23 มิถุนายน 2550 09:26 น.

กราบครู กาพย์ครู

ตราชู

กราบครู กาพย์ครู
	ไพร่ฟ้าประชาชี
ชาวบุรีก็ปรีดา
ทำไร่เขาไถนา
ได้ข้าวปลาแลสาลี

	อยู่มาหมู่ข้าเฝ้า
ก็หาเยาวนารี
ที่หน้าตาดีดี
ทำมโหรีที่เคหา

	ค่ำเช้าเฝ้าสีซอ
เข้าแต่หอล่อกามา
หาได้ให้ภริยา
โลโภพาให้บ้าใจ

	ไม่จำคำพระเจ้า
เหไปเข้าภาษาไสย
ถือดีมีข้าไท
ฉ้อแต่ไพร่ใส่ขื่อคา

	คดีที่มีคู่
คือไก่หมูเจ้าสุภา
ใครเอาข้าวปลามา
ให้สุภาก็ว่าดี

	ที่แพ้แก้ชนะ
ไม่ถือพระประเวณี
ขี้ฉ้อก็ได้ดี
ไล่ด่าตีมีอาญา

	ที่ซื่อถือพระเจ้า
ว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
ผู้เฒ่าเหล่าเมธา
ว่าใบ้บ้าสาระยำ

	ภิกษุสมณะ
เล่าก็ละพระสะธำม์
คาถาว่าลำนำ
ไปเร่ร่ำทำเฉโก

	ไม่จำคำผู้ใหญ่
ศรีสะไม้ใจโยโส
ที่ดีมีอักโข
ข้าขอโมทนาไป

	พาราสาวะถี
ใครไม่มีปรานีใคร
ดุดื้อถือแต่ใจ
ที่ใครได้ใส่เอาพอ

	ผู้ที่มีฝีมือ
ทำดุดื้อไม่ซื้อขอ
ไล่คว้าผ้าที่คอ
อะไรล่อก็เอาไป

	ข้าเฝ้าเหล่าเสนา
มิได้ว่าหมู่ข้าไท
ถือน้ำร่ำเข้าไป
แต่น้ำใจไม่นำพา

	หาได้ใครหาเอา
ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา
ผู้ที่มีอาญา
ไล่ตีด่าไม่ปรานีฯลฯ


	ลายสือสารสื่อรู้
สุนทรภู่ ท่านพาที
ไขขานมานานปี
ถึงสิ่งมีซึ่งสามัญ

	ดูในเมืองไทยนี้
พวกกาลียังโรมรัน
โมโหมืดโมหันธ์
เข้าครอบขัณฑ์ครามครันครอง

	สังคมแสนขมขื่น
ทั่วภพผืนภูตลำพอง
หมักหมมโสมมหมอง
ยังมูลมองเนืองนองมี

	รำร่อนรุมร้อนเร่า
ไล่ล่าเยาวนารี
อักโขกามโลกี
ในเมืองนี่เกินพรรณนา

	ผู้ชายออกลายชั่ว
จับกลุ่มมั่วแต่กามา
หื่นหรรษ์โหมตัญหา
สำเริงร่าในอารมณ์

	ผู้หญิงก็ยิ่งยั่ว
ให้ชายชั่วชื่นเชยชม
ครื้นครั่นเสียงลั่นขรม
เพลงความใคร่ขวักไขว่ครัน

	ไม่จำคำพระเจ้า
มั่วมึนเมาแลเมามัน
เชื่อไสยแทรกใส่สรรพ์
ครั้นไฟคุก็ จตุคามฯ

	ลางสงฆ์ไม่ทรงศีล
ล่วงป่ายปีนจนลามปาม
บัญญัติก็ขัด, หยาม
ด้วยยุ่มย่ามลาภยศโยง

	ขี้ฉ้อยิ่งล่อฉล
แปลกปลอมปล้นเรื่องเปิดโปง
ผีห่าบรรดาโหง
จุดเพลิงโพลงบันดาลภัย

	พาราสาวะถี
ใครไม่มีปรานีใคร
มองเทียบเมื่อเปรียบไทย
ก็ใกล้ใกล้ไม่แผกกัน

	หิวเงินจนเหินงาบ-
สินบนคาบเป็นสำคัญ
ทุกยามเย้ยหยามหยัน
แต่คนยากลำบากยล

	พูนผลพวกคนผิด
มีเงินติดก็รอดตน
หลากแห่งหลายแหล่งหน
มันโห่เห่มุ่งเฮฮา

	คนถูกเข็ญทุกข์ถม
ต้องตรอมตรมไร้เงินตรา
ตรวนขึงผูกตรึงขา
ตรึงแขนคา เต็มราคิน


	พาราสาวะถี
ทุกถิ่นที่ท่วมมลทิน
พัวพันยากผันผิน
พ้นปวงภัยโจรใจพาล

	รำพึงคิดถึงภาพ
ในคำกาพย์บรรจงกานท์
อักษรสุนทรสาร
สุนทรภู่ พ่อครูเพียร

	กราบครู คำกาพย์ครู
สั่งศิษย์รู้ สอนศิษย์เรียน
ถ้อยคำท่านร่ำเขียน
คือคำเธียรคงคู่ไทย


(๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐)

	
หมายเหตุ
กาพย์พระชัยสุริยา ของ ท่านสุนทรภู่ คัดข้อมูลจาก
http://www.beourfriend.org/nat/rt/?p=320
ครับผม				
21 มิถุนายน 2550 16:48 น.

ไหว้องค์จตุคามรามเทพ

ตราชู

ไหว้องค์จตุคามรามเทพ
(แรงบันดาลใจจากบทกวี ไหว้ โดย ท่านคมทวน คันธนู ในหนังสือ กำสรวลโกสินทร์ ครับผม)

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙

				
	โอม...องค์พ่อจตุคามอร่ามอมรคุณ
ลือศักดิ์ประจักษ์สุนทร์
สุภณ

	ดำเกิงเกียรติระบือกระพือสุรยุบล
มากมายละม้ายมนต์
มหันต์

	จำรัสเรืองกระจะจ้ารุจามหศจรรย์
เวียนว่ายมิวายวัน
ทวี

	ใครคิดหาธนะท้นก็ค้นกลวิธี
สร้างเหรียญระเมียรมี
มิเพลา

	หลายรุ่นเหรียญน่ะทะลักมิพักยุติ, ทุเลา
ขายค้ามุสาเขา
ฤขาม

	คนพลอยคลั่งกระอุไข้อะไรก็จตุคาม-
องค์รามเทพราม
จรูญ

	อัญเชิญองค์จตุคามวิรามธอนุกูล
กลับสู่พิมานพูน
ประภา

	โปรดผ่อนอิทธิผชุมละลุมจิตประชา
เพื่อไสยศาสตร์ซา
สลาย

	อย่าลวงล่อนรหลงพะวงสติละลาย
มัวโมหะเมามาย
กมล

	โปรดหยิบยื่นชุติญาณประทานมนุชยล
สัมพุทธ์พิสุทธิ์ผล
พระธรรม

	ก่อสัมมาทิฐิเกิดประเสริฐกุศลกรรม
จำหลักประจักษ์จำ
จิรัง

(๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐)				
16 มิถุนายน 2550 13:03 น.

เดรัจฉาน

ตราชู

เดรัจฉาน
โคลงจิตรลีลา

	ภูมิถิ่นนี้...............นามไทย
แดนอาศัย...............สุขเอื้อ
รัฐเรืองไร...............อิสระ
ล้วนชาติเชื้อ...............เหล่าชน

	ดลโสตถิ์ด้วย...............บุญผดุง
รมย์รื่นปรุง...............ปราศร้อน
ชนอำรุง...............รักษ์สงบ
เปรมแปล้ป้อน...............เปี่ยมหทัย

	ใครด่าพื้น...............แผ่นดิน
อันอยู่, กิน...............ใหญ่กล้า
อันอวยสิน-...............ทรัพย์เอ่อ
มันนี้ช้า-...............ชั่วฉกรรจ์

	มันปลุกพ้อง-...............พวกพล
คิดปั่นกล...............ป่วน, กร้าว
สร้างสับสน...............แสนระส่ำ
จ้างต่างด้าว...............ด่าไทย

	มันใช้สิ่ง...............สามานย์
ส่อสันดาน...............ดิบสร้าง
เดรัจฉาน...............ชัดประจักษ์
เราต้องล้าง...............ไล่มัน

	สรรค์เสกให้...............หรรษา
เพื่อภารา...............รุ่งแผ้ว
ไพสิฐผา-...............สุขแผ่
สูญสิ้นแล้ว...............เหล่าอสูร	เลวอสูร

(๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐)

หมายเหตุ
ชื่อ โคลงจิตรลีลา นี้ ท่านคมทวน คันธนู เป็นผู้คิดขึ้น เพื่อยกย่อง โคลง ๕ พัฒนา  ซึ่ง ท่านจิตร ภูมิศักดิ์ รังสฤษฎิ์ไว้ครับผม				
13 มิถุนายน 2550 15:35 น.

