28 ธันวาคม 2550 08:21 น.
ตราชู
แด่ ปากีสถาน
อหิงสา อหิงสา วาจาสิทธิ์
ก็หมดฤทธิ์เหนี่ยวรั้งกำลังรุ่ม
ม่านคลุ้มคลั่งยังคลี่กาลีคลุม
คนยังรุมเร่าร้อน....ยังรอญราญ
ระเบิดชัดถนัดชี้ว่าพลีชีพ
ดับประทีป ดับวิถี ปากีสถาน
อาสัตย์บ้าร่าระบำร่ายรำบาญ
ยิ่งฮึกร่านหาญโรมยิ่งโหมแรง
ที่มืดมนหม่นหมางไม่จางหมอง
ใดฤาส่องแสงซ่านบรรสานแสง
ยามปีศาจกาจกระสันแทรกซั้นแซง
ทั้งซ่อนแสร้งสรรค์เสให้เซซวน
จึงร้ายโจมโรมจู่มิรู้จบ
จึงร่างทบท่าวทับเกินนับถ้วน
จึงอาธรรม์นั้นอธึกเมื่อนึกทวน
จึงชนมวลทั้งเมืองเป็นเครื่องมือ!
ซับซ้อนขุม, กลุ่ม, ค่าย, ฝักฝ่าย, คั่ว
ซึ่งสุมหัวหันเหียนกระเหี้ยนกระหือ
แผดเผาพูนกูณฑ์ภัยเกรียงไกรกระพือ
ยังฮึกฮือโห่เห่กันเฮฮา
อหิงสา อหิงสา วาจาสิทธิ์
ขอจงคิดหยุดเค้นหยุดเข่นฆ่า
เพื่อเข้มแข็งแข่งขันสร้างมรรคา
สร้างศรัทธาศานติธรรมหนุนนำเทอญ
แด่ มรณกรรมของ นางเบนาซีร์บุตโต และเหตุโกลาหลทั้งหลายทั้งปวงในประเทศปากีสถาน ครับผม
๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
21 ธันวาคม 2550 15:54 น.
ตราชู
ตราบยุคพระศรีอารย์
อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
วาดหวังประดังไว้
มหิไทยบุรินทร์ทอง
พลอยพาประดาผอง-
ชนเพิ่มเฉลิมพร
มากมายมลายหม่น
มนะท้นคุณาทร
ใฝ่หาอุทาหรณ์
หฤหรรษสันติ์เห็น
อาสัตย์ขจัดสูญ
บุญพูนผลิผลเพ็ญ
ยั่งยืนระรื่นเย็น
วิญญาณสราญยัง
เลิศล้นกุศลหลัก
ทะนุรักษจีรัง
ขาดขุ่นคุกรุ่นขัง
กุธคลาด วิวาทคลาย
หวังพลันผิว์วันพรุ่ง
จะปะรุ้งประชวมราย
เมิลมรรคตระสักหมาย
มหิมาประชามวล
ช่วงชัดจรัสชาติ
มุหะกาจฤก่อกวน
เสียงแซ่กระแสสรวล
บมิสิ้นชิวินทรีย์
อีทิสังฉันท์ ๒๐
รอเถอะรอนภารุจารพี
เกษมสมัยน่ะไทยมิมี
เมลืองมา
รอเถอะรอสุพรรณสวรรค์ทิพา
ประจวบชิวาตม์วินาศชิวา
วิบัติลง
ไทยก็ยังละม้ายอบายอุมงค์
พะวักพะวนทุรน ณ วง
วิบากกรรม
ยังพิเรนทร์พิกลกมลระกำ
เทวษกลีทวีกระลำ
กระลูนภัย
ตราบลุยุคสุธรรม์ตะวันอุทัย
ก็คือวิเศษวเรศวิสัย
พระศรีอารย์
นั่นแหละจึงถะเกินเจริญตระการ
วะวาววะวามสยามชวาล
ลออวรรณ
นั่นแหละจึงคณาประชาอนันต์
ประสบอุดมภิรมย์นิรันดร์
วิรุฬห์ไทย
(๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)
ข้อความทิ้งท้าย
ผมเชื่อว่า ถ้าการเมืองบ้านเรายังเป็นอย่างนี้ กว่าความหวังแบบอุดมคติจะเป็นจริง ก็คงอีกนานแสนนานเหลือเกินครับ แหละนี่ คืองานเขียนอีกชิ้นหนึ่ง ที่สะท้อนมาจากความหดหู่ของผมโดยแท้จริงครับผม
17 ธันวาคม 2550 11:46 น.
ตราชู
ชักยนต์
ค่ำเช้าฟังเขาชี้
ย่อมได้ดีอย่าดื้อดึง
อย่าแข่งอย่าแข็งขึง
อย่าคัดค้านทุกย่านคาม
ขานซ้ำคล้ายคำสั่ง
ให้เลือกตั้งต้องเลือกตาม
เลิกถ่วงเลิกล่วงถาม
ถึงร้ายทับต้องรับ, ทน
ผองชน พวกฉลใช้
เชิดชักใหญ่เยี่ยงชักยนต์
หมายชวนเชิญมวลชน
ด้วยถ้อยชัดที่ฉาดฉาน
เชื่อเราผู้เชาวน์โรจน์
เฉิดฉันโชติช่ำชองชาญ
มุ่งสรรค์มาดมั่นสาน-
สิ่งรุ่งสวยสำรวยทรง
แท้มรรคท่วมหมักหมม
คือทางหล่มที่เลวลง
วูบหล่นเวียนวนหลง
นรกลนล้ำล้นเลว
ทิ้งค้างบนทางแคบ
ทั้งปลาบแปลบด้วยเพลิงเปลว
แลห้อมแวดล้อมเหว
อัคคีฮึกคึ่กคึ่กฮือ
โอ้หล้าอ่อนล้าตลอด
เห็นหนรอดฉิบหายฤา?
ริบหรี่เช่นนี้หรือ
จักกลับเรื้องรุ่งเรืองไร
ชนกลาดในชาติกล่น
ถูกชักยนต์เชื่อมโยงใย
ปางนี้หรือปีไหน
ยุคน้ำเน่ายังเนานาน
(๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)
ข้อความฝากทิ้งท้าย
ผมเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนเป็นเพียงหุ่นเชิดให้กับคนหลายกลุ่ม ซึ่งต่างก็วางแผนล้ำลึกเกินหยั่งถึงไว้ล่วงหน้าด้วยกันทั้งนั้น ครับผม
หมายเหตุ
กาพย์ยานีลีลานี้ เป็นลีลาใหม่ ซึ่งท่านนายผีเริ่มต้นใช้ในงานนิพนธ์ของท่าน สืบทอดมายังกวีท่านอื่นๆอีกมากมาย ผมอาศัยศึกษาเรียนรู้จากงานกวีของท่านเหล่านั้นครับผม
14 ธันวาคม 2550 10:20 น.
ตราชู
แด่ คมช. ศรีธนญชัย
เรายังหมั่นมั่นจำในคำสัตย์
มิขืนขัดค้านคำเคยร่ำไข
ว่าจะฟื้นคืนประชาธิปไตย
(แต่เต็มใบหรือเปล่านั้น.....ไม่สัญญา)
หลังเวลาวาระรัฐประหาร
จะจัดการเลือกตั้งวันข้างหน้า
ภายหลังวันลั่นปากเปรยฝากมา
ปีกว่ากว่าก็เลือกตั้งได้ดังจินตน์
(แต่สะอาดหรือไม่....เราไม่รู้
ด้วยมิอยู่ในสัตย์ ยากตัดสิน
เพียงแค่นี้ปีกว่าก็ชาชิน
เรื่องแผ่นดินรอให้ชุดใหม่ทำ)
เราร้องป่าวกล่าวกู่ว่าหมู่ทหาร
จะไม่สานอำนาจเกรี้ยวกราดกระหน่ำ
(แต่ทหารทั้งนั้นไม่ลั่นคำ
ว่ากลับลำเลิกงานเล่นการเมือง
ถ้าหากเขาเข้ารักกับพรรคไหน
โปรดจำไว้เราทุกผู้ไม่รู้เรื่อง
ภายหลังมาถ้าวุ่นถึงขุ่นเคือง
เราไม่เปลืองเวลาเข้ามาวิจารณ์)
เราทำตามความจริงใช่อิงอ้าง
ไม่ติดค้างข้องคาเคยว่าขาน
(ส่วนปีหน้าฟ้าใหม่อีกไม่นาน
นั่นพ้นผ่านพันธะภาระเรา)
12 ธันวาคม 2550 10:54 น.
ตราชู
โคลงกระทู้เมืองไทย
โคลงดั้นบาทกุญชร กระทู้โบราณ
ทะ มึนเมฆม่านม้วน...............มัวมน
ลุ่ม ลึกกลยุทธ์ลวง...............หลอกให้
ปุ่ม ปมติดตมปน...............เต็มเปี่ยม
ปู ธนบัตรทิ้งไว้...............หว่านวิถี
ทุ รชนเชิงเยี่ยมยิ้ม...............ยรรยง
สุ นัขสมุนมวลมี...............สมัครส้อง
มุ ทะลุโลดเริงหลง...............เถลิงอาสน์
ดุ ด่าใครแม้ข้อง...............ขัดใจ
อุ ดมอำนาจนั้น...............เนานาน
สา หัสประชาธิปไตย...............ต่ำต้อย
นา ครซึ่งไพศาล...............แสนผาก
รี จักษุร้ายพร้อย...............พร่างพราย
โก ลาหลมากแล้................หลายครา
วา ณิชกิจการขยาย................ขยิ่มโก้
ปา ริสุทธิ์สิ่งสรรพ์ซา-................โทรมเสื่อม
เปิด ม่านพวกกล้าโม้................เกลื่อนเมือง
จก ฝันอันเลื่อมรุ้ง................นิราศหวัง
จี้ จ่อเพลิงโพลงเรือง...............โรจน์จ้า
รี้ พลเผ่าทหารยัง...............ยืนหยัด
ไร เล่าอาจกู้ฟ้า................ก่อฝัน
(ร่างเดิม ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ แก้ไข ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)
หมายเหตุ
กระทู้โบราณเยี่ยงนี้ ผมเรียนรู้จากโคลงของท่านศรีปราชญ์ และผลงานของกวีร่วมสมัยหลายท่าน มี ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์, ท่านศิวกานท์ ปทุมสูติ, ท่านไพวรินทร์ ขาวงาม เป็นอาทิ ครับผม