3 ตุลาคม 2550 13:09 น.

ลำตัดรัฐบาล

ตราชู

ลำตัดรัฐบาล

กลอนเพลงลำตัด

	(สร้อย)
	บ้านเอยบ้านเมือง ไข้ขุ่นวุ่นเคืองเรื่อง ครม. (ซ้ำอีก ๑ เที่ยว)
ต้นประชาธิปไตย เอ๋ย ต้นประชาธิปไตย มองมองของไทยเห็นมีแต่ตอ

	หัวอกตรมขมขื่น
จำกลั้นกลืนขืนแข้น
เมื่อคราวชาติขลาดแคลน
มันคับแค้นใจคอ
ดูฉากม่านการเมือง
มีแต่เรื่องหมาหมา
เดี๋ยวลากไปลากมา
พาประเทศลงหม้อ
น้ำครำจัดซัดกระจาย
กว่านิยายบางเจ้า
ประชาชนทนเจ่า
ดูน้ำเน่าประจำจอ
คณะรัฐมนตรี
เห็นหลายทีจัดตั้ง
บ้างขึ้นตั่งลงตั่ง
บ้างก็ยังอยู่ต่อ
ผู้ลาออกไปก่อน
ขอกล่าวกลอนชมว่ากล้า
ไม่คิดเบ่งเก่งก๋า
กล้าล้างคาวที่ก่อ
พวกมาใหม่ให้ฉงน
เกรงแฝงกลครอบงำ
แถมเขี้ยวงอกออกมาง้ำ
ทำคดคดงองอ
เยื้องยักย้ายโย้เย้
แล้วสานเล่ห์โยงใย
ชักยุ่งเหยิงเหลิงใหญ่
ยามใครใครเยินยอ
ฝ่ายลูกน้องร้องพล่าม
พูดแต่ความแผลงแผลง
ลิ้นกระดิกพลิกแพลง
เพื่อยุแยง, สอพลอ
ไอ้หัวหน้าบ้าหนัก
กลายเป็นนักพัฒนา-
สิ่งสามานย์ด้าน, หนา
ความชั่วช้าแตกหน่อ
อยู่บนตั่งนั่งถุน
เที่ยวหาทุนเหมือนทุกที
ยิ่งหานักหนักถี่
มันเหลือที่จะด่าทอ
โอ้เมืองเอ๋ยเมืองสยาม
คงถึงยามถูกขยำ
เขาขยี้ยีย่ำ
สร้างระยำจนระย่อ
เราบรรดาประชาราษฎร์
เปรียบดังทาสเร่ร่อน
ลมหายใจรอนรอน
นรกร้อนกำลังรอ!!!

	(ซ้ำท่อนสร้อย)

		บ้านเอยบ้านเมือง ไข้ขุ่นวุ่นเคืองเรื่อง ครม. (ซ้ำอีก ๑ เที่ยว)
ต้นประชาธิปไตย เอ๋ย ต้นประชาธิปไตย มองมองของไทยเห็นมีแต่ตอ

(๒ ถึง ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๐)

หมายเหตุ

	กลอนเพลงลำตัดนี้ ผมศึกษาจากการฟังแถบบันทึกเสียงซึ่งท่านพ่อเพลงแม่เพลงชั้นครูท่านร้องบันทึกไว้ ประกอบกับอ่านจากหนังสือกวีร่วมสมัยหลายบท ของกวีหลายท่าน ครับผม				
27 กันยายน 2550 09:26 น.

เห่พม่า

ตราชู

เห่พม่า

	เอื้อนทำนองพร้องเพลงบรรเลงพร่ำ
คราวฟ้าคล้ำเมฆคลุ้มมืดคลุมหม่น
โอละเห่เอละช้าประชาชน
ต้องอับจนเจ็บจำใจรำจวน

	โอ้ชะเวดากองอังก่องกนก
นับหลายศกยังซ้ำเศร้ากำสรวล
องค์เจดีย์สุเลราวเซซวน
ยักษ์มันม้วนเมืองหมดกำสรดเมือง

	แม้รังรองผ่องประไพพระตรัยรัตน์
แต่ผู้นำกำหนัดอำนาจเนื่อง
แสงแก้วสามรามส่องซึ่งรองเรือง
ก็ไม่เปลื้องอัมหิตให้ปลิดปลง

	ปืนสะเทือนเถื่อนอธรรมถ่อยสำทับ
หวังให้พับพังยุ่ยเยี่ยงผุยผง
ทำลายล่าฆ่าล้างถากถางลง
แม้แต่สงฆ์ยังซบสยบกาย

	เหมือนโศกซอนซ้อนซ้ำต้องคำสาป
เพ่งมองภาพเห็นแต่ผู้แพ้พ่าย
เขายุทธ์แย้งแย่งชิงทั้งหญิงชาย
ใคร่แหงนหงายเงยหน้าไม่กล้าเงย

	รัฐ คอยก่อทรกรรมกระหน่ำกด
ต้องจำอดอกโอ้พุทโธ่เอ๋ย
ครั้นยอมนิ่งยิ่งกาลล่วงผ่านเลย
รัฐยิ่งเผยอิทธิพลยิ่งพ่นพิษ

