31 ธันวาคม 2547 21:50 น.
ดาราจักร..
เป็นได้เพียง ผงธุลี ที่น้อยนิด
ใช้ชีวิต ตามฝุ่นดิน ดูสิ้นค่า
ไม่ใช่ฝน ทุกหยด ตกรดมา
แค่เสาะหา ค่าชีวิต อยู่ติดดิน
ไร้คนมอง จ้องเห็น หาเด่นเลิศ
ไม่ประเสริฐ เกิดมาด้อย น้อยทรัพย์สิน
เป็นได้เพียง หนึ่งหยดฝน ไหลระริน
และหนึ่งกลิ่น สิ้นค่าหอม มาดอมดม
เป็นดาวหนึ่ง ซึ่งริบหรี่ ที่ฟ้ากว้าง
เป็นผ้าขาวบาง เปื้อนคาวดำ คล้ำผสม
เป็นหนึ่งมีด กรีดไม่เข้า ไร้เงาคม
เป็นโคลนตม จมเหยียบย่ำ ซ้ำเป็นรอย
จะเอาอีก ใช่ไหม ยังไหวนะ
หรือคุณจะ มาเหยียบย่ำ ให้ต่ำต้อย
ทำเถอะนะ ฉันจะได้ ไม่สำออย
แต่ขอหน่อย อย่าพลอยทำ รักช้ำเลย.
22 ธันวาคม 2547 19:00 น.
ดาราจักร..
กาลหมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่า
เสียงเงียบเหงาเงาเพื่อนใช่เลือนหาย
ความทรงจำยังเคล้าคลุกทุกเม็ดทราย
ยังประกายปรายแสงแรงฤทัย
เพื่อนเดือนดาวพราวแสงสุดแรงกล้า
ประทับตราฟ้ากว้างกระจ่างใส
เป็นมิตรฟ้าราตรีแสงสีไกล
ร้อยมาลัยใจคล้องร้อยกรองดาว
............จำได้ไหม..........
จำได้ไหมใครหนอสุดหล่อเหลา
แล้วใครเล่าเซ้าซี้ชอบหลีสาว
ใครหนอใครเปรี้ยวสุดดุจมะนาว
ใครเป็นดาวสกาวใสในชั้นเรียน
////มิตรภาพ////
มิตรภาพซาบซึ้งตราตรึงจิต
เกินจะคิดพินิจถ้อยร้อยคำเขียน
เกินแทนสูตรสมการในชั้นเรียน
มาวนเวียนเนียนแนบแทบใจเรา
แยกทาง........
ต่างแยกทางต่างห่างไกลต่างไขว่คว้า
ปล่อยคนบ้าอย่างฉันนั้นเปลี่ยวเหงา
ใจมีรูรั่วลมจนซมเซา
เพียงมีเงาเฝ้ากายสบายใจ
....ปลุกดาว...
เคยได้ยิ้มปิ่มสุขสรวลสันต์
เคยเล่นกันวันฟ้าสางน้ำค้างใส
เคยชุมนุมลุมร้อมรอบกองไฟ
เคยล่วงวัยวันวานที่ผ่านมา
กาลนี้ดาวพราวแสงแรงอีกครั้ง
สร้างพลังดังก้องฟ้าท้าสวรรค์
ไฟแห่งรักจักชูโชติโรจน์อนันต์
ให้กาลวันพลันสยบจบเท้าเรา..............
ขอฝากกลอนนี้ยังเพื่อนเก่าที่ยังคิดถึงนะครับบบบ...
12 ธันวาคม 2547 20:12 น.
ดาราจักร..
ทานตะวัน พลันบาน ประสานสี
ถึงฤกษ์ดี คลี่ดอก ออกรับแสง
ดุจทุ่งทอง รองเรือง เหลืองร้อนแรง
เบิกฟ้าแล้ง แห่งนี้ เป็นสีทอง
หน้าเหมันต์ วันหนาว มากราวรอบ
สายลมมอบ ความปลอบโยน อย่าเศร้าหมอง
มาดูนั่น โน่นไง ทุ่งเหลืองทอง
สายตามอง จ้องเห็น เด่นตระการ
ดอกชูช่อ ล้อเล่น เช่นอาทิตย์
อยู่เนืองนิตย์ จิตสุข สนุกสนาน
ลู่ลิ่วลม ลอยเล่น ตาละลาน
ช่างอ่อนหวาน ดุจธารน้ำ ลำโลกา
เมล็ดน้อย ด้อยค่า หาสวยใส
โดนหว่านไป ในพื้น ดินชื้นหนา
ค่อยค่อยเติบ โตใหญ่ ใหม่ขึ้นมา
จากด้อยค่า มาเป็น เช่นทองงาม
สะท้อนแสง สีใส ในไพรหล้า
บรรเจิดจ้า ท้าดาว พราวสยาม
ดุจคลื่นบก โบกสีสัน อันวับวาม
ร้อยเรียงความ งามงด เกินรสคำ
ช่วยดำรง คงคืบ สืบสานไว้
ด้วยดวงใจ ไทยรักษ์ จักสุขหนำ
ให้ทุ่งทาน แห่งพระเพลิง เริงระบำ
สมกับคำ ร่ำลือ ระบือไกล
เชิญชวนกันไปเที่ยวทุ่งทานตะวันที่ลพบุรีนะครับ
9 ธันวาคม 2547 16:56 น.
ดาราจักร..
เป็นดั่งบาป สาปแช่ง แรงหนักหนา
ถูกตีตรา ว่าชั่ว ที่ตัวสรรค์
ดังผ้าขาว แปดเปื้อน เกลื่อนเผ่าพันธุ์
โดนลังทัณฑ์ วันชั่ว มั่วสร้างมา
บรรพชน คนของกู ผู้สืบสาน
โดนประจาน สันดานชั่ว ตัวกูหนา
วิ่งหนีกรรม ตามตัว ที่กลั้วมา
ตราบเวลา หาจบสิ้น จนชินไป
ตัวกูนี้ ทำกรรม ซ้ำสะสม
มีดสองคม สมกลับตัว ชั่วขับใส
มันเล่นคืน เป็นหลายเท่า ที่ทำไป
ดุจถูกไฟ เผาสิ้น ดวงวิญญาณ
สวรรค์อก นรกใจ ควรใคร่รู้
ว่าจะอยู่ ทุกข์ที่สุด ดุจประหาร
ว่าจะอยู่ สุขสม พรหมวิมาน
จะรับขาน สิ่งใหน ให้เลือกเอา