24 มกราคม 2551 11:55 น.
ตราชู
สาราถึงว่าที่นายก
เสียงอึงอื้อคือกระแสซึ่งแซ่ซ้อง
ก็จำต้องปรีดาวิญญาณ์ด้วย
โชคนำหนุนบุญเหลือโอบเอื้ออวย
ให้ท่านรวยบารมีไหลปรี่มา
เป็น นายก ปกป้องคุ้มครองสยาม
อย่าบุ่มบ่ามหูเบาหรือเมา, บ้า
ใครเขาต้าน, ค้าน, โต้ใช่โกรธา
ว่า เลวทรามต่ำช้า เดือดด่าชน
มีอำนาจบาตรใหญ่ยึดไว้อยู่
อย่าพรั่งพรูเพรื่อกระจายน้ำลายพ่น
บังคับเขาเต้าต้อยตามรอยตน
เป็นพ่อคนทั้งเมืองหรืออย่างไร
โปรดรู้เรื่องเมืองไทยมิใช่ซ่อง
สำหรับครองเพื่อขจัดบำบัดใคร่
ร่วมเมถุน วุ่นวายทำลายไทย
ทั้งนอกในแตกหน่อแต่นอมินี
ยกโยธาพาพวกสะดวกผ่าน
โดยสั่งการร่วมกันแก้นั่น, นี่
รัฐสภาตู้เย็น ยอมเห็นดี
จนป่นปี้ขื่อแปหลายแหล่ปรวน
เลิก ชิมไปบ่นไป บรรลัยป่น
เลิกปลอมปล้นเปี่ยมภัยบรรลัยป่วน
เลิกแค้นขัดงัดข้อคอยก่อกวน
เลิกผันผวนผกผินให้ภินท์พัง
แล้วนำรัฐจรัสแจ้งแจรงเจิด
สรรค์สิ่งเพริศพราวล้อมสุขพร้อมพรั่ง
หนุนนำพาประชาชนจากวนวัง
ให้ทั่วทั้งปฐพีเปรมปรีดิ์เทอญ
(๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
19 มกราคม 2551 16:29 น.
ตราชู
วาจาสัตย์ วาจาสัตว์
พาทีไพสิฐแท้..............ธำรง
เลิกหลอกราษฎรหลง...............เล่ห์ถ้อย
วาจาสัตย์ จึงทรง...............สิทธิ์สรรพ
พราวพร่างฤาด่างพร้อย...............พรั่งพร้อมศุภผล
ดำกลเปรียบดุจแก้ว...............แกมกาญจน์
เกียรติศักดิ์เกรียงไกรสาร...............สื่อก้อง
บรรหารพจนารถหาญ...............ทุกแห่ง
ชนส่ำสรรเสริญซ้อง...............ซาบซึ้งสดุดี
พาทีทุรวาทท้น...............ทับถม
พูดเล่นเพียงผายลม...............ตลบเปื้อน
วาจาสัตว์ อาจม...............กระจายเจิ่ง
โยนโยกโหยกเหยกเยื้อน...............ยักย้าย, ยียวน
เรรวน เอาแต่ร้อง...............รำพัน
ปดป่าวปองประโยชน์ปัน...............ปากป้อน
บรรหารพจนารถหัน...............เหหก
หลายอย่างแยบยลย้อน...............ยากค้นคะเนใจ
แม้ใครปราศจากข้อ...............ราคี
สรรค์สัตย์วาจาศรี...............ประเสริฐได้
ใครเลวก่อกาลี...............กูณฑ์กิเลส
สรรค์สัตว์วาจาไซร้...............เสื่อมซ้ำนิจศีล
(๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
ข้อความฝากทิ้งท้าย
ผมได้ยินผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง พูดว่า ที่ต้องเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง แล้วอดไม่ได้จริงๆครับ เพราะพฤติกรรมท่านปลิ้นปล้อน กลับไปกลับมาเหลือเกินครับผม
14 มกราคม 2551 12:27 น.
ตราชู
ใบไม้สีแดง
พลิ้วพลิ้วควงร่วงถลาลงหล้าแหล่ง
ใบไม้แดงกรอบดูร่วงกรูดื่น
อีกไม่นานกาลเวลาก็มากลืน
ให้พฤกษ์ยืนต้นตายตรงชายเนิน
แสนหมองหม่น ต้นไม้เหมือนไทยประเทศ
ทนทุเรศทรมานมานานเนิ่น
มีแต่ไฟไหม้หมกลามกเผชิญ
แรงเหลือเกินเกรียมกรุ่นทารุณกราน
บัดนี้ยังพลังเร้าเร่งเร่าร้อน
ใบแดงว่อนวุ่นวายโปรยปรายหว่าน
จ้องจำแนกแจกแจงป่าวแจ้งประจาน
ใครจัดจ้านทุจริตรุมจิตใจ
เหลืออีกมากหลากหมู่มิรู้หมด
อีกหลายโค้งโยงคดซ่อนขดไส้
ล้วนด้วง, หนอน นอนสุขแทรกซุกไช
แทะมิ่งไม้เช่นนี้ทุกทีมา
จนร่องรอยร่อยรายเลวร้ายรู้
ต่อให้ปูใบแดงปิดแหล่งหล้า
ก็ยากแปร แก้ ปรับ ความอัปรา
ยากปิดหน้าพวกเสนียดยัดเยียดเนือง
พลิ้วพลิ้วร่วงควงถลาลงหล้าแหล่ง
ใบไม้แดงดิ่งลิ่วปลิดปลิวเปลื้อง
เวลาผ่านนานคงปลดปลงเปลือง
ดั่งบ้านเมืองแม่นมั่น...ใกล้วันมลาย!
(๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
หมายเหตุ
ผมฟังข่าว กกต. แจกใบแดงให้ว่อน แล้วหวนคิดถึงบางประโยคจากเรื่องสั้น สมุดปกดำกับใบไม้สีแดง ของ ท่านอาจารย์วิน เลียววาริน ซึ่งกล่าวทำนองว่า ประเทศเราก็เหมือนกับใบไม้สีแดง ทำให้สลดใจไม่น้อยเลยครับ แหละนี่คือแรงบันดาลใจของงานชิ้นนี้ครับผม
12 มกราคม 2551 11:49 น.
ตราชู
แด่เด็กๆ
ผู้เอ๋ยผู้ใหญ่
เล่นเลวเหลวไหล
โยงใยยืดยาว
ร้ายฝากรากฝัง
กี่ครั้งกี่คราว
ดั้นเหินเดินหาว
พวกห่าพาเฮ
เอ่อปริ่มอิ่มปรี่
ยศมาก อยากมี
จู้จี้จำเจ
ตำแหน่งแต่งนำ
ศีลทำทรุดเท
แทรกแซงแสร้งเส
ปองสิทธิ์ปิดทราม
ผู้เอ๋ยผู้ใหญ่
ลีลาปลาไหล
ยิ่งไล่ ยิ่งลาม
ต่างล่อ ตอแหล
สร้างแง่สวยงาม
เขาเหยียดเคียดหยาม
มากไยไม่ยิน
ซ่อนซุก สุขสม
มั่วมรรคหมักหมม
อาจมอาจิณ
ชื่นฉ่ำ ช่ำชอง
กึกก้องโกงกิน
ลอยเชิดเลิศฉิน
เฉิดฉันชั้นชน
ผู้เอ๋ยผู้เด็ก
ยังเหล่าเยาเล็ก
อย่าร้อนอย่ารน
ตรองนึกตรึกหน่อย
ค่อยค่อยดูคน
ใครใช้ ใครฉล
นานช้าน่าชัง
บ่มทุนบุญเทอญ
เสียงซั้นสรรเสริญ
จำเริญจีรัง
ทำดีถี่ได้
พ้นภัยภินท์พัง
เพริศแววแพรวหวัง
เทิดไว้ไทยเวียง
ผู้เอ๋ยผู้เด็ก
มากแหล่ แม้เล็ก
จงร้อยจงเรียง
รักมัดรัดมั่น
ผูกพัน พอเพียง
ใดเชิญเดินเฉียง
หยาบช้าอย่าเชือน
หลีกชนล้นชั่ว
ทบทวนถ้วนทั่ว
ตนตัวตักเตือน
เสริมทัศน์สัตย์ธรรม
มากล้ำไม่เลือน
โดยมีดีเหมือน-
เทพมั่นธรรม์มวล
(๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
2 มกราคม 2551 10:36 น.
ตราชู
มหาโศกาลัย
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
พ่างเพิกภินท์ภพหล้านภาสุริยะเลือน
มืดมิดสนิทเหมือน
มลาย
น้ำตาเปรียบชลปรูพระพรูพิรุณปราย
โซมสาดมิขาดสาย
กระแส
บันดาลแดตะละดวงระลวงปะทุ ณ แด
เหลียวหลงพะวงแล
ตะลึง
หนาวหนาวทนทุมนัสถนัดขณะคะนึง
ทุกข์ท่วมประชวมถึง
ฤทัย
สมเด็จเชษฐ์ภคินีบดี ธ ภุวไนย
ลับลานิคาลัย
ลุสรวง
โอ้โอ๋อาดุรป่วนประมวลมนสปวง-
ชนเซาเพราะเศร้าทรวง
มิซา
เย็นเยือกมารุตเยียบมิเทียบกะหทยา
ร่ำไห้พิไรหา
ฤหาย
หวนหาหัตถ์ ธ ขจัดพยาธิเคราะห์ขจาย
ราษฎร์ไข้ก็ได้คลาย
ระคาง
ครั้นถึงคราอุระปั่นประหวั่นกษณะปาง
เมื่อนี้พระพี่นาง
นิรา
โอสถใดล่ะจะดับระงับฤดิประดา-
ราษฎร์คร่ำประจำครา
คระโหย
ขวัญเอ๋ยขวัญนคราจะล้าพลวโรย
รรรดมระบมโดย
ประดัง
เสียงไห้ร่ำนฤนาทประกาศสรประนัง
ซ้องซึ้งประหนึ่งสังข์
ประสาน
ส่งท้าวสู่มหิมาธราดลพิมาน
แก้วก่องระรองกาญจน์
ตระกล
พร้อมพรั่งเทพบริพานสถานทิพสุภณ
ทุกเบื้อง ณ เมืองบน
บุรินทร์
อัญเชิญท้าว ธ ผทมภิรมย์นิตยทิน
เนาเทวธานินทร์
นิรันดร์
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ เขียนถวายไว้แทบเบื้องพระบาท ด้วยความอาลัยเป็นที่ยิ่ง พระพุทธเจ้าข้า
(๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑)