13 ธันวาคม 2549 08:53 น.
ตราชู
ห่างมนต์แห่งเหมันต์
กลอนกลบท กบเต้นกลางสระบัว
เหมันต์หันเมินเหมือนเหินเห
หันรวนหวนเรราวเร่หัน
งันเศร้าเหงาสร้อยเงียบหงอยงัน
แปลงเพี้ยนเปลี่ยนผันนับวันแปลง
พิษร้าวผ่าวร้อนไม่ผ่อนพิษ
แหนงจิตนิตย์จึงคำนึงแหนง
แคลงสุมคลุมซ้ำยิ่งย้ำแคลง
ใดกล่นดลแกล้งด้วยแรงใด
หรือชาติราษฎร์เฉาร้อนเร่าหรือ?
ไข้รมขมฤานี่คือไข้
ไฟยังฝังอยู่ฟูมฟูไฟ
ตรอมหมองตรองไหม้เมืองไทยตรอม
หมู่พรรคมักแผกคงแตกหมู่
หลอมยากหลากอยู่ไม่รู้หลอม
มอมเหลือเมื่อหล้ามายามอม
ทุกข์หลั่งถั่งหลอมทนยอมทุกข์
ขัดแย้งแข่งยังแค้นคลั่งขัด
สุขพลัดสัตย์แพลงจึงแล้งสุข
ยุคท้อย่อถดรันทดยุค
ทานขุกทุกข์ขื่นต้องขืนทาน
ร้างหวังรั้งไว้ดวงใจร้าง
ผ่านวันผันว่างเวิ้งว้างผ่าน
ซานหวนซวนเหเมืองเซซาน
เพลิงรุ่งพลุ่งร่านยังพล่านเพลิง
๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
9 ธันวาคม 2549 17:34 น.
ตราชู
รัฐธรรมนูญ
โคลง ๔ สุภาพ
ยลพาน พานจรัสแจ้ง จำรูญ
พานสถิต รัฐธรรมนูญ นั่นแท้
ลายลักษณ์หลักรวมศูนย์ นิติสรรพ
สูงสุดสามารถแก้ เกี่ยงไหม้เมืองหมอง
เมืองทองสรรค์เสกถ้อย สมัญญ์ ไทย
เมืองประชาธิปไตย ตกต้อย
ผันการณ์ ผ่านกาลสมัย หมองหม่น
ชนชุ่มชลนาย้อย เยียบน้ำตาหนาว
หลายคราว หลายหลากครั้ง ครึกโครม
ปีศาจอาจอุกโหม แห่ห้ำ
หลายคาบจาบจ้วงโจม โจนจู่
กลืนกลบขบเมืองขย้ำ ขยอกด้าวอาดูร
รัฐธรรมนูญ เปรียบแม้น เครื่องมือ
อยู่ที่มือใครถือ เทิดตั้ง
อาศัยซึ่งลายสือ สาน, สืบ
แสนอนาถอำนาจยั้ง ยืดเยื้อยืนยาว
ลือฉาวเคยเลิกใช้ หลายฉบับ
ปรุงเปลี่ยนแปลงปรุงปรับ อ่อนเปลี้ย
เจ็ดสิบสี่ปีนับ นาน, หน่วง
ไทยเปรียบเทียบพฤกษ์เตี้ย พุ่มต้นต่ำหลาย
อีทิสังฉันท์ ๒๐
เลือดก็รินเลอะบ่งคละลงระบาย
เพราะหวังเถกิงระเริงผกาย ประภากร
วีรกรรมกระจ่างสว่างขจร
อนันตค่ามหานคร ระบือขาน
แม้ละเลงเปรอะเลือดจะเดือดเลอะลาน
มิจำประวัติศาสตร์วิจารณ์ วิจัยถึง
ไทยละเลยและหลงพะวงตะลึง
ธนาประภาพกระหนาบคะนึง อเนกนอง
รัฐธรรมนูญ พิบูลย์ลบอง
ก็เปลี่ยนประยุกต์สนุกสนอง นิสัยตัว
จึงทะมึน ณ หล้านภาก็มัว
ฤทัยสลดระทดสลัว เพราะหลงทาง
กาพย์โกสุม ๑๒
เพียงขอธรรมเพื่อค้ำฐาน
มาเจือจานไม่เจือจาง
แล้วบั่นถาก ลำบากถาง
แห่งที่ย่าง หนทางยาว
ดลให้ฟ้าได้ห่าฝน
ล้างเมือกข้น ไล่หม่นคาว
ฉันเฉิดห้วงโชติช่วงหาว
เพียรกู้ด้าวเพื่อก้าวเดิน
อวยแรงมุ่งอำรุงหมั่น
หมายให้มั่นไม่หันเมิน
ลุยแนวเขาลำเนาเขิน
ข้ามแนวเผินข้ามเนินผา
แน่วจิตในน้ำใจเหนี่ยว
ก่อหวังเชี่ยว เกิดวังชา
ใดมาคั่นด้นมรรคา
กำหนดกล้าก้าวหน้าไกล
กลอน
อย่าทำไทยให้ทนทุรนสะเทื้อน
อย่าหลงเลือน หลงล่าถลาไถล
อย่ามัวเลวเหลวแหลกกระแทกประลัย
อย่าคิดใหญ่ยิ่งยงประสงค์ยุแยง
เลิกหุนหันกรรหายละม้ายกระหัง
เลิกวาดหวังวิ่งวุ่นเสาะทุนแสวง
เลิกร้อนดาลร่านเดชกิเลสแสดง
เลิกบ้าแบ่งบ่อนเบียนกระเหี้ยนอุบาย
แล้วเชิดชูบูชิตสนิท ณ ชาติ
แล้วรวมญาติ รักยืนแหละยื่นขยาย
แล้วเสกหวังสร้างไว้วิไลมิวาย
แล้วฉานฉายชูเชิดประเสริฐวิชา
เพื่อชาติเราเร้าเรื้องเมลืองอร่าม
เพื่อเงางามแผ่เงาเสลาสง่า
เพื่อชนเนื่องเนืองขนัดจะพัฒนา
เพื่อก้าวหน้าหนุนนำ ณ ธรรมนูญ
(เขียนไว้เพื่อต้อนรับ วันรัฐธรรมนูญ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙)
หมายเหตุ กาพย์โกสุม ๑๒ นี้ ท่านคมทวน คันธนู เป็นผู้คิดชื่อขึ้นครับ ผมพยายามเลียนลีลากลบท ระลอกแก้วกระทบฝั่ง แต่ก็ยังทำหาได้ไม่ กราบขออภัยทุกท่านด้วยครับ
5 ธันวาคม 2549 14:28 น.
ตราชู
(ได้แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อ จากงานกวี เขียนแผ่นดิน ของ ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เมื่อท่านเขียนถึงถนนราชดำเนิน วรรคสุดท้ายจบลงว่า ราชเดินนำราชดำเนิน ครับ
ราชดำเนิน ราษฎร์ดำเนิน
กาพย์ฉบัง ๑๖ (กลบทกบเต้นสามตอน)
เนื่องแถวแนวธรรมนำไทย เรืองชาติราชชัย
เปรื่องโชติโปรดชี้ปรีชา
โสภิศสิทธิ์พงศ์ทรงพา ไทยไคล ไทยคลา
ที่ขลุกทุกข์คล้อยถอยคลาย
แสนพริ้งสิ่งพร่างสร้างพราย วามชัดวัฒน์ฉาย
ทวยชนท้นเชิดเทิดชู
จอมเผ้าเจ้าภพจบภูว์ ทรงตรึง ซึ้งตรู
ชูเผ่าชาวพลชนผอง
เลอยลล้นย้ำลำยอง ทั่วไปไทยปอง
บุญท่านบรรเทืองเบื้องไทย
เด่นนำดำเนินเดินใน ทุกปางทางไป
ทรงธรรม์สรรค์ท่องส่องทาง
ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒
วิถีหมาง ณ ทางมืด
ระทมจืดระทดจาง
อรุณศรีสุรีย์สาง
จรัสแสงแจรงทรง
พิจิตรเฉิดเผจิดชาติ
เพราะไท้ราช ธ ธำรง
พระเดชศรีบดีสง-
เคราะห์ราษฎร์สิ้นบุรินทร์ศานติ์
