28 พฤษภาคม 2551 08:36 น.
ตราชู
ก็อย่าร้องเพลงชาติไทยต่อไปเลย
(แรงบันดาลใจจากบทกวีชื่อ เพลงชาติ ของ ท่านอาจารย์นภาลัย สุวรรณธาดา ครับผม)
พิรุณปรูพรูพร่างเพื่อสร่างร้อน
ไม่อาจรอนอารมณ์อันบ่มรุ่ม
ความชิงชังรังเกียจยังเครียดคลุม
เตรียมเข้ารุมเร่งโหมฮึกโรมรัน
ยิ่งนานนักหนักข้อยิ่งก่อเค้า
ยินเสียงเล่าร่ำลือเอิกอื้อลั่น
ใครบูชามหาราช รักชาติครัน
แหละใครหมั่นหมายหมิ่นราคินมอม
เกี่ยวเชื่อมโยงโครงข่ายขยายใหญ่
จนหลั่งไหลร้อนระเริงราวเพลิงหลอม
ไม่มีผู้รู้ขยดรู้ลด ยอม
มีแต่พร้อมรวมพลังพลพรั่งพรู
ฤาครั้งนี้นี่เลือดใกล้เดือดแล้ว
เพื่ออวดแกล้วเกียรติศักดิ์แห่งนักสู้
ใครมันผิดคิดเผ่าแผกเหล่ากู
ต้องพันตูแต่ต้น...เอาจนเตียน
ตะลุยเชือดเลือดกระฉ่อนเช่นก่อนกี้
กี่สิบปี...เมืองไทยก็ไม่เปลี่ยน
ฟังเพลงชาติประกาศมาอยากอาเจียน
ฟังจนเลี่ยนลิ้นลมบรรสมลวง
ไทยนี้รักสงบ บัดซบแสน
ช่างน่าแคลนความขลังที่หลั่งร่วง
เห็นน้ำตาบ่าเติม พูนเพิ่มตวง
ตั้งหลายช่วงชุนละมุนมุ่งรุนแรง
ตราบยังเลื่อนเคลื่อนหลักความรักสงบ
โปรดอย่ากลบพฤติกรรมกล่าวคำแกล้ง
ตราบหลายคั่วมัวปะทุ มัวยุแยง
โปรดอย่าแผลงพล่ามพร่ำอย่างลำพอง
ถ้าโหดเหี้ยมเตรียมนัดประหัตประหาร
ก็อย่าขานคำเพ้อเสนอสนอง
ถ้าเตรียมเชือดเลือดไทยท่วมไหลนอง
ก็อย่าร้องเพลงชาติไทยต่อไปเลย
แด่ประเทศไทย ที่ใกล้วิกฤต เพราะความคิดต่างคั่ว ครับผม
(๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
23 พฤษภาคม 2551 07:57 น.
ตราชู
สยามเซ
ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ (ลีลาฉันท์เยี่ยงนี้ ผมเรียนรู้จากงานของกวีหลายท่าน มี ท่านทวีปวร, ท่านคมทวน คันธนู เป็นอาทิ ครับผม)
สยอนยามสยามย่น
สยดยลแสยงเยือน
ธเรศหม่น ทุรนเหมือน-
มลักม้างมล้างมรณ์
พิเรนทร์ผุดพิรุธภาพ
ระบมบาป ระบาดบร
ขนัดหน้าคณาหนอน
ประจงนบ ประจบนาย
แฉลบฉีกฉลีกเฉ
กระทดเล่ห์กระทำลาย
จะแก้หมด...เจาะกฎหมาย
ผสมใหม่พิสัยมัน
อุบาทว์นายอุบายนิตย์
กระวนผิดกระหวัดพัน
ประชิดคุม ประชุมขันธ์
สมัครคุ้นสมุนคอย
สถิตค้าง เสาะทางค้า
ละเลงหล้าละเลิงลอย
กระซวกซั้น กระสันสอย
สะดวกสมสะดมโซม
สนัดบุก สนุกบั่น
สะทึกครันสะเทือนโครม
สะท้านทุนสถุลโถม
พิลึกถั่งพลังเท
สะทกพรั่น สุธรรม์พรั่ง
ถล่มพังทลายเพ
กระดอนหกกระดกเห
ระดาษหื่นระดื่นเห็น
กระหายคั่ง กระหังเข้า-
กระเดือกเอากระดูกเอ็น
กระจัดผ้ายกระจายเพ็ญ
ขย่มพลิก ขยิกผลาญ
กระทั่งแทรกกระแทกสวม
ประเชิญอ่วมประชาอาน
ผะผ่าวสบ พิภพซาน
สยองทราม....สยามเซ!!!
แด่ความคิด กลอุบายเสนอให้มีการลงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญอันแฝงเลศนัยของรัฐบาลชุดนี้ ครับผม
21 พฤษภาคม 2551 10:40 น.
ตราชู
รานพนมรุ้ง
สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
โอ้...องค์ปรางคพิมานอุฬารอมรแมน
ศรัทธาคณาแถน
ณ ธรรม์
ศักดิ์สิทธิ์บงบริบูรณ์จรูญสมยะบรรพ์
คุณค้ำประจำขัณ-
ฑคาม
จรรโลงหล่อหทยาประชากษณะยาม
ยลวาวสกาววาม
ไสว
อา...ปราสาทนฤมิตประดิษฐ์พิศละไม
บันดลเคราะห์กลใด
ระดม
ใครหนอโถมพละถั่งกระทั่งทิพระทม
ทุบโถมคระโหมถม
สถาน
บีฑาทารุณโพยประโดยวิสยพาล
รวดร้าวระด่าวราน
อุรา
ใครนั่นมานน่ะไฉนกระไรมิวฒนา
ใกล้ชิดเกาะมิจฉา
ผชุม
ทำถ่อยโทสะกลีทวีภยละลุม
ซ้ำซ้ำกระหน่ำสุม
สกรรจ์
โอม...ขอองค์มรุครองฉลองพระคุณครัน
เพ็ญฉายผกายฉัน
เฉลิม
บำรูเบิกบุญแต่งแสดงกรุณย์เติม
ดีได้ละม้ายเดิม
ผดุง
โอม...เทวิศร์กฤตยาคุณากรพยุง
แหล่งรมย์ พนมรุ้ง
รุจี
เพื่อบวงบูชิตเปรมเกษมกุศลปรีดิ์
ทูนเทิดประเจิดที-
ฆะเทอญ
(๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
หมายเหตุ
ผมเขียนงานชิ้นนี้ขึ้นจากเหตุการณ์คนใจบาปทำลายปูชณียวัตถุในปราสาทหินเขาพนมรุ้ง ครับผม
7 พฤษภาคม 2551 07:47 น.
ตราชู
ฟ้าลุ่มอิระวดี
(แรงบันดาลใจของชื่อกลอน จากเนื้อเพลงประกอบละคร ผู้ชนะสิบทิศ ประพันธ์โดย ท่านอาจารย์ไศล ไกรฤกษ์ วรรคแรก ท่อนแรก ครับผม)
ฟ้าลุ่มอิระวดี รังสีดับ
วูบวับไหวผวาเวหาหาว
ฟ้าลุ่มอิระวดี ไม่มีดาว
คืนเหน็บหนาวหนักหน่วงร้าวทรวงใน
ฟ้าฝนโหมโครมครามคำรามหนัก
สังเวชนัก หันหน้าไปหาไหน
เห็นแต่หน้าบ่าล้นหลั่งชลนัยน์
ยินแต่ไห้โหยหวนคร่ำครวญฮือ
สบแต่ศพซบซอนซับซ้อนศพ
วายุกลบกลืนกลายละลายหรือ?
มือใดเล่าเฝ้าประสานสมานมือ
ท่ามกลางมื้อหมองหม่น....หลายชนมรณ์
ภัยการเมืองเคืองหมางยังค้างหมอง
ผู้ปกครองขี่ข่มขย่มสยอน
แล้วมิหนำธรรมชาติพิฆาตรอน
จักเวียนว่อนเวทนาทั้งตาปี
โอ้เมืองม่านวารวนมิพ้นม่าน
ทุกเหย้าย่านทุรยุคคล้ายถูกขยี้
ขอแสงซึ่งตรึงตราส่องธาตรี
ลบโศกีกรมระกำ กลบน้ำตา
ฟ้าลุ่มอิระวดี จงศรีเด่น
อำนวยเน้นสุขนันท์ในวันหน้า
ให้วามพราววาวแพรววับแววนภา
ให้ดาราเรียงระดะ อิระวดี
แด่โศกนาฏกรรมอันเกิดจากมหันตภัยทางธรรมชาติในประเทศพม่า ครับผม
(๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๑)
23 เมษายน 2551 11:01 น.
ตราชู
วอนแม่โพสพ
(ประดิษฐกานท์กลอนแบบ ๓ ๕ ๘ เยี่ยงนี้ ผมศึกษาจากงานของกวีหลายท่าน มี ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ท่านคมทวน คันธนู เป็นอาทิ ครับผม)
โอ้ธัญญ์แท้แน่เที่ยงเคยเลี้ยงท้อง
มากมูลมองแม่นมั่นแต่บรรพ์สมัย
จารึกจำค้ำจุนเคยคุ้นใจ
เรี่ยวแรงไร้ ริบหรี่กลับมีแรง
กาลบัดนี้นี่หนอเห็นต่อหน้า
คล้ายบาปกล้าบ้ากลั่นบุกบั่นแกล้ง
เกิดผลพวงพ่วงพามูลค่าแพง
หัวอกแล้งอ่อนล้านั่งตาลอย
ยิ่งตามยอกตอกย้ำเต็มย่ำแย่
ยิ่งท้อแท้รันทดแรงลดถอย
ลดราคาค่าข้าว ทุกคราวคอย
คนเงินน้อยเงยหน้าน้ำตานอง
คนกลางตักกักตุนเติมทุนต่อ
เงินเคลียคลอคลาไคลกำไรคล่อง
เขาเสพรสสดร่ำข้าวสำรอง
ไม่ร่ำร้องร่อนเร่หรือเรรวน
เราร้อนรุมรุ่มร้ายหวังฝ่ายรัฐ
ก็อาสัตย์เสื่อมทรุดชำรุดกระสวน
ล้นสุขนัก ศักดิ์หนำเล่นสำนวน
หัวร่อร่วนแรมร้างเหินห่างเรา
ลูกร่างซูบรูปโซแม่โพสพ
ลูกซอนซบสิ้นศรีฤดีกระเส่า
แม่โปรดแบ่งแรงเบียนให้เปลี่ยนเบา
อย่าปล่อยเหล่าลูกทั้งหลายให้ตายเลย
(๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๑)
ข้อความทิ้งท้าย
ผมรู้จากคุณยายท่านว่า ข้าวสาร ๑ ถุง ๕ กิโลกรัม ราคาขึ้นไปถึงสองร้อยกว่าบาทแล้ว พูดไม่ออกเลยครับผม