15 พฤศจิกายน 2548 20:48 น.
ดาวอังคาs
ผมกับแฟนรักกันมา กว่าสามปี
ฤกษ์ยามดีจึงบอกนางวางแผนแต่ง
เรียกผู้ใหญ่สองฝั่งนั่งแจกแจง
แต่คลางแคลงเพียงเรื่องราวน้องสาวเธอ
ที่ชอบแต่งรัดทรงกระโปรงพลิ้ว
ตัวเล็กจิ๋วให้ดูอยู่เสมอ
หุ่นอวบอิ่มผิวขาวทำเอาเบลอ
ยามคนเผลอชอบเฉียดใกล้ส่งสายตา
น้องของแฟนโทรหาฉันในวันหนึ่ง
บอกให้บึ่งมาพบทีนะพี่จ๋า
เพื่อมาตรวจการ์ดแต่งงานนั้นส่งมา
พอไปหาจึงได้รู้อยู่ลำพัง
เธอประชิดเข้ามากระซิบหู
บอกให้รู้สิ่งที่หมายแทบหงายหลัง
อยากกุ๊กกิ๊กพี่มานานสุดต้านยั้ง
แค่เพียงครั้งก่อนพี่เจ้าเข้าวิวาห์
น้องจะเดินเข้าห้องเพื่อลองใจ
โปรดตามไปหากมุ่งมาดปรารถนา
พร้อมทั้งถอดยกทรงหล่อนร่อนโยนมา
ฉันแทบบ้าออกจากบ้านในทันที
มีโรงรถเป็นเป้าหมายใส่ตีนหมา
พลันเหลือบเห็นพ่อตาหน้ายิ้มปรี่
ดูแช่มชื่นสุขาประดามี
อยู่ตรงนี้ได้อย่างไรให้งงงวย
พ่อตาบอกเจ้าผ่านด่านทดสอบ
ที่ไม่ลอบแอบเข้าห้องน้องคนสวย
สวรรค์คงส่งเจ้ามาฟ้าอำนวย
เหมือนถูกหวยลูกเลือกคุณคงอุ่นใจ
จบนิทานคำกลอนเชิงสอนสั่ง
จำทุกครั้งรับเข้าเอาใจใส่
ซ่อนในรถทุกครั้งระวังระไว
"อย่าเผลอไผลเก็บถุงยางไว้ข้างตัว"
13 พฤศจิกายน 2548 20:30 น.
ดาวอังคาs
เปิดหน้าต่างครั้งใดให้เหน็บหนาว
เหมือนจะร้าวถึงขั้วหัวใจข้า
ลมเจ้าเอยหอบเอาความหนาวมา
ไล้กายาสะท้านสุดทานทน
หากวันนี้เธอเพียงเคียงประคอง
คงไม่ต้องทนกับความสับสน
กับลมหนาวที่พัดลู่สู่กมล
ที่แฝงปนด้วยความเหงาเข้าแทงใจ
จึงมาวอนลมจ๋าอย่าพัดแรง
ข้าใจแกว่งโยกโยนเอนโอนไหว
พาลคิดถึงความรักที่จากไกล
ช่วยผ่านไปอย่างแผ่วเบาเย้าพองาม
เธอจะหนาวเท่าฉันเหมือนกันไหม
แค่ละเมอออกไปใช่คำถาม
เธออยู่ไกลเกินคิดจะติดตาม
ต้องทนความหนาวเหน็บเจ็บลำพัง
9 พฤศจิกายน 2548 00:01 น.
ดาวอังคาs
อย่ามาเค้นฉันมากคนปากหนัก
คำว่ารักพูดน่ะง่ายแต่ไม่เอ่ย
จะเว้นไว้ไม่บอกหรอกทรามเชย
ฉันพูดเปรยหลายครั้งยังแง่งอน
โทรศัพท์ก็โทรปลุกอยู่ทุกวัน
มีของขวัญให้เสมอยามเจอหล่อน
นิ่งรับฟังปัญหาอย่างอาทร
ก่อนเข้านอนยังกำชับหลับฝันดี
ไม่เคยทำกริยาน่าสงสัย
ว่าหัวใจจะคิดพรากจากโฉมศรี
จะไปไหนบอกให้รู้อยู่ทุกที
เคยไหมที่สักนิดติดแคลงใจ
คงไม่พอใจหล่อนงอนอยู่อีก
ที่ฉันหลีกเลี่ยงคำนั้นเธอฝันใฝ่
ต้องโกหกเสียทีละจะเป็นไร
ถามอีกทีจะตอบให้ "ไม่รักเธอ"
4 พฤศจิกายน 2548 00:11 น.
ดาวอังคาs
น่าเห็นใจเจ้าควายตะพายร้อย
เดินลิ้นห้อยกลางนาน่าสงสาร
เหมือนเกิดมาใช้กรรมทำแต่งาน
ดุ่มดักดานน่าเหนื่อยใจรับใช้นาย
ซ้ำปวดอกที่ใช้ชื่อมาถือด่า
ดูไร้ค่าชีช้ำหมดความหมาย
มนุษย์ก่นด่ากัน "ปัญญาควาย"
จะปากร้ายก็พาดพิงอิงกระบือ
สั่งไปซ้ายหากย่างไปทางขวา
ต้องโทษาประกาศิตไม่คิดหือ
ลงแส้หวายหวดเอามิเบามือ
บ่ดึงดื้อต่อกรย้อนขวิดเอา
หากปีไหนข้าวกล้าราคาต่ำ
เขาอาจห้ำเชือดคอรอคนเหมา
หมดความหมายถีบพ้นโถคนเรา
ควายยืนเศร้าน้ำไหลพรากจากสองตา
เกิดชาตินี้ผิดพลาดชาติกาสร
ยามม้วยมรขอจบกันอันบาปหนา
เกิดชาติใหม่ให้ผ่องพรรณเลิศปัญญา
อย่าเกิดมาเพียงถูกลากตามปากนาย