18 มีนาคม 2548 23:21 น.
ดาวอังคาs
สมการของ แอลเบิร์ต ไอน์ไสตน์ (Albert Einstein)
มีชื่อเสียงขจรขจายแต่ปางไหน
ถือเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่
สู่ความเข้าในหัวใจธรรมญาณ
อีเท่ากับเอ็มซีกำลังสอง (E = mc2)
สำพันธ์พ้องต้องคู่สองสถาน
เป็นหนึ่ง มวล อีกหนึ่ง พลังงาน
ฉันจะขานให้ฟังนะดังนี้
อันว่าอี (E) หมายถึงพละภาพ
พลังงานฝรั่งรับ เอน-เออะจิ (Energy)
อันเอ็ม (m) มวล หรือ แมส (Mass) ไงจำให้ดี
อีกหนึ่ง ซี (c) ชี้ค่าเร็วของแสงทอ
หรือว่าเราสลายมวลจำนวนหนึ่ง
ท่านจะพึงได้พละเท่ามวลหนอ
คูณเร็วแสง กำลังสอง ให้เพียงพอ
เอี่ยมละออก็ตรงสูตรพุฒิปัญญ์
สรุปถ้าสลายมวลเพียงน้อยนิด
จะได้พลังเกินกว่าคิดมหาศาล
ไอน์ไสตน์คิดค้นมาแต่ช้านาน
สมการนี้ที่มาพละ นิวเคลียร์ (Nuclear)
จากหนังสือเรื่อง เอกภพ เพื่อความเข้าใจในธรรมชาติของจักรวาล
วิภู รุโจปการ เขียน
ขอบคุณไอน์ไสตน์
และผู้มีหัวใจ นิวเคียร์เพื่อสันติภาพ
16 มีนาคม 2548 21:19 น.
ดาวอังคาs
อย่าย่ามใจเคยบอกไว้รักสุดขั้ว
อย่าหลงตัวผยองกร้าวราวราชสีห์
แอกบนคอกดบ่พักหนักเต็มที
ทุ่มทวีมีแต่ต่ำถูกย่ำใจ
เชือกผูกโยงชักหุ่นหมุนซ้ายขวา
เริ่มอ่อนล้าราโหยโรยร่วงหาย
ใยพันธะคงซักคราวร้าวละลาย
ดำเนินไปในหนทางต่างชะตา
อย่าย่ามใจเคยบอกไว้รักสุดสุด
ฉันไม่ใช่ยอดมนุษย์แกร่งหนังหนา
รับบทบาทถูกฟาดฟันบั่นบีฑา
อย่าย่ามใจว่าเวลาอีกยาวนาน
อย่าหลงเพลินเที่ยวเดินเล่นบนเส้นด้าย
กระทืบเล่นเย็นใจไม่สงสาร
เมื่อถึงคราวขาดผึงล้มตึงคลาน
คงเป็นกาลวันสุดท้ายใจลอยแพ
แล้วน้ำตาคาปรางค์จะจางสิ้น
หยุดชะรินลู่สู่ใจใส่บาดแผล
คงไม่มีเรื่องติดค้างในดวงแด
โอล่ะแม่แน่วแน่แล้วแคล้วกมล
วันสุดท้ายวันไหนวันสุดท้าย
อยู่หรือไป รักหรือเมิน เกินจะสน
อย่าย่ามใจว่ารักนี้พี่ทานทน
ได้หลุดพ้นมงคลแล้วแก้วพญามาร
16 มีนาคม 2548 12:58 น.
ดาวอังคาs
ถูซิถูท่อนไม้ที่ตายซาก
ซากปรักหลากสีสันพันผ้าขลัง
กลิ่นธูปเทียนเวียนวนคลุ้งฉาบปรุงพลัง
ตั้งกรนบประกบตั้งหว่างดวงใจ
ขัดซิขัดขัดเฌอเธอยืนต้น
สไบบนห้อยทิ้งริ้วปลิวไสว
กำนัลจุนเอื้อคุณแด่แม่นางใด
ขัดเลยขัดเฌอให้แห้งตายยืน
ขอซิขอขอให้ได้เลขสวย
ได้อำนวยอวยชีวีที่เคืองฝืน
ขอซิขอต่อชีพชัยให้ยั่งยืน
ขอซิขอเงินแสนหมื่นตื่นหาบคอน
มีคนบอกเอาไว้ฟังให้เบื่อ
ถ้าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ดูโกรธร้อน
อยากบอกกลับสดับไว้ให้ดูกร
พวกจิตหลอนห่อนรู้จริงอย่างมงาย
16 มีนาคม 2548 12:50 น.
ดาวอังคาs
แรงฤทธีตีถาโถมโจมกำแหง..........................หยิบหยดล้ำน้ำหวานซ่านหวานลิ้น
ฤทธิแรงแกร่งโกรธโชติควันเขียว..................ถ้อยจรดกรรณได้ยินรินหวานหู
ตวาดสากหลุดปากด้นก่นเกรียวเกรียว............ความนุ่มนวลอวลคละคลุ้งฟุ้งชุ่มชู
พละเหนี่ยวเกี่ยวศักดาท้าทำลาย....................ทุกอณูล้วนเหล่ามีไมตรีจาน
จะยืนเฉยเลยล่วงให้จ้วงจาบ..........................จะยืนเฉยเลยรับแต่ของเขา
ให้คมดาบจากโอษฐ์ท่านฟันหัวหาย................จะขอเหมาเอาทั้งหมดทุกรสหวาน
ให้หมัดศอกตอกอัดลิ้นปลิ้นเจียนตาย..............ฉันมิมีของแลกแน่หวังแต่ทาน
อย่าได้หมายในไฟโหมโลมคอยตี...................ที่กล่าวไปไม่ใช่ฉันนั้นแน่ที
แอคชั่นมาแอคชั่นกลับสดับไว้
มีหัวใจทำด้วยเนื้อเจือชาดสี
เจ็บเจอเจ็บเหน็บกลับรับให้ดี.........................คุณล้นมาคืนย้อนกลับนับทวี
ให้รู้ว่าข้านี้มิยอมทน.....................................ใครให้ดีคืนดีด้วยด้วยใจจริง
14 มีนาคม 2548 00:13 น.
ดาวอังคาs
ขีดเขียนลาพักร้อน.........................หนึ่งวัน
หมายมุ่งระยองกัน.........................เที่ยวค้าง
ขับมารถสามคัน.............................นับสิบ คนเฮย
ปลดปล่อยงานทิ้งร้าง.....................แม่ล้ำรำพึง
คันแรกบึ่งออกเช้า.........................สี่ชน
โมงแปดล้อหมุนวน.......................ดั่งนี้
รุต ตุ๊ก หน่อง อีกคน......................พี่โนด ด้วยนา
ผองเผ่าล้วนเพื่อนซี้......................แต่น้อยมานาน
คันสองพ้นเที่ยงแล้ว.....................ล้อหมุน
ติดวุ่นงานชุลมุน............................จึ่งช้า
นิ้วนับสรรพห้าคุณ.........................ประกอบ นี้นอ
ไว้บอกต่อบทหน้า..........................อย่าช้าอ่านกัน
อุ๋ย อั๋น สองพี่น้อง..........................ติดมา
เจี๊ยบ กับ เอ๋ คู่ขา...........................คู่พ้อง
อีกหนึ่ง นัด นำพา..........................เครื่องคีต ด้วยแฮ
เปล่งดีดกีต้าร์ร้อง..........................สุขล้ำรื่นฤดี
วีออสตามสุดท้าย...........................ห้อขับ
ตะวันล่วงพ้นลับ.............................ดับพ้น
เห็นเลี้ยววกยิ้มรับ..........................หนูหงุ่น เองนา
หลังเลิกงานมากล้น........................รีบแจ้นมาแจม
ห้อรถลากจากบางกอกออกมาถึง
แม่รำพึงคะนึงเพ้อละเมอหา
ใครหนอตั้งวางชื่อนั้นแต่นานมา
รำพันหาสิ่งอันใดในคลื่นฟอง
จะชี้ชัดประวัตินั้นฉันไม่ทราบ
ฉันมารับกับอากาศที่ไม่หมอง
ฟ้าก็ฟ้าเลก็ฟ้าน่าชวนมอง
ปักหมู่จองครองบ้านหลังตั้งสิบคน
ยืนหน้าบ้านตรงชานนอกกรอกตาเห็น
ทะเลเด่นเย็นสายลมชมยอดสน
กลิ่นซีฟู๊ดลอยละปะจมูกชน
มิทานทนขนเตาไฟไว้เตรียมคอย
อันหมึกอ้วนกุ้งใหญ่น้อยหอยแคลงสด
ปลากระพงสุดโปรดโอฐบ่ถอย
หอยแมงภู่ไข่ปูอ้วนล้วนเอนจอย
เอาไม้สอยร้อยหมูพีบาร์บีคิว
ทุกเมนูเห็นดูแต่ย่างปิ้ง
ช่างสุขจริงกลิ่นจรวยอวยท้องหิว
กับสุรากับเพื่อนรักกับภาพวิว
ลมพัดปลิวส่งว่าวลอยคล้อยเมฆี
หยิบกีต้าร์ร้องรำทำเพลงดีด
ส่งเสียงกรีดคีตตะเบ็งเพลงสุขศรี
ใคร่เล่นน้ำเล่นโลดโปรดเปรมปรี
ใคร่กินเหล้าปาร์ตี้นี่นั่งวง
อำลาจำจากลากลับ..........................ได้เวลากลับ
เตรียมรับภาระอีกวัน
เพราะว่าพรุ่งนี้วันจันทร์......................เสื้อผ้าบนชั้น
ไม่ทันได้เตรียมรีดที
เก็บสุขคลุกเคล้าให้ดี........................ไม่ลืมทริปนี้
ยังมีเรื่องราวมากมาย
ไม่อาจสามารถบรรยาย.......................ครบครันมาฉาย
มิวายจับเรียงเขียนกรอง
ในใจนกแน่นเนืองนอง......................ส่งเสียงกู่ก้อง
ร่ำร้องวันพักผ่อนกาย
ได้ยินไหมเหล่าสหาย.........................ปีกในหัวใจ
ผลักไสให้ท่านออกจร
แปลกหูแปลกกลิ่นดินดอน................เหนื่อยล้าทอดถอน
ร้าวรอนจักลดลงพลัน
หาเรื่องลาหยุดสักวัน..........................เสาร์อาทิตย์จันทร์
สามวันคงเหมาะพอดี
อยากบอกว่าแสนสุขขี.........................ฟังหน่อยน้องพี่
จรลีถิ่นใดคิดเอา