16 ตุลาคม 2549 09:28 น.
ตราชู
จั่นห้าว
กลอน กลบทเสือส้อนเล็บ
เมื่อเสือลายร้ายเหลือเป็นเสือหลุด
แค้นขัดสุดสาหัสเคืองขัดแสน
ถึงคราวปวดรวดร้าวครั้งคราวแคลน
จึงหลบแล่นไปประสบแหล่งหลบภัย
บาดแผลพร้อยรอยแผ่เป็นแผลพิษ
ยิ่งสุมคิดเคียดคลุ้มดั่งสุมไข้
ถึงกาลกูกลับบ้านเมื่อกาลใด
ต้องทำไอ้พวกระยำที่ทำกู
แม้ไร้เล็บเจ็บใจทั้งไร้เขี้ยว
ยังเริงเรี่ยวโลดเหลิงแรงเริงสู้
คงเหลี่ยมลายร้ายเหี้ยมเล่ห์เหลี่ยมคู
ให้มันรู้แม่นมั่นให้มันระวัง
กลบทพยัคฆ์ข้ามห้วย
เสือก่อกิจคิดการสามานย์กิจ
เก็บความคลั่งประดังคิดแผลงฤทธิ์คลั่ง
เราอย่าพลั้งเพลี่ยงพลำลงพล้ำพลั้ง
เราคือพรานพร้อมพรั่งกำลังพราน
พรานล่าเสือ สมยาต้องล่าเสือ
ที่มันพล่านหาเหยื่ออย่างพลุ่งพล่าน
ล้างลมปราณเสือร้ายให้วายปราณ
ยามถึงคราวกร้าวกร้านแกร่งทุกคราว
ไอ้เสือกั่นมันกล้าอวดก๋ากั่น
เราต้องห้าวจับมันด้วยจั่นห้าว
เพื่อชนชาวชื่นชีวาประชาชาว
สุขกลับคืนยืนยาวอยู่คงคืน
หมายเหตุ กลบททั้งสองชนิดนี้ เป็นของโบราณาจารย์ท่าน ผมพบรูปแบบและตัวอย่าง ในหนังสือ คัพภครรลองร้อยกรองไทย เรียบเรียงโดย ท่านอาจารย์วัฒนะ บุญจับ นักอักษรศาสตร์ กรมศิลปากร แหละในบทกวีชื่อ ขอทานบรรดาศักดิ์ ของ ท่านคมทวน คันธนู ในหนังสือ นาฏกรรมบนลานกว้าง ครับ
-------------------------------------------------------------------------------------
14 ตุลาคม 2549 11:34 น.
ตราชู
สิบสี่ตุลานุสรณ์
โคลงดั้นบาทกุญชร
บรรเลงเพลงขับซ้อง.............สำนาน
เพลงกล่าวคำรำพัน............พากย์ก้อง
เพลงโหมแห่พลหาญ..........คระหึมโสต
เพลงพร่ำยินย้ำพร้อง..........เพรียกเสียง
วัดเอ๋ยวัดโบสถ์ตั้ง.............ตรูตา
ตาลโตนดเจ็ดต้นเรียง........ร่มกว้าง
ขุนทองล่องลีลา...................ลับแหล่ง
ไปเพื่อไปปล้นล้าง...............เหล่าพาล
หนหาวทุกแห่งห้วง............ฮึกเหิน
เหินท่ามพายุพระกาฬ......กาจเกรี้ยว
ดวงตาต่างมองเมิล...........ทางใหม่
ทางที่ดูแล้วเคี้ยว-...............คดวิถี
หวังฝันวันใฝ่เฝ้า...............แสวงฝัน
ฝันสิทธิศักดิ์เสรี................ส่องเรื้อง
เรืองไรยิ่งสุริยัน.................โพยมผ่อง
ปลอดหมู่เมฆร้ายเปลื้อง..ปล่งหาว
ขุนทองเหินท่องท้อง...........ทิฆัมพร
พลันร่วงกรูกรูกราว..........กลาดพื้น
นายพลานพล่านยิงสยอง...แสยงอก
อกอ่วนโอยเอื้อนสะอื้น.........โอดครวญ
สามสิบสามศกคล้อย........คลาผัน
รำลึกตรึกอดีตทวน............ทบย้อน
นี่ฤาแผ่นดินธรรม์...............ธรรมถ่อง
ไยดื่มเลือดข้นป้อน.............เปี่ยมไหล
วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
สิบสี่ตุลาดิลกสรรพ
คณะทัพประชาไทย
เทิดหวังทวีทิวะไสว
แหละชิวังก็สังเวย
กล่าวถ้อยกถาพิเราะประเทียบ
ผิวเปรียบมิอาจเปรย
บันลือเฉลิมวจน์เฉลย
วิรกอปรระบอบเกียรติ์
แล้วสัตย์ก็สู้ชนะอสัตย์
เพราะพิพัฒน์พลังเพียร
เจิดไทยจุฑารฐเสถียร
ธุชเทิดประเสริฐธง
นี่แลพลังนิกรหล้า
ปฏิญาณ์สิยรรยง
ไพสิฐผสานจิตประสง-
คพิเศษประเทศศรี
สรรค์แต่งประชาอธิปไตย
ฐิตในพระธานี
ทุกผู้สะพรั่งอุทิตพลี
พลเพื่อจะเกื้อภูมิ
บันดาลคดียุบลเด่น
ฐิติเป็นประวัติปูม
ฟูเฟื่อง ณ ฟ้ารศมิฟูม
กระจะเฟื่องเมลืองฝัน
สิบสี่ตุลาปฐวิพื้น-
ภพครื้นอุโฆษครัน
รังรักษ์ระรองบุรนิรัน-
ดรรามสยามเรือง
------------------------------------------------------------
13 ตุลาคม 2549 14:35 น.
ตราชู
แล้วใครจักถือธงนำ
ผ่านมาคราเก่าคราวก่อน
ภาพย้อนพิมพ์อยู่ยิ่งใหญ่
เหล่านักศึกษาคลาไคล
ก้าวไปก้าวไปกรุยทาง
ผ้าธงผืนเทียวทิวพัด
เร่งรัดรีบย่ำรุดย่าง
หวังจุดแสงเจื่อนเจือจาง
ให้ช่วงรางชางโชติแรง
ฝันฟ้าสีทองถ่องทิศ
ขับความมืดมิดหม่นแสง
กลั่นกล้ากร้านกรำสำแดง
คำแหงหาญท้าทรชน
กี่ซากกองศพก่ายซ้อน
มอดมรณ์มากมีกี่หน
กี่ทุกข์กี่ท้อก็ทน
กี่รณกี่เรี่ยวโรมรัน
จนฟ้าแจ่มฟ้าจารุ
โดยมุโดยมุ่งเพียรมั่น
ยงยุทธ์ยืนหยัดยืนยัน
จึงบั่นเส้นสายโซ่ตรวน
เฉกผึ้งรวมกลุ่มกลุ้มกลาด
โผนผาดผัดผันปั่นป่วน
ต่อสู้ช้างสารซานซวน
เรรวนล้มตายพรายพลัด
เราคือขุมแรงแข็งฤทธิ์
เปลื้องยุคอัมหิตด้วยหัตถ์
ตราตรูสู่ชัยฉายชัด
เราต้านเราตัดศัตรู
วันนี้ไยนักศึกษา
ส่วนมากมึนชาเฉยอยู่
การเมืองใช่เรื่องของกู
ไม่รับไม่รู้เรื่องราว
ขอเสพขอแส่แค่สุข
ขอสนุกชุมนุมหนุ่มสาว
ผ่านวันผ่านคืนยืนยาว
อย่างว่าวว่อนตามวาตา
สิ้นแล้วหรือไรความคิด
สิ้นแล้วหรือกิจคนกล้า
สิ้นแล้วหรือไรเจตนา
สิ้นแล้วศรัทธาปณิธาน
กลองศึกกลับสูญสิ้นเสียง
เหลือเพียงเรื่องราวกล่าวขาน
อนุสาวรีย์โอฬาร
เพียงมองพ้องพานผ่านไป
อยากรู้นักหากวันนี้
ยุคเข็ญเกิดมีขึ้นใหม่
ตรำตรากยากแค้นแดนไทย
แล้วใครจักถือธงนำ?
(เขียนปี พ.ศ. 2545)
12 ตุลาคม 2549 16:39 น.
ตราชู
เพลงเรือเมื่อหน้าน้ำ
กลอนเพลงเรือ
มาเถิดมาครื้นเครงร่วมร้องเพลงสักครั้ง
เร็วเถิดหนาอย่ารั้ง รอรี
เดือนสิบเอ็ดน้ำเอ่อเราก็เจอน้ำอ่วม
เป็นประจำน้ำท่วม หลายที
ครั้นเมื่อยามน้ำบ่าขอเราอย่าเพิ่งเบื่อ
ชวนกันเล่นเพลงเรือ เร็วรี่
เมื่อจิตใจไม่ทุกข์ไม่เจ่าจุกมัวท้อ
ย่อมสุขใจไม่ก่อ โศกี
เห็นน้ำท่วมที่ไหนเห็นคนไทยที่นั่น
เห็นแล้วยิ่งตื้นตัน ไมตรี
อยู่เมืองไทยเมืองทองนั้นเนืองนองหนักหนา
ด้วยน้ำใจกรุณา ปรานี
ถ้าเกื้อกูลกันไว้ช่วยกันไปทุกวัน
ทำสิ่งใดก็ไม่หวั่น ชีวี
นี่เรือเรียงเคียงขนัดเขาเรียก รัฐนาวา
พายให้งามท่วงท่า สง่าที
เมื่อมี ครม. ขออย่า คนเรื่องมาก
มีเรื่องยุ่งเรื่องยาก ย่ำยี
เมื่อได้ ครม. ขอให้ คนร่วมมือ
เลิกเดือดดุคุดื้อ ถือดี
เลิก คิดใหม่ทำใหม่ จนหมองไหม้หม่นเมือง
เวลาผ่านนานเปลือง เปล่าปลี้
เลิก ชิมไปบ่นไป ทำอะไรแล้วก็ปล่อย
เห็นงานหนักเข้าหน่อย ถอยหนี
พายเถิดพายเรือสยามทุกทุกยามอย่าระย่อ
ให้เรือล่องคล่องปร๋อ เปรมปรีดิ์
ยึดพระราชดำรัสองค์จอมรัฐเรืองรอง
ย่อมผ่าเผยผุดผ่อง ปัฐพี
ช่วยกันพายนาวาช่วยกันสามัคคี
ในเวลาครานี้ เถิดเอย
หมายเหตุ ฉันทลักษณ์เพลงเรือนี้ ผมได้แบบจากหนังสือ คัพภครรลองร้อยกรองไทย ซึ่ง ท่านอาจารย์วัฒนะ บุญจับ นักอักษรศาสตร์ แห่งกรมศิลปากร รวบรวมเรียบเรียงขึ้น ประกอบกับการฟังแถบเสียงเพลงพื้นบ้านภาคกลาง ซึ่งท่านศิลปินแห่งชาติท่านร้องไว้ครับ
--------------------------------------------------------
11 ตุลาคม 2549 08:46 น.
ตราชู
กรุงเทพฯ แคว้นแดนพิศาลสายธารพร่าง
ไม่เคยจางเจ้าพระยามหากระแส
ถึงบางครั้งคลั่งปรวนผันผวนแปร
ก็ยังเป็นเช่นแม่เหมือนที่เป็น
แต่....ธารเก่าเจ้าพระยาธาราศักดิ์
กว้างใหญ่นักหนักหนานัยน์ตาเห็น
หล่อเลี้ยงอยู่อู่เหย้าทั้งเช้าเย็น
ไม่กว้างเด่นอดุลย์ล้ำดั่งน้ำพระทัย
แห่งเอกองค์ทรงฉัตรจำรัสชาติ
พระภูวนาถกรุณาจักหาไหน
แผ่นดินอื่นหมื่นแสนทั่วแดนตรัย
เปรียบมิได้ดังพระคุณการุณแล้ว
เมื่อครั้งยามน้ำหลากพรากพรากพลั่ง
ไหลล้นหลั่งมาออกบางกอกแก้ว
บ้านเรือนก่อต่อเนื่องนองเนืองแนว
คงไม่แคล้วคงคาหลากมารวม
จึงที่ดินส่วนพระองค์ก็ทรงสละ
ด้วยพระราชภาระพระทรงร่วม
ให้น้ำหลั่งถั่งท้นสายชลประชวม
ราษฎร์เคยสวมทุกข์เศร้าพลันเซาซา
แม้น้ำยังหลั่งไหลอย่างไม่หยุด
ทะยอยรุดจากละหาน, ห้วย, ธาร, ท่า
มิหวั่นไหวว้าเหว่ทุกเวลา
ด้วยมีที่พึ่งพาพำนักใจ
คือภูธรบวรองค์พระทรงศรี
จอมชีวี เจ้าชีวาประชาไสว
ทรงกูลเกื้อเจือจุนราษฎร์อุ่นใจ
น้ำพระทัยยิ่งมหาธาราธาร
-------------------------------------