24 มิถุนายน 2553 11:22 น.
ตราชู
เป็นไรมีที่ตรงจะยงยุทธ์
การบุรุษรู้สิ้นทุกถิ่นฐาน
อันแยบยลกลศึกสี่ประการ
เป็นประธานที่ในกายของนายทัพ
ประการหนึ่งถึงจะโกรธพิโรธร้าย
หักให้หายเหือดไปเหมือนไฟดับ
ค่อยคิดอ่านการศึกให้ลึกลับ
แม้จะจับก็ให้มั่นคั้นให้ตาย
อนึ่งว่าข้าศึกยังฮึกฮัก
จะโหมหักเห็นไม่ได้ดังใจหมาย
สืบสังเกตเหตุผลกลอุบาย
ดูแยบคายคาดทั้งกำลังพล
อนึ่งให้รู้รบที่หลบไล่
ทหารไม่เคยศึกต้องฝึกฝน
ทั้งถ้อยคำสำหรับบังคับคน
อย่าเวียนวนวาจาเหมือนงาช้าง
ประการหนึ่งซึ่งจะชนะศึก
ต้องตรองตรึกยักย้ายให้หลายอย่าง
ดูท่วงทีกิริยาในท่าทาง
อย่าละวางไว้ใจแก่ไพรี
คือคำขานกานท์กลอน สุนทรภู่
ท่านพ่อครูใคร่ครวญครบถ้วนถี่
บันทึกไว้ใน พระอภัยมณี
จะต่อตีต้องจำเป็นตำรา
คนยากเย็นเข็ญรุมไข้รุ่มเร้า
ทุกข์รวมเข้าอักขูคือภูผา
ครั้นรุกรบทบทับถอยกลับมา
พวกหรูหราเริงร่านสำราญรวย
ช่างกรากกรำลำบากผู้ยากไร้
ถูกลวงใช้วังชา เรียกมาช่วย
โศกาแสนแกนนำไม่อำนวย
แตกแยกหน่วยเห็นฉะนั้น แย่งกันนำ
ประเมินผิดคิดพลั้งก็พังพลาด
เอาอาฆาตแค้นหนักเข้าหักกระหน่ำ
กลวิธีมีกระไรมิใฝ่จำ
เขาลึกล้ำเล่ห์กว่าจึงล่าลาญ
จงคะนึงซึ้งซึกเรื่องศึกสู้
เหลียวมองดูรอบคอบ ทั้งรอบด้าน
อย่าหุนหันหั่นห้ำเหิมรำบาญ
รู้ทะยาน รู้ยั้ง รู้หยั่งเชิง
มวลประชาสามัญควรหมั่นนึก
ว่าใครคึกขี่คอหัวร่อเหลิง
พึงฟันฟาดฉาดฉะจนกระเจิง
แต่ อย่าเพิ่งเชื่อใครพูดไพล่แพลง
ระลึกร่ำคำกลอน สุนทรภู่
ท่านนำสู่แสงทองทาบถ่องแสง
ศึกชนชั้นนั้นเรื่องต้องเปลืองแรง
ยังขัดแย้งยุทธ์ขยายอีกหลายยก
น้อมบูชาคารวะวรรณตระสัก
กราบลายลักษณ์ดำริงามดิลก
ศิษย์ขอจำคำเขียนไม่เวียนวก
ยี่สิบหกมิถุนาวันทาครู
(๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๓)
หมายเหตุ:
คำกลอนในเครื่องหมายอัญประกาศจำนวน ๕ บท คัดจากวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี มหานิพนธ์ของ ท่านสุนทรภู่ ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน ครับผม
18 กันยายน 2552 09:03 น.
ตราชู
พร่ำไห้ภูพิหาร
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
สร้างโดยเหงื่อนรหลายละลายชลชโลม
ปราสาทวิลาสโสรม
สกาว
ก่อรูปเทวะประดนจะด้นพิภพดาว
ลอยเหินเจริญหาว
อะหา!
เห็นโรจน์รังสิอร่ามวิรามอธิธรา
เติมแต้มแฉล้มตา
ตระกล
ครั้นปันแดนตะละด้านก็ดาลอคติดล
หวงแหน ณ แดนหน
มิหาย
เขตนี้เขตคณะตูผิว์ตู่จะวธตาย
รบ รบ ลุศพราย
ระเรียง
ปลุกรรรดมกุธด่าประดาวจะประเดียง
ซัดสาดตวาดเสียง
สะเทือน
แม้หมู่มวลมรุเติมเฉลิมสุสติเตือน
ฉวยฉุดฤหยุดเฉือน
ฉกรรจ์
เอาเทอญโถมพละทอยเพราะถ่อยประทุษทัณฑ์
เลือดเมาหะเมามัน
เลอะมือ
ปราสาทเขาพระพิหารซิ่หาญประยุทธ์ฮือ
ไฟเวียนเฉวียนหวือ
คุวน
เอาเทอญสูสรเร้าระเร่าพยุหรณ
เพื่อชาติ พินาศชนม์
ก็เชิญ
(๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๒)
31 กรกฎาคม 2552 08:35 น.
ตราชู
ฟ้าต่ำเพราะคำคน
อีทิสังฉันท์ ๒๐
เพลินภิรมย์ประไพอุไรวิภา
ประจักษเห็นเขม้นวิหา
มโหฬาร
สูงมิอาจประเมินและเกินประมาณ
รุจีสถิตรจิตสถาน
เถกิงเทียรฆ์
ใครตริดึงนภาผิว่าจะเพียร
โพยมก็ทัศน์จรัสเสถียร
ถกลชม
ฟ้ามิเคยจะต่ำระกำฤตรม
อะไรถะถั่งประดังเปรอะถม
มิมลทิน
คนซิ่คนระบือกระพือระบิล
กระวนกระวายกระหายถวิล
วิวาทกัน
เดือดประเดประดังคุคลั่งดุดัน
ประเดี๋ยวสิวกนรกสวรรค์
วะวุ่นวาย
เหวย นภางค์จะล่มถล่มทลาย
เพราะมึงแน่ะมันกระสัน กระหาย
คระโหมดึง
คนมิน้อยก็หลงพะวงตะลึง
มนัสเขม็งแหละเคร่งขมึง
คระเมิมภัย
ลองพินิจพิจารณา ณ ใจ
ละออละเมียดละเอียดละไม
มลายหมาง
ฟ้าน่ะสูงสะอาดวิลาสสะอาง
ผิว์ฟ้าจะคล้ำจะต่ำระคาง
เพราะคำคน
(๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๒)
หมายเหตุ
ปัจจุบัน ประเด็นถกเถียงเรื่องใครดึงฟ้าต่ำหรือไม่กลับมาร้อนแรงอีกครั้งแล้วครับ ผมจึงขออนุญาตเสนอความเห็นส่วนตัวบางประการต่อท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน หากทัศนะดังกล่าวมิถูกต้อง หรือก่อความขุ่นเคืองแก่ท่าน โปรดรับการกราบขอขมาจากผม ณ ที่นี้ด้วยเถิดครับผม
30 มิถุนายน 2552 07:20 น.
ตราชู
กึ่งศก
ครุ่นหวาม ครั่นคร้ามหวั่น
เมื่อวันวันหมุนเวียนไว
สิ่งเลวซึ่งเหลวไหล
ไม่ลบเลือน ไม่เลื่อนลา
สังเกตการณ์เศรษฐกิจ
ขุกเข็ญคิดขัดข้องคา
เทียวหมุนกู้ทุนมา
หนุนหนี้ใหม่นอกในหมอง
ภาพรวมพรรคร่วมรัฐฯ
ต่างจ้องกัดกันก่ายกอง
เมามายมาดหมายมอง
ปองปราโมทย์ประโยชน์มี
ไฟใต้ยังไฟติด
พร่าชีวิตผลาญชีวี
ซ้ำพบซากศพผี
เปี่ยมโศกพูนไป่สูญพาล
เสื้อแดงสาดแสงเดือด
ก็เงื้อเงือดง่วนกับงาน-
เรียกคนร้อนรนขาน
แค้นเหลือค้าง...ขอล้างคืน
กึ่งศกยังกกเศร้า
ทรวงเหมือนเป้าซ้อมแม่นปืน
ขื่นขมถูกข่มขืน
สุดไสขับสิ่งคับขัน
กรมซึ้งแล้วกึ่งศก
มันต่ำตก เมืองตีบตัน
เวิ้งว้าง โหวงว่างวัน
เกิดวับหวำ...โอ้กรรมเวร!
(๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒)
22 มิถุนายน 2552 07:45 น.
ตราชู
คารวาลัย น้อมไหว้ครู
(ผมเขียนงานชิ้นนี้ โดยได้แรงบันดาลใจจากบทกวี กรับไม้ลา ของ ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ในหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ คอลัมน์ ข้างคลองคันนายาว ฉบับวันอาทิตย์ที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ครับผม)
ร่ำร้อยกรองร้องกล่าว เกรียวกราวกรับ
ได้ซึมซับซาบซ่านประสานประสม
สร้อยเสภาอ่าพรายระบายพรม
ยังห้อมห่มหอมใจอยู่ไม่จาง
ใครจักแจ้งแจรงรู้อย่าง ครูแจ้ง
ผู้แจกแจงศิลป์เจิดประเสริฐกระจ่าง
ใครจักวางทางปูปานครูวาง
คิดถึงปางพ่อครูเคยอยู่ประจำ
ขยับกรับศัพท์ซาลีลากลับ
เลือนกังวานขานรับเคยขับร่ำ
ชลนัยน์ไหลล้นราวฝนพรำ
หัวอกคร่ำครวญคราไห้หาครู
ทุกวันนี้มีแต่เพลงละเลงพล่าม
มันดิบห่ามใจหายระคายหู
แข่งขันโจษโฆษณากันน่าดู
มันพร่ำพรูกลบเสน่ห์เพลงเสภา
พ่อครูขวัญครรไลล่วงไปแล้ว
น้อมใจแผ้วพร้อมธูป เทียน บุปผา
กราบเคารพนบครูขานบูชา
ร่วมวันทา ท่านครูแจ้ง คล้ายสีทอง
(๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒)
หมายเหตุ:
ในวันที่ ท่านครูแจ้ง คล้ายสีทอง จากไปนั้น ผมยังไม่สร่างจากไข้หวัดเท่าใดนักครับ จึงมิได้ติดตามข่าวสาร มารู้เรื่องก็ต่อเมื่อวันศุกร์ที่แล้วนี่เอง ยังไม่เชื่อว่าเป็นความจริง คิดว่าครูท่านเพียงแต่ป่วย ต่อเมื่ออ่านบทกวี กรับไม้ลา ของ ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ซึ่งลงตีพิมพ์ในคอลัมน์ ข้างคลองคันนายาว หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ฉบับเมื่อวาน จึงแน่ใจ และรู้สึกใจหายอย่างยิ่งครับผม