22 ธันวาคม 2549 15:32 น.
ตราชู
จดหมายท้ายปี
จวนสิ้นปีจอแล้วเพื่อนแก้วผอง
ฉันไม่มีมาลัยเหมือนใจปอง
จึงส่งกลอนสื่อกรองมากำนัล
ยังอยู่ดีมีสตางค์กันบ้างไหม
เดี๋ยวนี้ใครใครเขาเข้าแข่งขัน
คนตาดีได้ดีมีคนดัน
คนตาบอดบุกบั่นระบอมระบม
ตาน้อยเป็นหมอนวดมานานเนิ่น
ยังท้นเทินทุกข์ท่วมมารวมถม
รายได้ไม่พอจ่ายก็พ่ายจม
ต้องหน้าก้มกัดกรามทนกล้ำกลืน
ลุงดีเป็นหมอดูดูดวงแน่
แต่ดวงแกยังระกำเช้าค่ำขื่น
จะแก้เคราะห์สักเท่าไรมันไม่คืน
ทนหน้าชื่นอกช้ำระกำชะตา
หนูต้อยไปเป็นโอเปอร์เรเตอร์
อยู่กับเบอร์โทรศัพท์กับภาษา
ดูเหมือนเหมือนเครื่องจักรจำนรรจา
สนทนาซ้ำซ้ำสำนักงาน
น้าต้อมเล่นดนตรีไม่มีติด
เพลงไหนฮิตเล่นได้ดั่งใจท่าน
แต่บทเพลงชีวิตยังพิสดาร
ต่อนานนานสักทีถึงมีเงิน
ฝ่ายเจ้าหอยขายหวยว่าห่วยแตก
ไม่อาจแหวกช่องว่างอันห่างเหิน
รัฐฯ ทำยับทนอยู่อย่างยู่เยิน
เที่ยวไปเดินประท้วงเปล่าเนานานปี
ยายท้วมนั่งขอทานไม่คร้านถอย
สะพานลอยแหล่งทางสร้างวิถี
แกหวังหางานใหม่มันไม่มี
ก็ยังดีได้บ้างสตางค์เติม
เป็นเช่นนี้นี่แหละหนาคนตาบอด
หนทางรอดร่อแร่มาแต่เริ่ม
หวังแสงทองส่องทาถ่องจ้าเจิม
เรื่องเดิมเดิมไม่เห็นมีดีขึ้นเลย
เจียนปีใหม่แล้วเน้อเพื่อนเกลอผอง
จงผุดผ่องพรพาให้ผ่าเผย
ปองพ้นทุกข์สุขีกว่าที่เคย
เราต้องเงยหัวโงอย่าโซซุน
เรามีมือมีเท้าที่เข้าท้า
ถึงบอดตาแต่สำนึกผนึกหนุน
ด้วยมือเราเท้าเราที่เข้ารุน
จะสร้างคุณแก่สังคมตามสมควร
ขอปีใหม่ฟ้าใหม่จงใฝ่มั่น
มารวมแรงร่วมกันก่อสรรค์ส่วน
ส่วนแห่งเชื้อไฟชุดช่วยจุดชะนวน
ให้ทั่วถ้วนสุนทรีย์ทวีเทอญ
_________________________________________
21 ธันวาคม 2549 08:59 น.
ตราชู
ลมหนาวกับผ่าวเพลิง
ลมหนาวเหน็บหนำญ้ำหนาว
ไม้ลู่กรูกราวกิ่งก้าน
แม้ลมแรงล่องพ้องพาน
เพลิงกรานไม่ผ่อนร้อนรน
โรงเรียนของเราน่าอยู่
เพลิงจู่โจมพล่านผลาญป่น
คุณครูใจดีทุกคน
ต้องลี้หนีพ้นภัยเพลิง
ใครเผา ใครเผา ใครเผา
ร้ายรุมรุกเร้าเริงเหลิง
โอ้! พวกอาธรรม์บันเทิง
หยันหยาม ยุ่งเหยิง ย่ำยี
สงสารเด็กเอ๋ยเด็กน้อย
ผู้ใหญ่ใจถ่อยเหลือที่
เด็กมั่นหมั่นเพียรเรียนดี
ร้างไร้ไม่มีที่เรียน
แค้นเคียดเกลียดใครไหนหรือ?
จึงหือห้ำหั่นให้เหี้ยน
หรือแค้นเด็กผู้รู้เพียร
จึงเผาให้เตียนตามตาม
ลมหนาวโหมนำย้ำหนาว
เพลิงห้าวฮึกฮือฤาห้าม
ยิ่งหนาวยิ่งร้ายรายลาม
ใดเล่าเพลาความแค้นเคือง???
(๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙)
19 ธันวาคม 2549 13:18 น.
ตราชู
มุกดาหาร สวรรณเขต
โคลง ๔ สุภาพ
แม่เอยแม่เอ่อริ้ว รินไป
ลำแม่โขงคลาไหล หล่อเลี้ยง
มนต์ขลังหลั่งชลาศัย ชโลมสุข
สินธุ์ก่องกลมณีเกลี้ยง กลอกแก้วผกายแสง
แรงโขงคงเจิ่งน้ำ ใจนอง
นองถิ่นดินแดนทอง ทั่วท้น
ไทยลาวเหล่าชนผอง ผาย แผ่
พูนเพิ่มมิตรภาพล้น แหล่งพื้นภูมิสอง
ผ่องใสไพสิฐแผ้ว สรรค์สะพาน
หนแห่งมุกดาหาร มุ่งให้
จรรโลงเลิศเวียงขาน สวรรณเขต
จำหลักลักษณ์โลมไล้ อย่าแล้งละลายสูญ
โขงคูณคงคู่ค้ำ นาคร
คูณค่าคูณภราดร ดิเรกด้าว
คูณใจคู่ใจนุสรณ์ นำโสตถิ์
คูณเกียรติคูณกิจอะคร้าว ครั่นครื้นคำขาน
วิชชุมมาลาฉันท์ ๘
มุ่งเรืองเมืองรุ่ง อำรุงอวยฤกษ์
เสียงอื้อสื่อเอิก จิตเบิกใจบาน
ร่มเยือนเรือนเหย้า ยืนเนายืนนาน
ชูเชิดเฉิดฉาน เรืองฉายรายชนม์
ดียังดังญาติ สองชาติสองเชื้อ
มีหลากมากเหลือ เด่นเกื้อดำกล
บรรสมบ่มศรี เหมือนมีมิ่งมนต์
สองภพสบผล โสภิศสิทธิ์เพ็ญ
ยิ่งใหญ่ใญโยง ลำโขงหลั่งคล่าว
ถั่งไหลไทยลาว ยืนยาวอยู่เย็น
เคยทนข้นทุกข์ ล้างขุกลำเค็ญ
แหนหวงห่วงเห็น ฝันให้ใฝ่หา
ยังโขงโยงคู่ ฤารู้ร้างแร้น
เปรอดลปรนแดน คู่แคว้นคงคา
ชลร่ำฉ่ำแรง สำแดงศักดา
รุ่งศักดิ์ รักษา มาลัยไทยลาว
(๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
14 ธันวาคม 2549 16:17 น.
ตราชู
นขลิขิตเพลงชาตไทย
แผ่นดินทองของไทยครวญใคร่ถึง
เหมือนถูกขึงเคืองเข็ญคอยเข่นฆ่า
ยิ่งย่อย่นยลยินเยียบวิญญาณ์
อกรอนรอนอ่อนล้าเหลืออาลัย
เพลงชาติชวนหวนคะนึงรำพึงคิด
บัดนี้ผิดพลาดแพลงจนแผลงไพล่
ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย
(ที่หลงใหลทะเลาะลั่นกีดกั้นกวน)
แต่ละวาร แต่ละวันยิ่งหวั่นผวา
เป็นประชารัฐ ไผทของไทยทุกส่วน
อยู่ดำรงคงไว้ได้ทั้งมวล
ด้วยไทยล้วนหมายรักสามัคคี
(ก็ยามพ้องภัยพาลคอยผลาญพล่า
ต่างหันหน้าหากันไม่หันหนี
พอหมดภัยพาธาทุกข์ราวี
ก็ต่างตีต่างกล้าไม่รากัน)
ไทยนี้รักสงบ (ทั้งภพหรือ
เห็นยังหือเฮโลมืดโมหัน)
แต่ถึงรบไม่ขลาด (ฉกาจฉกรรจ์
การเมืองกลั่นรบกันเองไม่เกรงกลัว)
เอกราชจะมิให้ใครข่มขี่
(เห็นท่าทีทำไถลกันไปทั่ว
หลงเพ้อคลั่งฝรั่งเข้าเคลิ้มเมามัว
จนเนียนัวลืมถนัดวัฒนธรรม)
สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี
(น่ายังมีมากมายอีกหลายส่ำ
แต่....บ้างหลงงงเงินเสียเยินระยำ
ใจมันดำลืมแดนลืมแผ่นดิน)
เถลิงประเทศชาติไทย (ถ้าใจนึก
เลิกเหี้ยมฮึก หักห้ามโหดห่ามหิน)
ทวีมีชัยชโย (ยิ่งโสภิน
ถ้าไทยจินตน์ไทยประจักษ์จงรักษ์ไทย)
(๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙)
13 ธันวาคม 2549 08:53 น.
ตราชู
ห่างมนต์แห่งเหมันต์
กลอนกลบท กบเต้นกลางสระบัว
เหมันต์หันเมินเหมือนเหินเห
หันรวนหวนเรราวเร่หัน
งันเศร้าเหงาสร้อยเงียบหงอยงัน
แปลงเพี้ยนเปลี่ยนผันนับวันแปลง
พิษร้าวผ่าวร้อนไม่ผ่อนพิษ
แหนงจิตนิตย์จึงคำนึงแหนง
แคลงสุมคลุมซ้ำยิ่งย้ำแคลง
ใดกล่นดลแกล้งด้วยแรงใด
หรือชาติราษฎร์เฉาร้อนเร่าหรือ?
ไข้รมขมฤานี่คือไข้
ไฟยังฝังอยู่ฟูมฟูไฟ
ตรอมหมองตรองไหม้เมืองไทยตรอม
หมู่พรรคมักแผกคงแตกหมู่
หลอมยากหลากอยู่ไม่รู้หลอม
มอมเหลือเมื่อหล้ามายามอม
ทุกข์หลั่งถั่งหลอมทนยอมทุกข์
ขัดแย้งแข่งยังแค้นคลั่งขัด
สุขพลัดสัตย์แพลงจึงแล้งสุข
ยุคท้อย่อถดรันทดยุค
ทานขุกทุกข์ขื่นต้องขืนทาน
ร้างหวังรั้งไว้ดวงใจร้าง
ผ่านวันผันว่างเวิ้งว้างผ่าน
ซานหวนซวนเหเมืองเซซาน
เพลิงรุ่งพลุ่งร่านยังพล่านเพลิง
๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