21 กุมภาพันธ์ 2548 01:09 น.
ดาวอังคาs
ช่วยบอกฉันหน่อยซีเฟมินิสต์
ในความคิดในความหมายกระไรหรือ
ทำทุกอย่างทัดเทียมชายสบายมือ
ท่านยึดถือสิ่งใดเช่นเป็นหลักคม
ช่วยสงเคราะห์ฉันหน่อยฉันผู้น้อย
ฉันยังด้อยเรื่องลึกซึ้งถึงเหมาะสม
อันตัวฉันโง่เง่าหลายช่วยคลายปม
ความระทมอาจหลุดเร้นกระเด็นดอน
ท่านนึกชังชายโฉดชั่วมั่วหญิงง่าย
พล่าหัวใจอิสตรีที่เคียงหมอน
หลบหายจากฝากรอยช้ำน้ำตาคลอน
ฝันหลอกหลอนเป็นผีบ้าอุราราน
ท่านสร้างแรงจูงใจมวลหมู่หญิง
เห็นความจริงสังคมเหยีบบย่ำต่ำชั้น
ชี้ให้เห็นว่าเป็นมาช้าแต่บรรพ์
ถึงคราวฉันต้องฮึดสู้กู้ความจริง
ฉันชมเชยหัวใจสาวกร้าวแกร่งได้
ฉันภูมิใจสังคมนี้มีผู้หญิง
ที่มายืนหยัดลุกไล่ไม่ประวิง
นั่นคือสิ่งสมควรแท้แล้วแม่งาม
สิ่งที่ฉันข้องจิตตระหงิดนัก
เรื่องความรักของฉันนี้มีคำถาม
อาจได้รับแรงจูงใจไหนก็ตาม
ถึงนี้ยามคราวของหญิงทิ้งฉันไป
ใช่ว่าฉันหยันหยามเหยียดเกียรติผู้หญิง
ทำทุกสิ่งเท่าที่ฉันจะทำได้
อยากบอกว่าฉันรักเธอมากกว่าใคร
อุทิศใจไม่เคยกร้ายปรายตาชู้
นี่หรือสิ่งรวมที่เธออยากเท่าทัน
ทอดทิ้งฉันเปล่าเปลี่ยวร้อนนอนคุดคู้
ชายทำได้หญิงทำได้ร้ายน่าดู
ฉันอยากรู้เกี่ยวรวมไหมในทัดเทียม
20 กุมภาพันธ์ 2548 17:50 น.
ดาวอังคาs
ถักทอเวียนวุ่นสร้าง โยงใย
เดินดุ่มเหินคลาไคล ไต่ต้อย
เป็นบ้านช่องเรือนได้ ใช้อยู่ กินเฮย
เจ้าเอกวิศวะน้อย รัดร้อยอัศจรรย์
ทอปั่นมานะไว้ รานรอน
อาวุธแสนยากร คือเหย้า
ว่อนไปร่อนมาจร ติดหนับ จับนา
ใยปล่อยม้วนพันเคล้า จ่อเฝ้าแมลงปวง
ดวงจันทร์อวดโผล่แล้ว คืนแรม
น้ำหล่นค้างวาวแวม ชุ่มแพร้ว
หยดน้ำพร่างเม็ดแซม เรียงเราะ รายแฮ
วาววับใสดุจแก้ว แจ่มแล้วจรัสงาม
ขุดงานเก่าเฉลียงมาฟัง ใยแมงมุม
ประทับใจในดนตรีเพลงนี้ที่งดงาม
เป็นงานศิลปชิ้นหนึ่ง ที่ตัวเองไม่อาจละเลยไปได้
***ขอบคุณ คุณทิกิที่ช่วยดูแลฉันทลักษณ์โคลง 3 บทนี้ด้วยจ้ะ***
20 กุมภาพันธ์ 2548 02:18 น.
ดาวอังคาs
ขอท้าวความย้อนกลับไปยัง
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_71233.php
ร่วมวงเมา
ผู้หญิงไร้เงา
วันสิบห้ากุมภาพันธ์ปีสีแปด
เหมือนโดนแดดเผาไหม้ใจเสื่อมสูญ
คนเคยรักห่างหายไร้เพิ่มพูน
ทวีคูณความเศร้าเจ้าน้ำตา
ช่างโดดเดี่ยวเดียวดายทางสายโศก
แสนวิโยคเรื่อยไปไม่หรรษา
เมื่อความรักภักดีที่มีมา
ไม่มีค่าให้เขาเฝ้าผูกพัน
จึงขอกินกับแกล้มแถมด้วยเหล้า
เพื่อให้เงาความภักดีมีเหหัน
แล้วจางหายจากไปในสักวัน
เพื่อให้ฉันไม่ต้องเฝ้าเจ้าน้ำตา
และ
แล้วก็ถึงวันรำพึงถึงสหาย
หลังจากกลายหายพรากไปจากหญิง
ที่เคยมั่นปองหมายไกลความจริง
สุดประวิงเวลาน่าระทม
มาตบหลังตบไหล่มาไถ่ถาม
มาสอบความในใจที่ไม่สม
กำลังใจไหลหลั่งยั้งระบม
ปล่อยอารมณ์เฮฮาเพื่อนพาไป
อยู่ในวงเพื่อนกินเหล้าเรากินน้ำ
เพื่อนไถ่ถามไหงไม่กินกูรินให้
บอกมันว่าเฮ้ยไม่หนอขอขอบใจ
น้ำอำพันนี่แหล่ะไซร้ให้กูตรม
ยามนี้หนอคือตัวฉันต้องการสติ
สมาธิกระเด็นแน่แผ่เกลือกฉม
จักฟุ้งซ่านรานรอนใจไม่น่าชม
อกหายขมอารมณ์ปองถองให้กลิ้ง
เล่นกีต้าร์ร้องรำทำเพลงเปล่ง
ปล่อยบรรเลงครั้งเหมือนเคยก่อนเชยหญิง
คนหนึ่งจากลาร้างห่างคนอิง
พบความจริงว่าเพื่อนกูอยู่ที่เดิม
และ
ถึง คุณดาวอังคาร
เมื่อเพื่อนมาตบไหล่และไถ่ถาม
ถึงความเศร้าเฝ้าติดตามไม่ห่างหาย
ว่าเป็นไงเพื่อนเกลอเผลอเดียวดาย
ยามห่างชายที่รักปักฤทัย
จึงได้บอกเพื่อนเอ๋ยเราเคยเศร้า
สุขมิเฝ้าตั้งแต่จากพรากไฉน
เหมือนยามนี้เลยมีน้ำอำไพ
เป็นเพื่อนใจคอยปลอบจึงตอบเธอ
แม้ระทมจมทุกข์มิรุกล่า
ยามที่ส่างพร่างตามาเพียงเพ้อ
ก็ยังดีมิใช่หรือเพื่อสื่อเจอ
ความสดใสที่พร่ำเพ้อละเมอรอ
ซึ่งขอเพื่อนสักแก้วแล้วค่อยว่า
จะอย่างไรหละหนาเราร้องขอ
ดื่มเป็นเพื่อนกับฉันนั้นเพียงพอ
อย่าได้ทำให้เราหนอต้องเศร้าใจ
ว่าเพื่อนดื่มเพื่อนกินยังสิ้นหมด
รักที่มีจะปรากฏได้ไฉน
จึงขอเพื่อนสักแก้วแล้วค่อยไป
นะจ๊ะเพื่อนอย่าร่ำไรร่วมดื่มกัน อิอิ
*-*ดื่มสักแก้วแล้วกันนะจ๊ะ แหมจะดื่มแต่น้ำเปล่าทำไม เหล้าแถมกับแกล้มนะ น้ำเปล่าไม่ของแถมหละ รู้เปล่าหละค่ะ อิอิ*-*
และ
ดื่มก็ดื่ม
บอกเอาเหวยเอาวะเอามาแก้ว
ตกลงแล้วดื่มก็ดื่มลืมเรื่องร้าย
มีเพื่อนดื่มร่วมหัวร่อร่วมรู้ใจ
ตกอยู่ในห้วงร้าวคราวเดียวกัน
อยากบอกว่าวันนี้ดื่มให้ลืมช้ำ
มาร่วมขำเรื่องอื่นอื่นฟื้นสุขสันต์
หยิบกีต้าร์มาหน่อยน้องร้องเพลงพลัน
เปล่งตะบันเสียงสุดก้องร่ำร้องไป
เรื่องไหนโจ๊กหยิบมาเล่าเอ้ามาเลย
เอ้าวะเหวยขำจริงหนอส่อเสียงใส
มีดนตรีคั่นเคล้าเกากันไป
อย่าขุดโศกขึ้นมาให้ป่วนกมล
ยินดีหลายได้มิตรแท้แม่เพื่อนใหม่
พบกันได้จิตจดจับยามสับสน
หลังจากลาดื่มพอตึงพึงให้ยล
เคล้าระคนมีทุกขังฝังกันไป
บ้างร้ายบ้างดีบ้างวางใจนิ่ง
จิตรู้จริงเท่าทันทั่วตัวผ่องใส
มีชีวิตคิดนานนานอย่าผลาญใจ
ด้วยเมรัยให้ช้ำชอกตอกใจเลย
คอนเซปยังเหมือนเดิม
ดื่มตอนสุข
อย่าดื่มตอนทุกข์
นะจ๊ะ
16 กุมภาพันธ์ 2548 00:25 น.
ดาวอังคาs
แล้วก็ถึงวันรำพึงถึงสหาย
หลังจากกลายหายพรากไปจากหญิง
ที่เคยมั่นปองหมายไกลความจริง
สุดประวิงเวลาน่าระทม
มาตบหลังตบไหล่มาไถ่ถาม
มาสอบความในใจที่ไม่สม
กำลังใจไหลหลั่งยั้งระบม
ปล่อยอารมณ์เฮฮาเพื่อนพาไป
อยู่ในวงเพื่อนกินเหล้าเรากินน้ำ
เพื่อนไถ่ถามไหงไม่กินกูรินให้
บอกมันว่าเฮ้ยไม่หนอขอขอบใจ
น้ำอำพันนี่แหล่ะไซร้ให้กูตรม
ยามนี้หนอคือตัวฉันต้องการสติ
สมาธิกระเด็นแน่แผ่เกลือกฉม
จักฟุ้งซ่านรานรอนใจไม่น่าชม
อกหายขมอารมณ์ปองถองให้กลิ้ง
เล่นกีต้าร์ร้องรำทำเพลงเปล่ง
ปล่อยบรรเลงครั้งเหมือนเคยก่อนเชยหญิง
คนหนึ่งจากลาร้างห่างคนอิง
พบความจริงว่าเพื่อนกูอยู่ที่เดิม
นี่เลยของคุณผู้หญิงไร้เงา @_@ เมาแอ๋อยู่
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_71233.php
12 กุมภาพันธ์ 2548 22:47 น.
ดาวอังคาs
+ดอกเหมย+
ดอกเหมยดอกน้อย
จิดเจ้าเคลื่อนคล้อย ฝันถึงสิ่งใด
ชีวิตตื่นเต้น โผนเผ่นโจนไป
มิวางดวงใจ เอาไว้สักทาง
ดอกเหมยดอกสวย
เจ้าช่างร่ำรวย อารมณ์ล้านอย่าง
อยากทำนู้นนั้น ถลันปีกกาง
อยากดูโลกกว้าง ก็บินหนีไป
ดอกเหมยดอกซน
หรือเจ้าสับสน หรือเจ้าอ่อนไหว
จะทิ้งกันลง ฉันคงทำใจ
ดอกเหมยดอกใส ขอให้ไปดี
+ดอกท้อ+
ดอกท้อดอกช้ำ
ทรุดสุดระกำ ซมซานปานผี
มานั่งทวนทบ ต้องจบกันที
ปีกเหล็กพาลี้ จากไปใจรัว
ดอกท้อดอกเน่า
มองดูตัวเรา รู้เช่นเห็นชั่ว
มิอาจหลบเร้น ความเห็นแก่ตัว
เกลือกเคล้าเมามัว ไม่ยอมปลดปลง
ดอกท้อดอกเหมย
อย่าเศร้าไปเลย ไม่ดั่งประสงค์
จะเปิดใจกว้าง ปล่อยวางมั่นคง
ลดละลุ่มหลง เปิดทางนางจร