11 กรกฎาคม 2549 10:30 น.

ถวายเทียน

ตราชู

ถวายเทียน
	บรรจงจุดเทียนแจ้งส่องแสงทั่ว
ขับความมืดขุ่นมัวที่ข้นหมอง
แล้วลงนั่งนิ่งตรึกลองนึกตรอง
พิจารณ์จ้องโดยใจเข้าใจจริง
	จึงเห็นตน เห็นตัวดีชั่วชัด
เห็นโศกซ้ำกรรมซัดกำสรวลสิง
เห็นคนไทยไร้ผู้ให้พักพิง
ข้าวของยิ่งยื้อแย่งแข่งราคา
	หมายพึ่งรัฐ รัฐเล่าก็เปล่าประโยชน์
คนจนโอดร้องโอยวายโวยผวา
ต้องสูญเสียทรัพย์สินไม่สิ้นซา
ทนซีดหน้าแสนนานทุกวารวัน
	ถวายเทียนพรรษาบูชาสงฆ์
เพื่อถอดปลงทุกข์ทิ้งทุกสิ่งสรรพ์
ขอบุญพร่ำอำไพชาติไทยพลัน
ให้พ้นอับคับขันครอบนาคร
	ขอแสงเทียนส่องปัญญาแก่นายกฯ
อย่าแลบลิ้นปลิ้นตลกละเลงหลอน
ให้เห็นผิดเห็นถูกในทุกตอน
เลิกตีต้อนประชาตกลงเตียนตาย
	พิรุณหลั่งถั่งมาพรรษาใหม่
ราคีไข้แค้นขัดกำจัดหาย
ขอแสงเทียน แสงธรรม เจิดกำจาย
เชิดชูฉายเฉิดฉินทั่วถิ่นเทอญ
(เขียนไว้ตั้งแต่ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘)				
9 กรกฎาคม 2549 11:04 น.

พระธรรมจักร

ตราชู

พระธรรมจักร
วสันตดิลกฉันท์ 14
		อาสาฬหวารพระชินสี-
หบดีเผด็จมาร
ทรงแจงแสดงวจน์ประทาน
บถธรรมสี่มี
		หนึ่งทุกข์สถิตบมิสบาย
มนกายแหละโศกี
ยงยุทธ์ประทุษฐ์ทุรกลี
กระอุผ่าวประเล่ห์เพลิง
		สองคือสมุททยะจะผ่อน
ฤดิร้อนระแรงเริง
รู้เหตุเทวษสิขิเถกิง
ก็เพราะตัญหะตัวนำ
		สามโสตถิ์นิโรธกษยทุก-
ขะกระอุกระกำกรรม
ความพ้นพยาธิพะกระทำ
ปิติแท้หทัยเปรม
		สี่มรรคประจักษ์ปรมอัฏฐ์
ปรมัตถ์มนุญเอม
แปดองค์ประสงค์สิริเกษม
สุขล้ำตลอดแล
		ธรรมจักรเจริญรุจิรวัฒ-
นพิพัฒน์ผดุงแด
ราวโรจน์ประโชติรชนิแข
ขณะเพ็ญโพยมยล
		โอวาทนุศาสน์พระชินวร
ประลุพรพิบูลย์ดล
จงเทิดพระธรรมถิรถกล
ฐิตะมั่นนิรันดร์เทอญ
		(เขียนปี พ.ศ. 2546)				
6 กรกฎาคม 2549 11:42 น.

ไม่มีสัจจะในคณะรัฐบาล

ตราชู

เพื่อนๆทุกท่านครับ งานชิ้นนี้ ผมเขียนไว้ก่อนบท เฉททรชน โดยแต่แรก คิดจะแต่งฉันท์เล่น เนื่องจากวันนั้นเป็นวันหยุด และผมยังไม่ง่วงนอนพอเริ่มเขียน เรื่องการเมืองก็แวบเข้ามา ทำอย่างไรได้เล่าครับ ผมชอบเอามือไปซุกตรวนอยู่แล้ว ก็เล่นจนจบเพลงเลย แต่งสัททุลวิกกีฬิตฉันท์ไว้ก่อน แล้วจึงแต่งภุชงคประยาตฉันท์ทีหลัง แต่ในการร้อยสัมผัสนั้น ผมขอนำภุชงคประยาตฉันท์ขึ้นก่อนนะครับ ทั้งนี้ อาศัยการเรียนจากตำราชื่อ กฎบนกลบท ของท่านมหากวี คมทวน คันธนู ซึ่งผมเชิดชูบูชาท่านเสมอมา ทั้งในด้านลีลา และปณิธานอันมั่นคง คือ กล้าชน กับความอยุติธรรมทั้งมวลครับ

ไม่มีสัจจะในคณะรัฐบาล

ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒

สลดมัวสลัวม่าน...........................โพยมพานพยับพูน
จรัสศรีสุรีย์สูญ..............................สยอนโศกวิโยคซวน
คระไลหมองคระลองหมาง...........อะดักครางอดูรครวญ
ถวิลหาทิวาหวน.............................ณ คราวหรรษะครันเห็น
สมัยนี้มิมีหนอ..............................กุศลพอกสานติ์เพ็ญ
กิเลศค้ำก็ลำเค็ญ.............................อธรรม์ฮึกอธึกหาญ
ขย้ำโกงโขยงกาจ...........................อุราราษฎร์อุราราน
เพราะรัฐฯ โซมระโรมซาน...........กระทุ่มแทรกกระแทกแซง
ละวารผัน, ละวันผิน......................ตะบิดปลิ้นตะแบงแปลง
กระเสพฝันกระสันแฝง.................จะลือเฟื่องจะเลื่องฟู
นราทนทุรนทาส............................ประดังดาษประเดดู
ปิศาจพล่านพิศาลผลู.....................ทวีปเขตเทวษเคือง
มโนขัดมนัสข้อง..........................ธุมางค์หมองทะมึนเมือง
นิพัทธ์หล้านภาเหลือง..................กระอ่วนคลั่ก ณ อัคคี

สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
	
ใครฤาคือคณะสรรค์สนั่นเสนาะสุภี
ศรีไพเราะวาที.................................วิถาร
หว่านทั่วภูมิประเทศธเรศ ณ พสุธาร
สารถ้วนประมวลขาน.....................คะนึง
ขึงนำบ่วงกลิแล้ผิว์แลยลสะพรึง
ซึ่งพรานระรานถึง.........................ไผท
ภัยทาบทั่วมหิภูวดูพิพิธภัย
ไทยผองก็หมองใจ..........................วิจล
วนจิตวนอุระผ่าวระร้าวเพราะทุรพล
รนแผ่พะแดลน...............................หละหนอ
ล่อหน่วงลวงกลเผยเฉลยมธุระพอ
รอเพื่อจะเชื่อรอ..............................ระราน
ร่านร้ายคราวชนเชื่อก็ใช้พลวชาญ
หวานชิมกระหยิ่มหวาน.................ชิวี
ชีวิตอื่นน่ะระทมระงมภยทวี
ที่หวังมลังมี.....................................มลาย
หมายแลแลวิถิเลี่ยนประเล่ห์ชิวะกระจาย
กลายจมระดมหลาย........................ระลวง
ร่วงลงเมื่อวจิพูดพิสูจน์ทุผลพวง
ลวงเพื่อจะเถือทรวง.......................ซะหนำ
ซ้ำหน่วงโศกวิปโยคระโยงเคราะหระยำ
ร่ำยามปะทรามกรรม......................ก็ทน
กลถ่อยพวกรฐบาลก็บานสถิตบน
ตนเบ่งเขม็งผล................................สุภา
ซ่าพิษซ่านกระอุสุมระรุมมนมิซา
มาสิ้นก็ชินชา..................................และเฉย
เลยฉลลิ้นตะละคำกระทำวิกลเคย
เลยไขไถลเลย...............................จะลวง
จ้วงเล่นเป็นซะฉะนี้แหละนี่หละพหุปวง
ห่วงปากกะท้องตวง........................ณ ตัว
นัวติดในบุระหล้านภาพิภพมัว
พัวม่านมหันต์พัว..........................เพราะมัน

________________________________________________				
5 กรกฎาคม 2549 13:55 น.

ยิ่งหลงตวง ลวงตน ยิ่งหล่นเตียน

ตราชู

ยิ่งหลงตวง ลวงตน ยิ่งหล่นเตียน
	โอ้รายทุกข์รุกท่วมเอ่อร่วมท้น
จิตจำนนจนนำใจจำหนาว
โลกเหน็บย้ำหนำเยิ่นแลเนิ่นยาว
ทุกครั้งร้าวคราวราทุกคราโรย
	ยามยศสิ้นยินทรามเหยียดหยามซ้ำ
หื่นคร่าห้ำคร่ำหวนเคร่าครวญโหย
คอยฆ่าเบียดเคียดเบียนคอยเฆี่ยนโบย
แพ้พ่ายโดยโพยได้เพียบภัยแด
	เดิมสูงสรรพทรัพย์สินดั่งสิ้นเศร้า
ถ้วนเพื่อนเหล่าเผ่าหลายทุกภายแหล่
มาดเขื่องหล้าค่าล้นมากคนแล
ดูงามแท้แง่เทินด้วยเงินทอง
	แช่มชื่นเลิศเฉิดล้ำชั่งฉ่ำล้น
เที่ยวข้ามพ้นคนผู้เทียบคู่ผอง
ยิ่งใหญ่จริงหยิ่งจังอยู่ยั้งจอง
เห็นทรัพย์มองส่องมาหรรษามาน
	อยู่สูงดอยสอยดาวยืนสาวได้
ส่องแสงชัยใสช่วงเทริดทรวงฉาน
ยื่นหยิบเดือนเยือนเด่นแย้มเย็นดาล
สุขสำราญศานติ์ร่ำศรีสำเริง
	พอพ้องฟ้าผ่าฝันผกผันฟาด
ก็เคลื่อนลาดคลาดลอยเลิกคล้อยเหลิง
ฉินท์ชีพปาณฉานป่นเฉกชนม์เปิง
ราวแรงเพลิงเริงพลุ่งโรจน์รุ่งพลัน
	สูญสุขภาพสาปภินท์สูญสิ้นเพื่อน
กลับกลายเยือนเกลื่อนยลกลุ้มกล่นหยัน
ยิ่งดิ่งย้ำด่ำแย่ย่อมแดยัน
ยิ่งโศกบั่นศัลย์บ่มสั่งสมเบียน
	โลกทุกข์ล้นท้นหลายทักทายล้วน
มีผิดหวนผวนหันมากผันเหียน
ยิ่งหลงตวงลวงตนยิ่งหล่นเตียน
มัวผันเวียนเพี้ยนวน ไม่พ้นวาย
(๕ ก.ค. ๒๕๔๙)
__________________________________				
4 กรกฎาคม 2549 13:14 น.

เฉททรชน

ตราชู

เพื่อนๆทุกท่านครับ         ขอให้ตราชูเล่นบทโกรธสักหน่อยเถอดครับ ทนไม่ไหวจริงๆ งานเขียนชิ้นนี้ เกิดขึ้นจาก รักสาการ นายกฯ นามว่า ทักษิณ ชินวัตร บังอาจใช้ปากอันพล่อยของตน (เสมอมา) กล่าววาจาอันน่าเคลือบแคลงและขุ่นเคืองใจเราทุกคน ผมจึงขอลั่นกลองรบเสียที นี่อาจจะถึงเวลาอีกแล้วกระมังครับ เวลาแห่งการ เฉททรชน

เฉททรชน (เค้าโครงได้จาก ประกาศโองการแช่งน้ำพระพิพัฒน์สัตยา บทกวี โคลงสรรเสริญเกียรติกรุงเทพมหานคร ของ ท่านจิตร ภูมิศักดิ์ และกวีนิพนธ์ รุ้งกินเมือง ของ ท่านคมทวน คันธนู)

ร่ายดั้น
	ศรีศรีหม่นศรีหมาง สางหมู่ผีมวลภูต มูตรพ่นคูถคายถุย คุยถมทั่วหนแหล่ง แห่งหลายเลวโฉดนำ ชำนาญในกักขฬะ กะคล่าวถ้อยคำอ้าง ค้างอำเอ่ยแผลงอรรถ ผลัดเอาเพียงชั่ววาร ชาญไวด้านดื้อทน ดลถึงปรัตยุบันยุค บุกใหญ่ยืดเยื้อบาป หยาบบ้าบ่ยอมเบา เยาว์บัญญาหย่อนตก ยกแต่พวกตนรายเรียงเขื่อง เรื่องขุ่นกูณฑ์กลุ้มด้าว ดาษเดียร

โคลงมณฑกคติ (โคลง ๕ ดั้น)

ไฟเฟื่องฟื้น..................ฟูมหาว
ซาตาลเบียน..............เบ่งกล้า
ย้อนคืนคราว.............ครองโศก
พวกเสี้ยนคว้า............ไขว่สิน

โสโครกคลุ้ม................คลุมเวียง
แทตย์เถือกิน................กี่ครั้ง
ยังส่งเสียง...................เสมือนสัตว์
ยังโอ้ตั้ง.......................อวดตน  โอ่ตน

สาหัสแล้ว...................แลเห็น
เห็นทุกหน...................ทั่วไห้
ไห้ลำเค็ญ...................เหลือข่ม
ข่มน้ำไล้......................หลั่งตา

ใคร่บ่มแค้น..................คับทรวง
ในวิญญาณ์................เยือกนี้
คลายรรรลวง..............โรยสลด
หมายย้ำบี้...................อุบาทว์บร

คนคดต้อง..................เตียนพลัน
ไร้นาคร.......................เขตป้อง
สูญเผ่าพันธุ์...............พวกเปรต
หมดสิ้นพ้อง...............ภูตโหม  ผีโหม

ร่ายดั้น
	โอมมมมม ละลายมหาละลาย กลายจากสูงสู่ต่ำ ด่ำดึ่งแดนนรกา ทนทรมาไหม้หมก ในขุมนรกแรงร้าย ฤาอาจผ้ายผันหนี เปลวอัคนีเนื่องหนุน ผลบุญบ่อาจรับ แม้ญาติสรรพส่งซ้ำ กรวดน้ำเกื้อหนุนกุศล อย่าให้ผลแผ่ถึง ตรึงตรากเตรียมตรอมตรม สมที่มันสามานย์เมาห์เสพ เสพแผ่นดินด้วยเหี้ยม หักหาญ หื่นหาญ

โคลงมณฑกคติ

วอนเทพไท้...............ลงทัณฑ์
อย่าทันนาน.............เนิ่นช้า
ให้เห็นกัน.................กรรมก่อ
เหล่าปล้นหล้า.........ล่วงลาม

วอนต่อเชื้อ................ชนไทย
สอดส่องทราม...........สืบรู้
อย่ามัวไผล................เผลอสติ
เราต้องสู้....................เศิกเข็ญ

เริ่มริค้น......................ข่าวสาร
ตรองตรวจเป็น..........ไป่พล้ำ
เลิกแลลาน.................หลงผิด
ภาพแพร้วย้ำ.............เพริศยวน

ถึงอิทธิ์อื้อ..................อักโข
มันย่อมซวน...............เสื่อมด้อย
เมื่อเราโต...................ฤทธิ์เติบ
มันต้องคล้อย..............เคลื่อนผัน

หวังอ่องสร้าง.............เอี่ยมแสง
หวังสักวัน..................วาดไว้
ยุคใหม่แปลง..............แปรเปลี่ยน
ปลุกปลื้มได้...............ดั่งประสงค์  โดยประสงค์
(๓ ก.ค. ๒๕๔๙)




 
______________________________________				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตราชู