคีตบรรสมขาน...............ขับถ้อย
ดวงมานดั่งดวงมาลย์...............มาประดับ
รวมราษฎร์ รวมใจร้อย...............จิตรู้อาลัย
ถวายไทอัคเรศทั้ง...............ธาตรี
สมเด็จเชษฐ์ภคินี...............นาถจ้าว
ทรงศักดิ์เสด็จแดนศรี...............สรวงสวัสดิ์
ทวยเทพอัญเชิญท้าว...............ท่านไท้ผทมเขนย
พระองค์เอย ทรงโอบเอื้อ...............อวยชน
ทรงเดชฤาจักดล...............สุขได้
ผืนภูว์ไป่เพลาผล...............พิบัติเหตุ
นาคเรศยังคงไร้...............รักเลี้ยงชโลมขวัญ
วันวันยังห่อนเว้น...............เวียนวง
รุมรุกรานรณรงค์...............เรี่ยวกล้า
โลดเหลิงลิ่วเริงหลง...............ลืมตรึก
โถมทุ่มกำลังท้า...............ไล่ทุ้งเถือสยอง
สองพวกสองผาดผ้าย...............ผกโผน
ดุด่าดึงดันโดน...............เดือดดื้อ
อึงอลไป่ยอมโอน...............เอนอ่อน
ผลุนระริกราวพลิกรื้อ...............ราบพื้นพสุธาร
วิญญาณทรงสถิตยั้ง...............ยังสวรรค์
ยลเผ่าไทยแยกพรรค์...............เพื่อห้ำ
คงทรงโศกทรวงศัลย์...............สาหัส
วรเนตรคงนองน้ำ...............อนาถร้าวรำจวน
กำสรวลพญาโศกซ้อง...............สำเนียง
แทบอกธรณีเอียง...............โอดสะอื้น
ดูเวียงบ่เป็นเวียง...............เวรวิบาก
เพลิงแผดผลาญภูมิพื้น...............พ่างเพี้ยงเมรุเผา!!!
(๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
30 ตุลาคม 2551 16:28 น.
ตราชู
ทลายไทย
แล้วระบอบระเบิดก็เปิดรบาญ
อุบาทว์ประหัตอุบัติประหาร
กระเหิมฮือ
ล้วนระบิลระบายดุร้ายระบือ
ปิศาจแวะเวียนเฉวียนวะหวือ
วะว่อนวน
เลวทะลักทุเรศประเทศทุรน
ตระเตรียมกระกรูพระพรูพหล
กระหายรอญ
ครันธุมาคละคลุ้มชระอุ่มนคร
สมัครสมานสราญสมร
มล้างวาย
เย็นพิรุณประพรม ระงมพระพาย
สยามสิร้อนสยอนมิหาย
คระโหมรัน
เจ็ด ตุลา กระโจมคระโครมประจัน
ประโดยวิถี วิธีอธรรม์
สะท้านทรวง
ไยมิหยุดถลามุบ้าทะลวง
ประดังประดาษอนาถพะดวง-
ฤดีขม
แล้วระบอบระเบิดก็เปิดระบม
มหันตโทษพิโรธจะถม
ทลายไทย!
แด่เหตุการณ์ระเบิดหลายที่ และความรุนแรงอันอาจจะเกิดตามมาครับผม
(๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
หมายเหตุ
คำว่า สมร ในที่นี้ ใช้ในความหมายว่า ใจ ครับผม
13 ตุลาคม 2551 11:12 น.
ตราชู
อาลัยปู่เย็น
ผ่องแผ้วแพรวพลาม สายน้ำเพชร
พร่างเก็จเพี้ยงแก้วผกายก่อง
น้ำเย็นเย็นย้ำใจลำยอง
ยกย่องเป็นอยู่อย่างปู่เย็น
คือผู้ทระนงมั่นคงนัก
ฝ่าความขลุกขลัก ความขุกเข็ญ
ดำรงชีวีตามที่เป็น
บำเพ็ญทุกข้อล้วนพอเพียง
ผันกาลผ่านไปทั้งใหม่เก่า
ผ่านโศกผ่านเศร้าผ่านภัยเสี่ยง
ผ่านทางกว้างไกลจนไกรเกรียง
สุข, ทุกข์ คลุกเคียงท่านคุ้นเคย
เวลาคลาไคลโดยไม่หยุด
เหลือฉุดเวลาให้ช้าเฉย
เลื่อนไหลไคลคลาเวลาเอย
ปู่ลับดับเลย โอ้อาลัย
ล่องลอยคล้อยไหลตามสายน้ำ
ถ้อยคำตำนานยังขานไข
มิมีเลิกร้างเลือนรางไป
นามปู่อยู่ในอนันตกาล
เมธีชีวิตสอนชีวิต
ครุ่นคิดทุกคราวครั้นกล่าวขาน
วิญญาณทั้งสิ้นสร้างวิญญาณ-
ลูกหลานเกิดรอรุ่นต่อมา
ผ่องแผ้วแพรวพลาม สายน้ำเพชร
พร่างเก็จเพี้ยงแก้วผกายกล้า
เย็นน้ำร่ำรินรื่นวิญญาณ์
ปรารถนาเป็นอยู่อย่างปู่เย็น
แด่การจากไปของ ท่านปู่เย็น แก้วมณี ชายชราผู้ทระนง ครับผม
(๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
10 ตุลาคม 2551 08:23 น.
ตราชู
โบว์สายรุ้ง
โบว์จากฟ้ามาระบายเป็นสายรุ้ง
เขตโค้งคุ้งคัคนานต์ตระการโน่น
งดงามล้ำอัมพรแผ่อ่อนโยน
จากสรวงโพ้นพาดผ่านประทานพร
เธอ ผู้ซึ่งประหนึ่งรุ้งเรืองรุ่งนี้
เธอ งามศรีงามสรรพเอกอัปสร
เมื่อสูญสิ้นวิญญาณ์ หยุดอาวรณ์
หยุดเร่าร้อนรุ่มถวิล หยุดดิ้นรน
หลับเถิดเธอเลอเลิศ หลับเถิดหลับ
ฟ้าพร้อมรับเธอให้ครรไลหน
เป็นโบว์ฟ้าอ่ารุ้งอำรุงสกล
ส่องใจคนคราวคลั่งทุกครั้งครา
ให้หยุดรุกปลุกระดมสังคมเดือด
หยุดเอาเลือดละเลงเล่น หยุดเข่นฆ่า
หยุดเหนี่ยวนำอำนาจเพื่ออาตมา
หยุดนำพาคนทั้งหลายไปตายแทน
แล้วก่อฐานสะพานทองทุกท้องที่
แล้วรวมพี่รวมน้องเกี่ยวคล้องแขน
แล้วแน่นหนักหลักเกณฑ์ รัก เป็นแกน
สร้างสรรค์แม้นรุ้งละไมวิไลละออ
เมื่อโบว์ฟ้ามาระบายเป็นสายรุ้ง
คือแสงรุ่งแสงล้อมรักหลอมหล่อ
วาดหวังไว้ใจเรายังเฝ้ารอ
ยามรุ้งทอคือชวาลวิญญาณเธอ
แด่การจากไปของ คุณโบว์ อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ครับผม
(๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
หมายเหตุ
ผมตั้งใจจะเขียนงานสักชิ้นหนึ่งให้คุณโบว์ อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ตั้งแต่รู้ข่าวการเสียชีวิตของเธอแล้วครับ แต่ขณะนั้น ความเศร้าอันหนักหน่วงกดอารมณ์จนตื้อตันไปหมดทั้งสมอง โบสายรุ้ง จึงออกมาล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นครับผม
8 ตุลาคม 2551 09:17 น.
ตราชู
ร้าวระทม ลมตุลา
โคลง ๔ สุภาพ
ลมเอยลมลิ่วโอ้...............อาดูร
ลมผ่าว ลมตุลาพูน...............เพิ่มไหม้
ลมโศกไป่ราสูญ...............ทรวงสั่น
ลมล่อง โลหิตไล้...............หลั่งแล้วชโลมลง
พันธุ์พงศ์คือเผ่าพ้อง...............ภูมิสยาม
พลันสยบ ภพซมยาม...............โยกเขยื้อน
เพลิงโพลงพลุ่งโพลงพลาม...............ผลาญสรรพ
ทึกทึกศึกโถมสะเทื้อน...............ทั่วด้าวแดนดิน
ธรณินทร์จำเจ็บนี้...............นมนาน
ไทยบุกไทยรำบาญ...............บั่นห้ำ
ไทยโหดหักหาญประหาญ...............ฮือประหัต
ชอกชีพ ชาติชอกช้ำ...............ชุ่มชื้นชลนา
ชีวามิว่างเว้น...............ฤดีหวิว
ลมปั่น ใบพฤกษ์ปลิว...............ปลิดเปลื้อง
เพรียกขวัญควั่งขวัญควิว...............ควากหล่น
ริบหรี่ฤามีเรื้อง..........รุ่งแพร้วนภาฉาย
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
ยิ่งย้ำระยำประทุษหยาบ
พฤติบาปทุโรบาย
ลุยล่าธราดลทลาย
ทะลุล่มถล่มลง
เลื่อนลั่นถลันปะทะมิลด
ประลุกฎเคราะห์กรรมกง
สาดซัดก็อัสสุชลสรง
เพราะอสูรประยูรสึง
หลายที่วิถีมุทะลุท้วง
รณจ้วงกระโจนจึง-
ต่างบั่นตะบันพลตะบึง
ขณะบาบขนาบโบย
อ่อนล้า ตุลารุธิรไหล
ทรภัยพิบัติโภย
เหตุหั้นมิหรรษ์มนะระโหย
สรไห้พิไรฮือ
แค้นยังคุยั่งปะทุขยาย
ภยร้ายจะผ่อนฤา?
ต่างถาแหละท้าทฤษฐิถือ
กุธโถมคระโหมทัณฑ์
เซซ้ำระส่ำ ณ ตะละส่วน
มหิครวญสะอื้นครัน
วอดว้างสว่างสิริสวรรค์
ปฐวีทวีเวร!!!
(๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
หมายเหตุ
สถานการณ์เช่นนี้ ผมสงสารในหลวง เป็นห่วงประเทศชาช ประชาชนทุกฝ่าย ทุกด้าน มากที่สุดครับผม