6 กันยายน 2550 12:57 น.
ดาวระดา
กทรรปคำเลาะเลียมเพื่อเตรียมบท
เพื่อจ้องจดทรงจำดีที่สุขสันต์
ในทุ่งกว้างทุ่งไกลที่จรัล
ที่ใจมั่นหมายไว้ในทรงจำ
ทุ่งพระหาหน้าข้าวเขียวใบเรียวแหลม
ยอดหญ้าแซมชนฝนสายร่ายลำนำ
ใบข้าวเขียวต้องลมกลายดั่งร่ายรำ
จังหวะซ้ำทำนองซ้อนอ่อนไสว
นั่นปูนาหิวจัดกัดต้นข้าว
นั่งนึกเอาชาวนาพบคงจบใจ
คงไม่ปล่อยให้ปูเป๋ได้เซไป
ด้วยเหตุใดเล่าเจ้าปูคงรู้ดี
กทรรปคำนำเรื่องราวแห่งท้องทุ่ง
ด้วยใจมุ่งหาธรรมชาติที่สาดสี
เพื่อเพิ่มพลังเพิ่มแรงใจให้ชีวี
ในสิ่งที่ห่างเหินมาเกินกาล
ดูนกน้อยบินขึ้นลงไม่คงที่
เมื่อสุรีย์เริ่มสาดส่องทำนองผ่าน
เมื่อบทเพลงแห่งท้องนาว่าขับขาน
รอยตำนานก็ฟื้นคืนกลับมา
หายใจเข้าลึกลึกรู้สึกได้
กล่อมหัวใจให้สดชื่นตื่นชีวา
ตื่นจากทุกข์ดั่งดวงใจได้เยียวยา
ครั้นนิทราคงฝันหาทุ่งนาเรา
5 กันยายน 2550 15:07 น.
ดาวระดา
ลอยคอกลางสายน้ำทุกยามย่ำ
กระแสฉ่ำน้ำใสใบเจ้าหนา
ต้องลมพัดสะบัดใบในมรรคา
ผ่านสายตาผู้คนแล้วผ่านไป
ยังลอยเคลื่อนเลื่อนตามลำกระแส
ไม่รู้แน่จะไปติดในทิศไหน
ไม่รู้เจ้าจะไปอยู่ ณ ที่ใด
แล้วเมื่อไหร่จะปลงปักลงสักที
คือวิถีตบชวาที่ท่าน้ำ
สุดระกำดั่งใจนางกลางใจพี่
เฝ้าแต่ขอไม่ตอบรักเลยสักที
หรือคนดีจะคว้าดาวมาคู่เคียง
บนความฝันนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก
พี่ขอบอกน้องนวลอย่าด่วนเถียง
ฝันที่ฝืนดุจปืนใหญ่ไฟพะเนียง
แตกดังเปรี้ยงจะเจ็บช้ำระกำใน
ขอใจนางที่อยู่กลางกุนนที
โปรดได้มีใจหนักแน่นเป็นแก่นใส
รีบหาคนที่น้องรักและจริงใจ
อย่าฝันใฝ่ในฝันที่เกินงาม
อย่าทำตัวเป็นผักงามตามกระแส
โปรยเผื่อแผ่โปรยความรักให้ทักถาม
อย่าหลงระเริงเกินไปนะนงราม
ดอกไม้งามยังสูญสิ้นกลิ่นเจือจาง
4 กันยายน 2550 01:02 น.
ดาวระดา
เคยละอ่อนก่อนนี้หลายปีล่วง
ใจทั้งดวงมุ่งไปให้การเรียน
นิยามรักนิยายใจไม่ขีดเขียน
มุ่งพากเพียรเรียนเฟื่องเรื่องตำรา
ดูเหมือนเด่นที่ตัวเป็นเช่นนั้นได้
สาวคนใดจริงใจไม่ใฝ่หา
คบเป็นเพื่อนเป็นพ้องหมดในทุกครา
ตอนนี้หนาเขามีคู่คนรู้ใจ
ปล่อยคนโสดคนนี้ให้เดียวดาย
รอคนหมายจวบจนคนรุ่นใหม่
ไม่รู้รักว่าจักเป็นเช่นฉันใด
มิรู้ทำไมจึงไร้คู่มาแนบเคียง
รูปพรรณก็ครบสามสิบสอง
ใยนวลน้องไม่หันใจมาเอนเอียง
หรือแค่รูปแค่พรรณไม่พอเพียง
เลยไม่เสี่ยงมารักปักใจรอ
เห็นคนอื่นแย่งแฟนกันพันระรัว
ทำไมตัวถึงขาดรักกันนักหนอ
คิดแล้วรวดปวดใจร้าวเฝ้าแต่รอ
คู่พะนอคอยเคลียเคล้าเจ้าเกิดยัง
3 กันยายน 2550 14:26 น.
ดาวระดา
ผ่านมาหลายร้อยปีผ่านจนกาลเปลี่ยน
หลายชีพเวียนว่ายเกิดตายตั้งหลายหน
หลายชีพเกิดซ้ำยังจำจน
ช่องว่างคนใยหนอไม่พอดี
ผู้ที่รวยล้นพ้นก็จนยาก
ผู้ลำบากปากแห้งแล้งมั่งมี
ไม่พอกินหนำซ้ำถูกย่ำยี
จากคนที่อำนาจเงินเขาเกินเรา
คนพอกินกินทีมีสิทธิ์เลือก
จะกินเปลือกกินเนื้อเผื่อสิทธิ์เขา
คนจนกินแล้วเลือกลองคิดเอา
คงเหลือเถ้าไม่เหลือกายให้ได้กิน
ช่องเล็กเล็กเหตุใดใยไม่ชิด
ใยไม่ติดปิดไปเสียให้สิ้น
สายนทีเสมอภาคได้หลั่งริน
นภสินธุ์ความเท่าเทียมได้เยี่ยมเยือน
3 กันยายน 2550 01:41 น.
ดาวระดา
สายนทีแม่กลองกรอกลงสู่
ปากประตูชโลทรอ่อนกระแส
เกิดสันดอนปากแม่น้ำงามนักแล
ทั่วทิศแห่มาชื่นชมสมฤทัย
เขามีชื่อไม่ซับซ้อนดอนหอยหลอด
เลื่องชื่อหยอดพรอดหอยด้วยปูนใส
นำขึ้นผัดฉ่ารสซ่าแสนถูกใจ
จะหลงใหลในรสชาติชวนลิ้มลอง
ดอนหอยหลอดยอดแหล่งเที่ยวเมืองสมุทร
ดอนนี้ดุจเอกลักษณ์พักตร์แม่กลอง
ด้วยชื่อเสียงที่เล่าขานไม่เป็นสอง
ผ่านมาต้องเวียนแวะมาแกะรอย
ทั้งหมึกสดปลาแห้งแหล่งทำขาย
เพื่อกระจายรายได้ล้นคนดอนหอย
พึ่งตนได้ด้วยลำแข้งไม่รอคอย
แสนสลอยอยู่อย่างสุขทุกข์เว้นทาง
ทำประมงพื้นบ้านผ่านปัญญา
ด้วยวิชาสืบทอดไม่จอดวาง
จึงนำคนแถวดอนสุขทั้งบาง
มีสตางค์พอเหลือเก็บไม่อับจน