	เกินกลั้นขื่นกลืนระกำก็จำสู้
เพื่อไปสู่สุขศรีเสรีสิทธิ์
เขากลับเห็นเป็นว่าปัจจามิตร
จึงได้คิดขวางขัดกำจัดคน

	ทุรยุคทุกอย่างแล้วย่างกุ้ง
ควันปืนคลุ้งครอบหล้าโกลาหล
ขวัญคล้อยแคล้วแล้วพม่าประหม่ากมล
กรรมเดือดดลกำเดาอีกเท่าใด

	โอละเห่เอละช้าโศกาฉะนี้
สุขจะมีคืนมาเวลาไหน
หรือต้องทนอนธการอีกนานไกล
เพราะประชาธิปไตยนั้นไม่มี!???

(๒๗ กัญญายน พ.ศ. ๒๕๕๐)				
20 กันยายน 2550 09:49 น.

เด็กน้อยกับรถถัง และความหลังเมื่อวันวาน

ตราชู

เด็กน้อยกับรถถัง และความหลังเมื่อวันวาน

	พ่อครับ......
ผมนั่งนับวันเวียนจวนเจียนหน่าย
ยังจำมั่นวันนี้เมื่อปีกลาย
เราไปถ่ายรูปเพลินเที่ยวเดินทาง

	มีรถถังตั้งตระหง่านห้าวหาญแท้
เสียงเซ็งแซ่สุขศรีไม่มีสร่าง
ทหารยิ้มพริ้มอร่ามอยู่ท่ามกลาง
กุหลาบพร่างพรรณรายโปรยปรายพรู

	ไยวันนี้หนีหมดหมู่รถถัง
ไม่มายั้งหยุดเฉยเช่นเคยอยู่
ทหารหลายหายหน้าไม่มาดู
ปล่อยให้หนูนั่งคอยน่าน้อยใจ?

	ลูกรัก......
ไม่นานนักทหารกล้าคงมาใหม่
ยี่สิบปีข้างหน้าไม่ช้าไป
ลูกจะได้เห็นจริง เห็นสิ่งเดิม

	เมื่อผู้ใหญ่ใจต่ำตวงอำนาจ
ล่อลวงราษฎร์ล่มรัฐวิบัติเริ่ม
เห็นแก่ตนจนเต็มข้นเข้มเติม
นั่นคือเสริมไฟอยู่ไม่รู้ซา

	ทหารย่อมพร้อมริเริ่มปฏิวัติ
โดยเอารัฐ, ราษฎร์ ตั้งขึ้นบังหน้า
แล้วรถถังพรั่งพร้อมก็ล้อมมา
เหมือนกับคราก่อนนี้เมื่อปีกลาย

	ถึงตอนนั้นลูกนี้คงมีลูก
รักพันผูกพากันเดินผันผาย
มาถ่ายรูปรถถังที่ตั้งราย
หรือโปรยปรายมาลารื่นมาลี

	หรือไม่ก็พอผ่านถึงกาลนั้น
อาจโรมรันร้อนเดือดแดงเลือดปรี่
อาจมีศพซบสิ้นสูญอินทรีย์
วายชีวีน่าสังเวช.....ประเทศไทย!!!


(๑๙ กัญญายน พ.ศ. ๒๕๕๐)

ข้อความทิ้งท้าย

	ภาพรถถังกับผู้ใหญ่และเด็กๆ พร้อมด้วยดอกกุหลาบ ยังวนเวียนในความทรงจำของผมอยู่เลย ในที่สุด รัฐประหารปีก่อนก็เพียงภาพมายาเท่านั้นเอง เฮ่อ เศร้าใจจริงๆครับผม				
18 กันยายน 2550 10:52 น.

ผสมพรรค ผสมพันธุ์

ตราชู

ผสมพรรค ผสมพันธุ์

ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ (ประดิษฐการฉันท์เยี่ยงนี้ ผมศึกษาลีลาจากงานของ ท่านทวีป วรดิลก และ ท่านคมทวน คันธนู ครับผม)

	ระอิดหนาระอาหนอ
ประทุกท้อประเทศไทย
ละลายแน่จะแลไหน
เสนียดนิตย์สนิทเนือง

	อุบัติกาจอุบาทว์ก่น
พิการหม่นเพราะการเมือง
ระเมียรหรี่ฤมีเรือง-
ประทีปรับประทับรอ

	กระสือมันกระสันมุ่น
มุแย่งภุญช์มิยอมพอ
ประยูรโคตรประโยชน์ขอ
ถนัดค้า ธนาคูณ

	สลับย้ายซิ่หลายยุค
ผสานบุกเพาะทรัพย์บูรณ์
ขยับผ้ายขยายพูน
พิกลพิษพิกฤตเผย

	เสมือนในสมัยนี้
มิหลบลี้ประลาตเลย
ประดังขุดประดุจเคย
สะดวกข่มสะดมคาม

	คระไลคล่องคระลองเคลื่อน
กระเท่ห์เงื่อนกระทำงาม
และอรรถล่อลออหลาม
จะเชิดหล้าประชาเลอ

	เสลาสวยสลวยสิ่ง
แน่ะ ความจริงมิเคยเจอ
ผิว์หลงพล้ำถลำเผลอ
กระบิดผวนกระบวนผัน

	ประเดี๋ยวนี้เปรอะดีนัก
ผสมพรรคผสมพันธุ์
นราทัพน่ะรับทัณฑ์
ฤทัยถดระทดถม

	ระอิดหนาระอาหนอ
เขดาส่อคุแดซม
กระเทือนใจไผทจม
อนาถจิต....อนิจจา!!

(๑๖ กัญญายน พ.ศ. ๒๕๕๐)

ข้อความทิ้งท้าย
เห็นพวกพรรคการเมืองทั้งหลาย รวมกลุ่ม แตกกลุ่ม แล้วอนาถใจจริงๆครับ เฮ่อ! การเมืองไทย ถอยหลังเข้าคลองอีกแล้ว กลุ้มจริงๆครับผม				
12 กันยายน 2550 12:18 น.

บวงสรวงเสาชิงช้า

ตราชู

บวงสรวงเสาชิงช้า

โคลง ๔ สุภาพ

	เชิญทวยเทเวศท้าว...............ธรรมธรง
ลอยล่องครรไลลง...............แหล่งหล้า
อวยสิทธิ์อิทธิ์อันประสงค์...............ประเสริฐศักดิ์
ชมชื่น เสาชิงช้า...............เชิดชี้เฉิดฉาย

กาพย์ขับไม้

	วอนไท้ไหว้แถน
เนืองส่ำหนำแสน
มวลแมนมากมาย
ศักดิ์ยงทรงเยื้อง
เชิญมาชมเมือง
รุ่งเรืองเรียงราย
พรแพร้วแผ้วพราย
สืบสรรค์ สืบสาย
เสาชิงช้าชู

	ชิงช้าช่วย-ใช้
แกว่งวัดกวัดไว
กว้านภัยกวาดภูว์
ดลศรีดีสม
ลาญไข้ไล่ขม
สิ่งตรม ศัตรู
เกลื่อนดาษกลาดดู
ยลพล่านย่านผลู
หลากผู้หลายพล

	เคืองแสน แค้นเสี้ยน
ผวนหันผันเหียน
วิ่งเวียนวุ่นวน
รอหมายร้ายมาด
แปลงฉลปล้นชาติ
เลวกาจเล่ห์กล
ไล่ช่วง ลวงชน
ซ้อนซับสับสน
เบียนสัตย์ บัดสี

	ชิงช้าช่วยไล่
เข็ญสรรพขับไส
ออกไปอัปรีย์
เย็นเนาเหย้านิตย์
ร้ายผ่อนร้อนพิษ
โพยฤทธิ์ไพรี
สุขมานศานติ์มี
เนื่องปาณนานปี
ปวงไทยไทเทอญ

(๑๑ กัญญายน พ.ศ. ๒๕๕๐)

หมายเหตุ
บทนี้เขียนขึ้น เนื่องในมหามงคลวโรกาจที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จฯ ทรงร่วมสมโภชเสาชิงช้าเย็นวันที่ ๑๒ กัญญายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ครับผม

คำชี้แจง
	ในวิธีโล้ชิงช้า หรือ ตรียัมปวาย ของพราหมณ์สมัยก่อนนั้น ท่านจะได้ใช้คำประพันธ์ชนิดใดสำหรับการสวดสรรเสริญเทพเจ้า ผมเองไม่ทราบจริงๆครับ ที่ลองเสี่ยงแต่งโดยใช้ฉันทลักษณ์กาพย์ขับไม้ เพราะเห็นเป็นรูปแบบร้อยกรองเก่าของไทยเราอย่างหนึ่ง กับทั้งนึกได้ยินเสียงพราหมณ์แกว่งบัณเฑาะว์ในการอ่านกาพย์ขับไม้กล่อมช้างอีกอย่างหนึ่ง อีกประการนั้นเล่า จะใช้ฉันท์แต่งบทบำบวงก็เคยทำมาแล้วจึงลองแปรเปลี่ยนใช้ฉันทลักษณ์ซึ่งหัดเล่นดูไม่บ่อยนักแทน ทั้งนี้ อาศัยศึกษาจากแผนผังในตำราเรียน และหนังสืออ่านประกอบเล่มต่างๆ รวมถึงตัวอย่างจากกาพย์ขับไม้กล่อมช้างพัง พระนิพนธ์ในสมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส รวมถึงบทกวีชื่อ ดุษฎีสังเวย ของ ท่านอาจารย์แรคำ ประโดยคำ หนังสือกวีนิพนธ์ซีไรต์ ในเวลา  เป็นแม่บท หากเกิดข้อผิดพลาดอย่างไรขึ้น ผมกราบขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับผม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตราชู
Lovings  ตราชู เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตราชู