10 กันยายน 2549 13:03 น.
ตราชู
ยักษ์
หยิบตะเกียงขึ้นมาถูคอยดูท่า
นั่น! ยักษ์ร่าเริงร่ำเร้ารำร่าย
แล้วโค้งค้อมน้อมนบเคารพนาย
โปรดจงผายพจนาเผยพาที
ขอทำตามนายข้าบัญชาใช้
ไปที่ไหน, ถิ่นไหนข้าไม่หนี
ถึงศัตรูจู่มาหมายราวี
ข้าขอพลีชีพิตอุทิศพลัน
นี่แน่ะยักษ์ ตัวกูเลิศหรูเกียรติ
ใครหยามเหยียดยกใหญ่กูไม่ยั่น
แต่.... ทหารฮือโหมฮึกโรมรัน
กูหวั่นหวั่นหวาดไหวครวญใคร่พะวง
กูจึงคิดแบ่งสลายกระจายทหาร
ให้แตกซ่านซานซมได้สมประสงค์
กูสร้างเรื่อง ลอบสังหาร ที่หาญทะนง
เพื่อปองร้ายป้ายลงให้เปื้อนลาม
มึงจงไปเป็นพยานให้การย้ำ
ว่าทหารเหี้ยมระห่ำเหิมทำห่าม
ซัดทอดถึง พลเอก สรรเสกความ
อย่าครั่นคร้ามขามใครยามไคลคลา
ไปเถิดไปไอ้ยักษ์ไปยักเยื้อง
ไปสร้างเรื่องราวกุกล่าวมุสา
เมื่อไปถึงมึงจงจำนรรจา
ยัดข้อหาให้ทหารทั้งแปดนาย
ยักษ์ค่อยยอบหมอบระย่อแล้วยอว่า
นายข้าผ่าเผยแผ่ไม่แพ้พ่าย
ขอนายอย่ากังวลทุรนทุราย
ว่าแล้วหายวูบไปในทันที
-----------------------------------------------------------
7 กันยายน 2549 10:06 น.
ตราชู
เพื่อนๆทุกท่านครับ เมื่อวาน ตราชูดูข่าว ป๋าเหนาะ แกเสนอให้นักการเมืองสาบานว่าจะไม่โกงกินแล้วรู้สึกทุเรศทุรังอย่างไรบอกไม่ถูก ไม่ขอพูดอะไรมากแล้วกันครับ ให้งานเขียนชิ้นนี้พูดแทนความในใจทั้งหมดดีกว่าครับ
สาบาน
โคลง ๕ พัฒนา
น้ำจอกน้อย นำมา
ยืนสัจจา เจตน์ตั้ง
สรรค์เสกสา- บานสื่อ
ไป่พล้ำพลั้ง เพลี่ยงแพลง
แจงเทพไท้ เทวัน
ฟังจำนรรจ์ หนึ่งน้อย
เทพเฉิดฉัน เชิญประจักษ์
ตูข้าข้อย ประกาศไข
ใจซื่อพร้อม เพริศพราย
ตราบจนกาย แก่, ม้วย
รักชาติหลาย เหลือแหล่
ล้นเพียบด้วย ภักดี
มีจิตแกล้ว ยุทธการ
ถึงศึกราญ รุกห้อม
ขออาจหาญ โหมหัก
โดยพรึ่บพร้อม พรั่งเสมอ
เปรอบาทเจ้า จอมไผท
ราชราชัย เฉิดฟ้า
เนาถิ่นไหน แนบผนึก
ชีพนี้ข้า ครุ่นถวาย ขอถวาย
อีทิสังฉันท์ ๒๐
ฟังพจีนิยมผสมนิยาย
ประหนึ่งเสบยภิเปรยสบาย ก็สาบาน
เพียงมินานแน่ะธรรม์น่ะอันตรธาน
ปะลาภตระกลอนนต์ตระการ ตะกายเอา
โลดถลาไถลมิได้ทุเลา
หทัยมิสร้างสล้างเสลา สลวยเลอ
ร้อนกระอุกกระไอกระไรนะเออ
โขมดผยองคะนองเผยอ เยาะยั่วหยัน
ทำตะบิดตะแบงแถลงตะบัน
ประชุมทุชนปะปนประชัน แหละชิงดี
ราวกะโรคระบาดวินาศบุรี
ถวิลเทวษประเทศทวี ประหวั่นเกรง
พันธุชั่วประโชติวิโรจน์เชวง
ตะบึง, ตะลุยปุเลงปุเลง ประลองกัน
สาธุชนนิราศอนาถนิรันดร์
แสวงไสววิไลสวรรค์ วิมานวาย
กาพย์ยานี ๑๑
สินนำ, ทรัพย์ซ้ำหนุน ใจหมกมุ่นจึงเมามาย
คล่องค้าไคลคลาขาย แม้คุณค่าราคาคน
เขาซื้อก็ซื่อสัตย์ ไม่ลอบกัดเล่นเล่ห์กล
ซึมเซาให้เขาสน- ตะพายใส่สุขใจแสน
เขาขว้างจึงคว้างเคว้ง เริ่มโคลงเคลง เริ่มคลอนแคลน
กร่างกลั่นก็พลันแกรน ขาดคนกล่าว คนกราวเกรียว
เสื่อมสร่างสิ่งสร้างสรรค์ ย้ำดุดันแต่อย่างเดียว
แค้นคานัยน์ตาเขียว ผันความคิดแผกผิดเคย
ตัวพังเลยตั้งพรรค หวังโกงกัก หวังก่ายเกย
พร่ำพจน์เป็นบทเผย เพื่อฆ่า, เผา ให้เขาพัง
แจ้งมาวาจาใหม่ โจรกลับใจ อย่างจริงจัง
ขับเคลื่อนดูเหมือนขลัง แต่เคลือบคลุ้มครอบคลุมเครือ
กลอนสุภาพ
ล้วนแสร้งเสเล่ห์สรรพลายซับซ้อน แอบซุกซ่อนสวมสร้างเยี่ยงอย่างเสือ
ด้วยแค้นจัดขัดใจขุ่นไข้เจือ จึงคิดเพื่อแผ่พิษ แผ่อิทธิพล
ในฉากม่านการเมืองมักเรื่องมาก แต่ละฉากชิงช่วงล่อลวงฉล
แต่ละช่วงล้วงไชแล้วไล่ชน แต่ละคนขันแข็งเพื่อแข่งเคียง
ถึงไหลบ่าสาบานสื่อสารบอก ก็ยังหลอกพาโลเลื่อนโล้เลี่ยง
ยังอ้างเอ่ยเฉลยอำเอนลำเอียง ยังเฉเฉียงชั่วช้าชั่งน่าชัง
ถ้าเพ็ญใจไพจิตรโสภิศแจ่ม ย่อมวามแวมแววไสวด้วยใจหวัง
ใจล้นเลิศเกิดล้ำเกิดกำลัง ใจยืนยัง ยืนยันในสัญญา
สัญญาซึ่งซึ้งนุสนธิ์ด้วยตนสร้าง ไม่คั่งค้างราคินจนสิ้นค่า
ดีหรือชั่วตัวจะชี้โดยปรีชา ใช่พร่ำบ่นพ่นบ้าพูดสาบาน
-------------------------------------------------------------------
6 กันยายน 2549 10:32 น.
ตราชู
รากหญ้า, รากแก้ว
เพราะเราคือรากหญ้าระย้าลู่
เราจึงยู่ย่นยับถูกทับ ย่ำ
ต้านเปลวแดดแผดเต้นพุ่งเป็นลำ
ทนกรอมกรมกรากกรำเพื่อกรอบเกรียน
อยู่ใต้ความห่ามหีนของตีนโหด
ฟ้าไม่โปรด ไม่ปลดให้หมองเปลี่ยน
ต้องโรยดอกร่วงดาลงดาษเดียร
กี่ปีเวียนวงวนไม่พ้นวาย
เพราะเราคือรากแก้วที่แกล้วแกร่ง
ซึ่งปักลงดินแหล่งกันดารหลาย
ใช่เพื่อเลี้ยงแผ่นดินทุกถิ่นภาย
แต่เพื่อเลี้ยงคนสบายเพียงบางคน
เราเป็นเพียงรากแก้วของบางกลุ่ม
ที่กักขฬะครอบคลุมทุกขุมขน
ที่อวดเติบเอิบโตแล้วโอ่ตน
ที่เปลี่ยนแปลง ปีนปล้น แลแปลกปลอม
ไม่ว่าเป็นรากหญ้าหรือรากแก้ว
ก็ไร้แล้วแรงพลังไหลหลั่งหลอม
ก็ถูกเขาครองครอบกั้นกรอบล้อม
ก็ถูกเขาเมามอมให้มัวมึน
จึงรากหญ้า รากแก้ว เลยรากเลือด
ทนร้อนเดือดไม่มีวันดีขึ้น
นั่น! ทัพหมู่มวลทมิฬทะมึนทึน
ทนเถอะทนบึกบึนเพื่อถูกเบียน
--------------------------------------------------------------
4 กันยายน 2549 11:35 น.
ตราชู
ราหูอมเมือง
ราหูริปูโหม
พลโจมตะครุบจันทร์
แสงผ่องระรองผัน
พิศมัวสลัวมล
เพียงครู่พบูแข
ก็จะแผ่วรำพน
ห้วงหาวสกาวหน
ศศิเหินเจริญหาว
วามแจ่มวะแวมจ้า
ระดะดารดาษดาว
เรียงรายละม้ายราว
พชราประภาราย
ราหูริปูโหม
พลโถมแหละท้าทาย
กลืนเมืองกระเดื่องหมาย
ตะกระโมหโสมม
เพียรไล่ไฉนเล่า
ฐิตเนาก็นานนม
วันคืนสะอื้นขม
บุรเขตนิเวศน์คาม
ไล่เลื่อนเสมือนล่อ
ทุรส่ออสัตย์ทราม
ไป่คิดพินิจขาม
ขณะคร่า ณ นาคร
เลื่อนไหลไผทแหล่ง
กระจะแจ้งนิราศจร
ยิ่งยลสิย่นหยอน
วิปโยคทุโชคเยือน
ราหูริปูห่าม
กลิลามมิเคยเลือน
มืดมิดสนิทเหมือน
จะมิมีสุรีย์มา
(เขียนไว้ต้อนรับ ปรากฏการณ์จันทรุปราคา ณ วันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๙)
-------------------------------------------------
28 สิงหาคม 2549 11:52 น.
ตราชู
ใครคู่ควรมงกุฎสง่ามากกว่ากัน
ถึงพธูผู้พิไลอำไพศรี
มงกุฎที่เธอเทริดเพราเพริศสวม
เกียรติบรรเทืองเรืองถ่อง เงินทองรวม
พร้อมเพชรร่วมหรูหราราคาแพง
เขาเรียกเธอ นางงาม มีนามสง่า
ดั่งดาราเรืองส่องรังรองแสง
ฉันครุ่นคิดทุกครั้งก็ยังแคลง
ถึงตำแหน่งนวลปรางเป็น นางงาม
ตอบเถิดหนออรทัยฉันใคร่รู้
เธอตราตรูตรงไหนฉันใคร่ถาม?
ตรงเพชรทองก่องแววกอปรแก้ววาม
ที่เขาตามตกแต่งจำแลงเติม
หรือตรงเธอเยื้องย่างเยี่ยงนางหงส์
เสียงคนส่งแซ่ซั้นซ้องสรรเสริญ
หรือตรงยาตรย่างเท้าเที่ยวก้าวเดิน
ให้เขาเยินยอเสน่ห์บนเวที
หรือตรงชุดเฉิดฉาย ชุดว่ายน้ำ
ได้อวดลำขาอ่อนบังอรฉวี
หรือตรงถันปทุมมาของนารี
เธอจึงมีมงกุฎผ่องผุดพราว
ถึงเธอผู้ นางงาม ทรงความสง่า
ฉันขอกล้ากล่าวถ้อยเรียงร้อยกล่าว
เธอเห็นไหม หญิงที่ไม่มีดาว
อยู่บนด้าวดาษดื่นบนผืนดิน
เธอยากจนข้นแค้นด้วยแสนเข็ญ
แต่ไม่เป็นคนกะล่อนลวงปล้อนปลิ้น
ทำงานหนักด้วยศักดิ์ศรี สู้ชีวิน
การหากินก็ต้องขืนต้องขื่นคอ
ได้เงินมาไม่กี่ร้อยดูน้อยนิด
ก็ไม่คิดคัดค้านไขขานขอ
ทนลำบากยากไร้ด้วยใจรอ
ชีพยังพอมีหวังแม้วังเวง
ตัวคนเดียวหาสตางค์เลี้ยงทั้งบ้าน
ในบางวารว่างโว้งต้องโหวงเหวง
ยามเจ็บไข้ไร้ยายิ่งน่าเกรง
ทุกข์เหยียบย่ำยำเยงเยียบวิญญาณ์
ถึงเธอผู้ นางงาม ผ่องงามพริ้ม
เธอแย้มยิ้มยั่วยวนสำรวลร่า
เคยบ้างไหมเพียงแค่มองแลมา
เห็นหญิงที่อนาถายิ่งกว่าเธอ
เธอที่มีเกียรติยศปรากฏอยู่
เธอที่หรูรุ่มรวยสะสวยเสมอ
เธอที่มีผู้คนคอยปรนเปรอ
เธอที่เกร่อกรีดกราย เงินก่ายกอง
กับเธอที่ทนแบกหนักแอกอึ้ง
เธอที่ซึ่งสู้แหละซื่อด้วยมือสอง
เธอที่ถึงต้อยต่ำไม่ลำพอง
เธอที่ครองความแกร่งไม่แปลงปรวน
ใครควรเรียก นางงาม เรืองรามนัก
ใครควรเชิดเทิดพิทักษ์ทรงศักดิ์สงวน
ใครควรค่าคราประสบเมื่อทบทวน
ใครคู่ควรมงกุฎสง่ามากกว่ากัน???