ไสวสร้างสว่างสูรย์
ธ เกื้อกูลประกอบการ
พระดลปรุงผดุงปราณ
ถวิลปรีดิ์ทวีเปรม
ฉลวยแย้มแฉล้มยิ้ม
มนัสอิ่มมนุญเอม
ประภัสสร์ให้ประไพเหม
หทัยถ่องเพราะทองทอ
ประคิ่นอัตถะคัดเอ่ย
สุพจน์เผยมิเพียงพอ
พิบุลย์นาถพระบาทหนอ
ผนึกขัณฑ์อนันต์คุณ
ประเทศไกรไผทเกริก
สฤษฎิ์เบิกสราญบุญ
ธ คอยนำ ธ ค้ำหนุน
นรานั้นนิรันดร
๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
หมายเหตุ กาพย์ฉบัง ลีลากลบทกบเต้นสามตอนนี้ ผมได้แบบอย่างจากหนังสือ กฎบนกลบท ของ ท่านคมทวน คันธนู ครับ
4 ธันวาคม 2549 11:05 น.
ตราชู
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
๏ น้อมเกล้ากราบบทบงสุองค์พระมหิบาล
บุญญาภิสมภาร............พิบูลย์
ห้าธันวาคมเพิ่มเฉลิมพระชนม์พูน
ทรงศรีบดีสูร.................สกล
ปวงราษฎร์ปีติสราญสถานปฐพิดล
ทั่วภูมิมณฑล...............ถะเกิน
ดอยดงแดนพนเนื่องประเนืองสิขรเนิน
ทรงเดชเสด็จเดิน.........ณ ดง
ทรงโปรยสายชลหลั่งถะถั่งสลิลลง
ชุ่มพฤกษ์อธึกพง.........พนา
ราชาคือจุฬฉัตรพิพัฒน์คณะประชา
ปกศีรษะเกศา..............สยาม
ไทยเทิดไท้ภุมินาถประกาศกิติพระนาม
ใจภักดิ์พระจอมคาม....มิคลาย
อัญเชิญตรัยวรรัตน์จรัสรุจิขจาย
เพ็ญพรพระฤาสาย.......สิมา
ขอองค์ภูมิไผทประไพภภจุฑา
จำเริญพระชันษา..........เสถียร
ทรงเป็นจารุประทีปทวีปถกลเทียรฆ์
เนิ่นวาระจำเนียร.........นิรันดร์ ๚ะ๛
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายชูพงค์ ตรีวัฒน์สุวรรณ ร้อยกรองถวาย ด้วยความจงรักภักดียิ่ง พระพุทธเจ้าข้า
30 พฤศจิกายน 2549 11:00 น.
ตราชู
กินแบ่ง
โยกเยื้องแล้วเมืองสยาม
หม่นหมองยามมารย่ำยี
หลายเผ่าหลามเหล่าผี
ถ่มพ่นพิษทุกทิศภาย
ออกหวยอันห่วยห่า
มาแผ่หราเพียบเรียงราย
ล้ำค่าราคาขาย
เนืองสินคั่งในสังคม
รัฐฯ เทินรวยเงินท้น
ทิ้งคนจนทุกคนจม
ถับถับทุกข์ทับถม
ทั่วถิ่นฐานเกินทานทน
กินยัด รุมกัดแย่ง
ล้วนกินแบ่งกันข้างบน
ลวงฉ้อหลอกล่อฉล
ไม่เคยช้ำกับคำฉิน
เปลี่ยนรัฐฯ ถึงผลัดรุ่น
ก็มักคุ้นแต่ราคิน
เพียรดล หวยบนดิน
ให้เกลื่อนดาษ ให้กลาดแดน
เศร้าย้ำยีย่ำสยาม
หลัก กิน, กาม คือแก่นแกน
ขัดสนคนจนแสน
คงโศกพูนตราบสูญพันธุ์
(๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙)