7 กุมภาพันธ์ 2548 01:03 น.
ดาวอังคาs
ที่นี่คือที่ไหน ลมเฉียดกายไล้ผิวเย็น
หมอกขาวพราวพร่างเห็น กลมเดือนเพ็ญเต็มเป็นวง
มีฉันอยู่คนเดียว หาแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าหลง
ขบคิดจิตพะวง ครุ่นงุนงงทรงยันยืน
ย่างเหยียบเหินเดินฝ่า ผ่านมรรคาแคบแฉะชื้น
ท่องผ่านกาฬย่ำคืน มิอาจฝืนต้านทานจร
จุดหมายคือที่ใด มิรู้ได้ไม่อาจย้อน
อาจเป็นอีกนาคร ได้หลับนอนไปชั่วกาล
1 กุมภาพันธ์ 2548 21:42 น.
ดาวอังคาs
.....วันหนึ่งวันนั้น.......ไม่เหมือนทุกวัน.......เงียบเหงาเศร้าซม
วันหนึ่งผ่านไป.......อกไหม้ใจขม.......สบความทุกข์ตรม.......วันหนึ่งพ้นกัน
........วันหนึ่งเลวร้าย........ใช่! ฉันเข้าใจ........หมดแล้วความฝัน
ลมลมแล้งแล้ง.......เหือดแห้งหมดพลัน.......วันหนึ่งหนึ่งวัน.......นี่กรรมหรือเวร
.......แสร้งยิ้มผ่านวัน.........นาทีผ่านผัน.........ลำบากยากเย็น
บอกใครไม่ได้........เป็นสายกระเซ็น........แอบหลบซ่อนเร้น........ร้องไห้อายคน
.......ฉันจะเข้มแข็ง.......ฉันจะกล้าแกร่ง.......ฉันจะอดทน
ฉันจะผ่านวัน.......แม้มันสับสน.......เวลาหมุนวน.......คงช่วยบรรเทา
1 กุมภาพันธ์ 2548 21:38 น.
ดาวอังคาs
วันหนึ่ง ลาเร่ร้าง ห่างจร
วันหนึ่ง เคียงเพียงหมอน พ่ายแพ้
วันหนึ่ง รุ่มรุมร้อน ฝันใฝ่ ให้เธอ
วันหนึ่ง ยาวนานแท้ เคลื่อนแล้วแก้วกู
วันหนึ่ง ฝันใฝ่สร้าง คู่เรือน
วันหนึ่ง พบพานเยือน คู่แก้ว
วันหนึ่ง ซึ่งมิเลือน เก็บเก่า จำจด
วันหนึ่ง หนึ่งคลาดแคล้ว หนึ่งลี้ระทม
25 มกราคม 2548 22:23 น.
ดาวอังคาs
เหงื่อกาฬไหลท่วมกายา สะดุ้งตื่นมา
หนักหนาฝันร้ายน่ากลัว
มือคลำหาสวิทช์ไฟมั่ว แสงลางลางมัว
สุดสลัวนิดน้อยแสงจันทร์
กดสวิทช์โคมไฟเร่งพลัน ป๊อกแป๊กเงียบงัน
เกิดอันใดขึ้นกันแล
หูตรับดับฟังเสียงแอร์ ไร้แล้วจริงแท้
คงแน่ไฟดับทำงาน
ฝันร้ายติดใจรังควาน ฝันเห็นหมู่มาร
ล้างผลาญเน่าเละเฟะฟอน
มากมายแมลงสาปตัวหนอน เดินยั้วเยี้ยร่อน
ชอนไชไต่ตามหน้าตา
เข้าปากเข้าหูทวารา ซุกไซร้ตัวข้า
ไร้ล้ากำลังไหวติง
ตื่นแล้วใจยังประวิง ว่ามันยังวิ่ง
ไหวว่องล่องเรื่อยเลื้อยกาย
ได้กลิ่นเน่าเหม็นแทบตาย หรือว่าคิดไป
หรือว่ามันมาแน่นอน
ลมซัดม่านพัดปลิวว่อน ตึงตังพังกลอน
จิตหลอนไร้การควบคุม
ถดกายติดชิดห้องมุม คว้าหมอนกอดกุม
ชันเข่าจับเจ่าลนลาน
ตัดใจกวาดหามือควาน ไฟฉายอันนั้น
ของฉันตั้งไว้ข้างเคียง
กำแน่นมือชื้นฟังเสียง อะไรปลายเตียง
มือเอียงเฉียงไฟฉายดู
ฉันว่าได้ยินสองหู ประสาทรับรู้
ห้องนอนมีจริงสิ่งใด
เหงื่อหนักตกพลั่กแตกไหล ไม่กล้าเปิดไฟ
มือค้างทิ้งไว้นิ่งนาน
ถ้าไฟฉายส่องฉาดฉาน กลับอันตรธาน
แท้จริงไม่มีสิ่งใด
ความฝันทำฉันคิดไป คงหลับลงได้
เบาใจจนเช้ารุ่งราง
แต่ถ้าเปิดไฟสว่าง เจอผีอวดร่าง
คงช็อคตาตั้งผมชัน
คืนนี้กลัวอะไรกัน ความมืดเท่านั้น
ฉากกั้นบังความเป็นจริง
กลัวความไม่รู้สรรพสิ่ง ความกล้าทอดทิ้ง
เราวิ่งออกจากปัญญา
เหตุผลไม่คิดนำพา บ่นบทมนตรา
ชะโลมจิตใจปลดปลง
สติมั่นแล้วกลั่นประสงค์ กำไฟมั่นคง
บรรจงชะสาดแสงไฟ
บางครั้งมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด
บางที สติ ก็มาช้ากว่าความกลัว
กลัว เรากลัวอะไรก็ไม่รู้ กลัวในสิ่งที่
ยังไม่เห็น ยังไม่เกิด
เราจะกล้าเปิดไฟไหม
เปิดเพื่อให้สบายใจว่ามันไม่มีอะไร
แต่ถ้าเกิดมันมีอะไร
เราจะพบกับสิ่งที่เรากลัวกว่าความมืดมากมาย
บางครั้งมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เราคิด
เราจะกล้าเปิดไฟไหม
19 มกราคม 2548 22:57 น.
ดาวอังคาs
๑ ใจเร็ว ด่วนได้
มัน เร็วเถิดเร่งหน่อยเถิดเจ้า งานฉันรีบเอา
จับเจ่าสิ่งใดกันฤา
ฉัน เห็นไหมฉันทำสุดมือ มิแกล้งไขสือ
ดึงดื้อก็จักวอดวาย
มัน ไม่รู้ฉันไม่เข้าใจ อยากได้ด่วนไว
เมื่อไหร่สำเร็จเสร็จที
ฉัน เร่งเร้าเข้าเสียสมาธิ อยากได้ของดี
ตรองถี่แล้วเจ้าต้องรอ
มัน โธ่เอย! เชื่องช้าจริงหนอ จบกันทีพอ
จะห้อไปฟ้องเจ้านาย
----------------------------------------------------------------------
๒ ดูกร
แจ้งถ้อยปล่อยเอ่ยอ้าง ฟังก่อน
หยุดบ่นอย่าเพ่อร้อน ด่วนได้
สงบจิตอย่าแคะค่อน อยากกล่าว วจี
กลอนแปดฟังเถิดไซร้ หนอเจ้าฟังคำ
๒ ดูกร (แก้ไข ๑๙-๐๓-๔๘)
แจ้งถ้อยปล่อยเอ่ยอ้าง....................ฟังดู
หยุดบ่นร้อนถากหู..........................ด่วนได้
สงบจิตอย่าไถถู...............................แคะค่อน ก่นเฮย
กลอนแปดฟังก่อนไซร้....................เถิดเจ้าฟังคำ
----------------------------------------------------------------------
๓ เต็มที่ที่ตีน
ธรรมดามนุษย์นี้เท่าที่เห็น
เท่าที่เป็นพระเจ้าชี้มีสองขา
แรกกำเนิดดั่งตะเกียบเสียบกายา
กวัดแกว่งคว้าไขว่อากาศอืดอาดไกว
เติบมาหน่อยค่อยมีแรงตะแคงพลิก
ขาดุ๊กดิ๊กไต่กระดืบคืบพอไหว
วันต่อเติมเพิ่มความแรงแซงคลานไป
สะสมวัยใหญ่โตกล้าขาแข็งแรง
ตั้งไข่ยืนลุกล้มครืนยืนขึ้นใหม่
เหยาะย่อไปไม่หันหลังหวังแสวง
เริ่มวิ่งเป็นเผ่นล้มแผ่แผลแสบแดง
มุ่งหวังแข่งแรงกว่าใครในโลกกลม
ดูขาฉันวันนี้มีสองข้าง
วิ่งหรือย่างใช้เดินทางอย่างใจสม
ใช้หลบหลีกกระโดดข้ามกล้ามอุดม
อกกลับขมตรมจิตราช้าเกินไป
อยากเคลื่อนที่โดยมุ่งหวังอย่างใจคิด
วิปริตผิดหวังมิดั่งหมาย
เป็นปรัชญาเจ้าจงจับรับทำใจ
ฉันมิใช่นกปักษาถาปีกบิน
ฉุกซักนิดคิดซักหน่อยปล่อยอย่าฝืน
มนุษย์ยืนเดินด้วยขามิถาผิน
วิ่งเต็มสูบได้เต็มที่นี่สองตีน
ไม่มีปีกจะโบยบินตามจินตนา