8 ธันวาคม 2554 14:02 น.
ตราชู
ถึงนักฝันในวันนี้
๑.
กาลครั้งหนึ่งซึ่งมินาน ณ กาลนั้น
มีนักฝันฟันฝ่าแกร่งกล้าฝืน
ต้านลำเค็ญเข็ญคั่นท่ามวันคืน
อันขมขื่นราคี ธานีคาว
เขาวาดฝันวันใฝ่ หวังให้ฟ้า
หมดเมฆาคั่งค้าง นภางค์ขาว
ยลเกลื่อนดาษกลาดดาผู้คว้าดาว
อยู่ยังด้าวแดนดงยรรยงดอย
ชูธงแดง แรงดันบุกดั้นด้น
แสนอดทนเพื่อไทย สู้ไม่ถอย
เคลื่อนพลถั่งดั่งนทีไหลรี่ทอย
มีพรรคฯ คอยบังคับกำกับคุม
แล้ววันหนึ่งซึ่งมินาน ร้าวรานหนอ
เขาถูกล่อลวงหลงให้ลงหลุม
พร้อมเรื่องราวข่าวร้ายมากมายรุม
ถ้วนทุกมุมทุกหมู่ ถอยสู่เมือง
๒.
กาลครั้งนี้ที่มินาน คล้ายกาลนั้น
มีนักฝันนักใฝ่จุดไฟเฟื่อง
มีสาวหนุ่มกลุ่มนั้นนี่นั่นเนือง
มีความเคืองค้างคา แค้นราคิน
จึงสีแดงแรงดีสดสีดาษ
หวังโอภาสสารพันมิผันผิน
ทมิฬมารผ่านมาจะท้าทมิฬ
สร้างบุรินโรจน์เรื้องรุ่งเรืองไร
โปรดพินิจคิดนึกตรองตรึกหน่อย
ใช่เหลิงลอยลิบลับจนหลับใหล
เกรงแกนนำคำนึงลึกซึ้งนัย
เขาลวงใช้ชักชวนหมู่มวลชน
แท้พวกเขาเผ่าคดคอยกดค้ำ
โหดระห่ำโหงห่าโกลาหล
เธอยับบุบยุบบู้ เขาอยู่บน
ดีแต่ค้นแต่เข่นแต่เค้นคอ
ณ กาลนี้ที่มินาน คล้ายกาลนั้น
กลัวนักฝันนักใฝ่ต้องไฟฝ่อ
จะยุทธ์ร่ำย่ำรุด จงหยุดรอ
อย่าถูกล่อลวงหลอนเยี่ยงก่อนเลย
(ร่างเดิม ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ปรับปรุงแก้ไข ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ครับผม)
หมายเหตุ:
ลีลาดำเนินกลอนแบบซ้ำเสียงพยัญชนะในจังหวะตกกระทบนี้ ผมอาศัยศึกษาจากเพลง บัวไกลตา ซึ่งท่านขุนวิจิตรมาตรารจนาไว้ รวมถึงงานนิพนธ์ของกวีร่วมสมัยหลายท่าน มี ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ท่านอาจารย์คมทวน คันธนู เป็นอาทิ ครับผม
26 พฤศจิกายน 2554 18:52 น.
ตราชู
เดือดดิ้น
กลอน ๖ กลบทกบเต้นสามตอน
บรสาปบาปสั่งบังสันต์
ผกหันพันธุ์เฮี้ยนเพี้ยนโหง
คืบกิจคิดกฎคดโกง
โขเงี้ยวเขี้ยวโง้งโค้งงอ
ช่วยพาลชาญผิด ชิดผี
ไม่ลี้มีหลายหมายล่อ
ช่างขัด ชัดขู่ ชูคอ
รอบกายร้ายก่อรอกุม
เล่นยวนล้วนเย้เล่ห์ย้อน
ฟืนซ้อนฟ่อนใส่ ไฟสุม
แทตย์มีถี่มั่วทั่วมุม
ข้างถ่อยคอยทุ่มคุมแทน
ผลุนรั้นพลันแรงแผลงฤทธิ์
ขุ่นนิตย์คิดเนืองเคืองแน่น
ด่างคล้ำดำคลี่ ดีแคลน
โพยด้าวผ่าวแดนแผ่นดิน
หม่นข้องหมองค้างหมางคั่ง
เลวถั่งหลั่งทาหล้าถิ่น
ทุกข์นัวทั่วหน้าธานิน
ชอกด่ำช้ำดิ้น ฉินท์แด
(๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔)
หมายเหตุ
กลบท กบเต้นสามตอน มีปรากฏทั้งในวรรณคดีไทยเรื่อง สิริวิบูลย์กิตติ์ นิพนธ์โดย ท่านหลวงศรีปรีชา (เส้ง) แหละหนังสือประชุมจารึกวัดพระเชตุพน ผมอาศัยศึกษารูปแบบจากวรรณคดีอันกล่าวมาแล้ว รวมถึงเรียนรู้จากหนังสือกวีนิพนธ์ รอยทราย ของท่านอาจารย์วันเนาว์ ยูเด็น ครับผม
19 พฤศจิกายน 2554 12:42 น.
ตราชู
จำเริญ จำเริญ
รันทดหดหู่ดูไทย
ถมเลวเหลวไหล
ลุ่มหลงฤาสร่างร้างซา
น้ำยังถั่งไหล ไฟมา
เมามันตัณหา
ต่างเหิมเริ่มรุกปลุกรณ
หรือน้ำจุดเพลิงเหลิงผจญ
เลศผจีมีผล
หมางพูนมูนผู้หมู่พาล
พวกใครพวกไกรได้กาล
โก่นรักหักหาญ
ฮือโถมโหมทัณฑ์หั่นเถือ
สิ้นยุคสุขมื่นคืนเมือ
มืดคลุ้มคลุมเครือ
คลุมครอบรอบรายร้ายเกิน
รันทดอดสู ดูเทอญ
ด้อยธรรม จำเริญ
จำเริญแต่ทางจังไร!
(๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔)
หมายเหตุ:
ข่าวการนัดชุมนุมของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมือง ในขณะที่มหาอุทกภัยยังไม่สิ้น บ่งถึงลางหายนะอันใกล้เข้ามาในอนาคต คือแรงผลักดันให้ผมเขียนงานชิ้นนี้ขึ้น ครับผม
12 พฤศจิกายน 2554 18:23 น.
ตราชู
สัตว์สภา
กลอนกลบท ฉัตรสามชั้น
สัตว์หน้าเปื้อนเกลื่อนสภา เปื้อนหน้าสัตว์
เสียงส่ำซัดชัดคำซัดส่ำเสียง
เรียงรายนั่งพรั่งหลายนั่งรายเรียง
อึงถ้อยเถียงเยี่ยงถ่อยเถียงถ้อยอึง
โลดลอยเริงเหลิงพลอยเริงลอยโลด
ขึ้งเกลียดโกรธโคตรเสนียดโกรธเกลียดขึ้ง
รึงรุมพิษผิดสุมพิษรุมรึง
วนเวียนทึ้งทะลึ่งเพี้ยนทึ้งเวียนวน
ทุกข์คนปรี่มีล้นปรี่คนทุกข์
ข้นแค้นขุกกระอุกแน่นขุกแค้นข้น
ชลชุ่มโชกโศกสุมโชกชุ่มชล
มัวหมองหม่นทนครองหม่นหมองมัว
สัตว์ผองไยใคร่ผยอง ไยผองสัตว์
มั่วแว้งกัดขัดแย้งกัดแว้งมั่ว
ตัวพ้นผิดบิดยุบลผิดพ้นตัว
ฮาเฮชั่วโฉเกชั่วเฮฮา
เน้นแดกย้ำขย้ำแหลกย้ำแดกเน้น
พร่าผลาญเผ่นเล่นร่านเผ่นผลาญพร่า
พาพวกฉลปล้นสะดวกฉลพวกพา
มันฆ่ายากอยากจะบ้า ยากฆ่ามัน
(ร่างเดิม ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ แก้ไขครั้งล่าสุด ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ครับผม)
หมายเหตุ:
๑. กลบท ฉัตรสามชั้น มีปรากฏอยู่ทั้งในวรรณคดีไทยเรื่อง สิริวิบูลกิตติ์ นิพนธ์โดยท่านหลวงศรีปรีชา (เส้ง) และประชุมจารึกวัดพระเชตุพน น่าสังเกตตรงที่ รูปลักษณ์ของกลนี้ เหมือนกับกลอักษรชื่อ ม้าลำพอง (ดังที่กลบท ม้าเทียมรถ มีรูปแบบเหมือนกลอักษร เมขลาโยนแก้ว กระนั้น) ผมศึกษากลดังกล่าว จากหนังสือกวีนิพนธ์ รอยทราย ของท่านอาจารย์วันเนาว์ ยูเด็น แหละหนังสือกฎบนกลบท ของท่านอาจารย์คมทวน คันธนู ครับ
๒. ยินข่าวนักการเมืองทะเลาะกันในสภาขณะประชาชนส่วนมากเดือดร้อนแล้ว ผมทนไม่ไหวจริงๆ จึงขออนุญาตระบายสักนิดครับผม
3 พฤศจิกายน 2554 19:17 น.
ตราชู
สุดขืน
โคลงสี่สุภาพ กลบทอักษรสลับ
นองธารนานท่วมนี้ ทุกข์หนอ
อกขุ่นอุณห์เข็ญออ ข่าวอื้น
ถือรักถักรวงทอ เร็วเถิด
รักดาษ ราษฎร์แดรื้น ดับร้ายดาลรมย์
คนซมขมโศกข้อง แสนเคือง
มารกาก มากการเมือง ก่ำไหม้
นักบาปนาบบูรเนือง บุกหนัก
เชิงจัดชัดเจนใช้ จ่อเชื้อจงชัง
ไฟยัง ฝังยื่นเฟื้อย ใยแฝง
เหิมก่านหาญกำแหง เก่งห้าว
ถารุมทุ่มฤทธิ์แทง รุกถี่
รานภพ รบพาร้าว เพิ่มร้ายพูนรน
ภัยชลพลเชี่ยวผ้าย โชกภูว์
คนผิดคิดภัยขู แผกข้าง
ดีวาดดาษหวังดู หวังดับ
คงสรรพคับทรามค้าง สุดค้ำ สุดขืน
(ร่างเดิม ๒ ถึง ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ปรับปรุงแก้ไข ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ครับผม))
หมายเหตุ
๑. วิธีเล่นกลบทอักษรสลับกับโคลงสี่สุภาพนั้น ผมอาศัยศึกษาเรียนรู้จากทั้งวรรณคดีและงานกวีนิพนธ์ร่วมสมัย มีโคลงดั้นเรื่องปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส หนังสือโคลงชุด ชักม้าชมเมือง รจนาโดย ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ หนังสือกวีนิพนธ์ กฎบนกลบท ซึ่งท่านอาจารย์คมทวน คันธนู รังสรรค์ไว้ เป็นอาทิครับ
๒. ในท่ามกลางสภาวะมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ครั้งนี้ ผมได้รับรู้ถึงสภาพความจริงอันน่าปวดร้าวประการหนึ่ง คือมีกลเกมการต่อสู้ทางการเมืองแฝงอยู่ด้วย โดยทิ้งความทุกข์ลำเค็ญสาหัสไว้ให้ประชาชนแบกรับ จากแรงสะเทือนใจดังกล่าว จึงนำมาสู่งานเขียนชิ้นนี้ครับผม