13 กันยายน 2550 16:11 น.
ดาวระดา
เก็บกระเป๋าเข้าใจต้องจรจาก
แน่นอนซากที่เหลือเจือความขม
ขื่นข้างในใจพี่ร้าวระบม
ครั้นตาคมกลับกลอกปอกทั้งแด
ไม่หลงเหลือสิ่งอื่นให้ชื่นอก
สะท้านทกทั่วกายเป็นลายแผล
สะเทือนใจในพี่ขาดคนแล
ด้วยรักแท้ที่เปลี่ยนเป็นรักลวง
ในวันรุ่งพรุ่งนี้ไม่มีน้อง
คอยประคองเคียงใจให้ห่วงหวง
ช่างทำลงจงใจให้แสบทรวง
แม่พุ่มพวงพรากได้ไม่อายดิน
เศษความรักมักทำให้ช้ำชอก
แต่ขอบอกใบ้ว่าอย่าถวิล
เพียงข้ามคืนใจพี่นี้คงชิน
เริ่มโบยบินหยุดบ้าหารักจริง
12 กันยายน 2550 02:53 น.
ดาวระดา
แหงนมองเมฆลอยเลื่อนเกลื่อนท้องฟ้า
ถูกลมพาพัดผ่านพาลสลาย
ทำนาเกลือเหงื่อชื้นทั่วผืนกาย
ยังไม่วายแดดิ้นสิ้นคำจน
หาบเกลือมาหลายปีดีจะดับ
ไฉนทรัพย์ห่างหายไม่ได้ขน
แค่จะซื้อข้าวกินต้องดิ้นรน
ด้วยดอกผลไม่พอแสนท้อใจ
หนุ่มนาเกลือเหลือใจให้ระทม
ชีวิตจมกองทุกข์ไร้สุกใส
ดั่งแมกไม้แก่จัดถูกผลัดใบ
ยากหาใครหันมองไว้ครองเรือน
ด้วยผิวพรรณวรรณเชื้อต่างเกลือนัก
ดำสลักร่างไว้ไม่มาดเหมือน
คิดจะสอยร้อยดาวสกาวเดือน
เสียงเยาะเยือนเย้ยมาน้ำตาคลอ
อยากจะทิ้งนาเกลือเพราะเหลืออด
อยากจะกดผืนดินให้สิ้นหนอ
แต่ก็ทนทำไปไม่รั้งรอ
เพราะใจขอแผ่นดินไม่สิ้นเกลือ
10 กันยายน 2550 15:05 น.
ดาวระดา
เคยเดินเทียวเกี่ยวแขนในแดนด้าว
เมื่อรักร้าวดวงจิตคิดหันเห
หนทางเดียวเทียวทางยังโลเล
รักโซเซคลื่นซัดพัดกระเด็น
เคยต่อเติมความฝันเมื่อวันก่อน
เคยวิงวอนเทพไทให้จงเห็น
หวังทางไกลไม่พบอย่างที่เป็น
รักลำเค็ญเลยร้างห่างกันไป
จนจำใจทิ้งไปในเรื่องรัก
จำใจพักแพ้วทางสว่างใส
มุ่งพระธรรมน้อมนำกล่อมจิตใจ
ละเยื่อใยตัดสวาทให้ขาดลง
ด้วยเรื่องรักโลกีย์นี้ไม่เที่ยง
ถึงได้เบี่ยงบากหน้ามาเป็นสงฆ์
เป็นสมณะเพศเจตจำนง
ไม่ลุ่มหลงกามมั่วที่ยั่วยวน
ในวันหนึ่งก่อนถึงพรรษามาส
เห็นนงนาฏหนึ่งนางที่กลางสวน
สมณะนึกได้เลยใคร่ครวญ
โอ้น้องนวลกลายเป็นชีนี่กระไร
ชะตาชีวิตใครหนอมากำหนด
ช่างจรดให้เราเฝ้าสงสัย
ให้แปลกแปลกในห้วงดวงฤทัย
แต่ก็ไม่คิดนานพาลกังวล
ตรองอีกทีนี่คงจะเป็นบุญ
มาเกื้อหนุนช่วยสร้างทางกุศล
ให้หลุดไปในห้วงแห่งวังวน
เกิดมรรคผลสองฝ่ายได้พบธรรม
6 กันยายน 2550 14:59 น.
ดาวระดา
ผวาตื่นในคืนพระจันทร์ดับ
เสียงขานขับแมวคราวเฝ้าสงสัย
คงเมารักถึงร่ำร้องจากกล่องใจ
หวังคู่ไคล้คู่เคลียคลอพะนอเคียง
เสียงหง่าวหง่าวหวังใจสาวเจ้าไหวหวั่น
สร้อยรำพันถึงนางไม่สร่างเสียง
ให้นุชน้องได้รับจับสำเนียง
ว่าคู่เคียงมาคอยเจ้าเฝ้ารอคอย
ดึกสงัดเสียงพัดพระพายพลิ้ว
สุดวาบหวิวหวาดหวั่นสะท้านถ้อย
สะท้านทรวงสุดหนาวถึงดาวดอย
ฝันลอยลอยห่างหายกลายเป็นลวง
ใจอิจฉาชมาเจ้าเฝ้าเรียกรัก
วิฬาร์รักถูกเย้าเข้าติดบ่วง
ได้ฝากรักฝากใจไว้ทั้งดวง
ไม่เคยห่วงจะไร้คู่ไว้ชูเชย
ดึกสงัดเสียงพัดพระพายแว่ว
ระฆังแก้วท้ายวัดสะบัดเสย
จวนสว่างยังห่างหนคนเคียงเคย
ไม่นึกเลยต้องอิจฉาชะตาแมว
6 กันยายน 2550 12:57 น.
ดาวระดา
กทรรปคำเลาะเลียมเพื่อเตรียมบท
เพื่อจ้องจดทรงจำดีที่สุขสันต์
ในทุ่งกว้างทุ่งไกลที่จรัล
ที่ใจมั่นหมายไว้ในทรงจำ
ทุ่งพระหาหน้าข้าวเขียวใบเรียวแหลม
ยอดหญ้าแซมชนฝนสายร่ายลำนำ
ใบข้าวเขียวต้องลมกลายดั่งร่ายรำ
จังหวะซ้ำทำนองซ้อนอ่อนไสว
นั่นปูนาหิวจัดกัดต้นข้าว
นั่งนึกเอาชาวนาพบคงจบใจ
คงไม่ปล่อยให้ปูเป๋ได้เซไป
ด้วยเหตุใดเล่าเจ้าปูคงรู้ดี
กทรรปคำนำเรื่องราวแห่งท้องทุ่ง
ด้วยใจมุ่งหาธรรมชาติที่สาดสี
เพื่อเพิ่มพลังเพิ่มแรงใจให้ชีวี
ในสิ่งที่ห่างเหินมาเกินกาล
ดูนกน้อยบินขึ้นลงไม่คงที่
เมื่อสุรีย์เริ่มสาดส่องทำนองผ่าน
เมื่อบทเพลงแห่งท้องนาว่าขับขาน
รอยตำนานก็ฟื้นคืนกลับมา
หายใจเข้าลึกลึกรู้สึกได้
กล่อมหัวใจให้สดชื่นตื่นชีวา
ตื่นจากทุกข์ดั่งดวงใจได้เยียวยา
ครั้นนิทราคงฝันหาทุ่งนาเรา