อาชญา อายัด

ตราชู

อาชญา อายัด
	แต่ก่อนเมื่อตอนกาจ
ฉกฉวยชาติจนชินชา
มั่วชิดกับมิจฉา
ช่วงชิงใช้เฉไฉเชิง

	ลิ้นพลิ้วโลดลิ่วพลิก
สำรวลริกสำราญเริง
หลากหลามเลวลามเหลิง
สำทับเล่ห์สนเท่ห์ลวง

	วุ่นหลอนเวียนว่อนหลอก
แนบเนียนบอกน่าบำบวง
เบื้องหลังเบียดบังหลวง
ซุกซ่อนลับสินทรัพย์หลาย

	เผ่นอยู่เหนือผู้ยาก
ยิ่งมีมากยิ่งเมามาย
ลูกน้องสำนองนาย-
ลามกนี้มากมีนาม

	อาชญาต้องอายัด-
ทรัพย์อาสัตย์อันแสนทราม
ซ้ำซ้ำพวกส่ำสาม
โสมมสร้างไม่สร่างซา

	คุ้มชาติ เด็ดขาดชี้
เร่งเร็วรี่อย่าเลิกรา
ปล่อยนาน พวกด้าน, หนา
ย่อมหนุนเนื่องมาเนืองนอง

	แม้ม่าห์หวนมาใหม่
มันย่อมใคร่คืนครอบครอง
จู่เข้าเป็นเจ้าของ
สิ่งมีค่าหมดนาคร

(๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐)				
13 มิถุนายน 2550 08:23 น.

สิ้นแรงไฟ

ตราชู

สิ้นแรงไฟ
(ลีลาดำเนินกลอนเยี่ยงนี้ ผมเรียนรู้จากกวีหลายท่าน อาทิ ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ท่านคมทวน คันธนู ฯลฯ ครับผม)
	ยามฟ้ากราดฟาดเกรี้ยวฟื้นเรี่ยวโกรธ
พายุโหดโหมฮืออึงอื้อกระหึ่ม
มองทิศทางหมางทั่วมืดมัวทึม
จนเซื่องซึมซมเศร้าแรงเซา โซ

	แล้วเพลิงรุ่งพลุ่งอร่ามก็พลามเริ่ม
สาดส่องเติมเสริมแต่งส่งแสงโต้
กลางฝน, ลม ระดมหล้าอย่างพาโล
มีเตโชฉานช่วงเป็นดวงโชน

	ไม่มอดเชื้อเมื่อโชติปราโมทย์ฉาย
ไม่หนีหน่าย เนืองอนันต์ นี่ นั่น โน่น
ไม่บ่ายเอียงเบี่ยงเอนหรือเบนโอน
ไม่เงนโงน คงสง่ารุจางาม

	เปรียบหนุ่มสาวราวแสงไฟแรงส่อง
ใดขัดข้องมรรคาก็กล้าข้าม
ในคราวหล้ากาลีเร็วรี่ลาม
คือภาพวามผ่องสวรรค์พร่างวันวาน

	ฟ้าครึ้มหนักนักหนาเวลานี้
ท้องฟ้ามีมากหม่นมืดมนม่าน
เหมือนย้ำเน้นเย็นหนาวเยียบยาวนาน
ในดวงมานร่ำละเมอเมื่อเหม่อมอง

	ไหนล่ะไฟ, ไหนล่ะฟืนส่องฟื้นฟ้า
ขึ้นสาดท้าถ้วนถี่ทางที่ท่อง
ไหนแสงทาบฉาบวิถีฟ้าสีทอง
ให้ทางถ่องทาบทาท่ามฟ้าเทา

	หนุ่มสาวสันต์หรรษามุ่งหาทรัพย์
เหมือนล้มหลับหลากหลายมากมายเหล่า
สิ่งบ้าบอส่อบ้าปัญญาเบา
ทิ้งเรื่องเล่าลบล้างจนรางเลือน

	ลืมตำนานวานนั้นไม่หมั่นนึก
ด้วยลุ่มลึกหลงใหลครรไลเลื่อน
จึงพายุทุรยุคก็รุกเยือน
เมื่อฟ้าเฟือนฝ้าแฝง....สิ้นแรงไฟ





(๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๐)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตราชู