17 พฤศจิกายน 2552 16:24 น.
ดาวระดา
เราเขียนกลอนซ่อนสายที่ปลายฝัน
จึงกรองกลั่นสรรค์สร้างวางถ้อยศรี
เหมือนติดบ่วงช่วงบาทวาดวลี
ล้วนสุขขีคลี่สายร่ายร้อยคำ
จึงเวียนวนบนเวิ้งบันเทิงศิลป์
หลอมรวมรินผินกายคล้ายถลำ
ติดอักษรท่อนเสียงเรียงร้อยรำ
เริงระบำนำบทรจนา
เราเขียนกลอนซ่อนสายที่ปลายสุข
จึงไร้ทุกข์รุกที่วลีค่า
ผสานพจน์คดเค้นเน้นวิชา
มาเติมต่อคลอปัญญาประสากลอน
แม้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยสุดไม่หยุดเขียน
ยังพากเพียรเขียนกานท์ด้านอักษร
ด้วยฝังจิตติดแน่นไม่แคลนคลอน
ยากจะถอนย้อนถากจากจรไกล
16 พฤศจิกายน 2552 11:25 น.
ดาวระดา
ใบหน้านิ่วคิ้วหนอก็ขมวด
ความเจ็บปวดอวดปานประหารหั่น
โอ้ความคิดบิดส่ายเป็นรายวัน
ต่อกรกันพันเกลียวคอยเหนี่ยวโน้ม
คอยเหนี่ยวรั้งฝั่งลบประสบโศก
สะบัดโบกโยกเศร้ามาเข้าโถม
วิบากบนต้นบาปกำซาบโทรม
คำประโลมปลอบเร้าไม่เป่ามนตร์
คือความจริงอิงอ้างอย่างเห็นชัด
ความวิบัติแห่งจิตคิดสับสน
เหนื่อยต้องทำให้ใจไร้กังวล
จิตคอยขนด้นหามากัดกิน
จึงต้องขอกำลังใจมาไถกลบ
มาประคบประคองใจให้ไร้กลิ่น
คาบความหม่นร่นโรยให้โบยบิน
หมดเสียสิ้นภินท์พับแล้วดับลง