15 สิงหาคม 2545 19:41 น.

นิยามรัก" (รักคืออะไร)

ดอกแก้ว

สำหรับเรา(ประเดิมคนเดียวก่อนนะ) เราคิดว่ารักที่ถูกต้องก็คือการให้  การเสียสละ การให้อภัยและความเข้าใจไม่ว่าเราจะได้รับอะไรตอบแทนก็ตาม  แต่ความเป็นจริงมันก็ให้ไม่ได้100%เสียทุกคนหรอก  เพราะคนทุกคนก็มีหวงคนที่เรารักบ้าง  ถ้าเขาขอไปมีคนใหม่ก็คงไม่มีใครจะเสียสละให้เขา/เธอไป หรอกนะ  แต่เชื่อไม๊ ว่าเป็นเรา  เรายอมนะ ขออย่างเดียวให้มั่นใจว่าเขาจะไปเจอสิ่งดีๆที่ทำให้ชีวิตเขามีความสุข เพราะถ้าเขามีความสุขเราก็มีความสุขด้วย เราไม่อยากเห็นเขาเป็นทุกข์หรือกังวลใจในเรื่องอะไรเลย  เนี่ยแล่ะนิยามรักของเรา  แล้วคุณล่ะคิดว่า "ความรักคืออะไร
  
 
 
ฟังเหมือนว่าจะง่าย แต่บอกจริงๆว่ามันยากมากๆเลยที่เราจะแยกคำว่ารักแล้วก็ชอบหรือหลงออกจากกัน  เพราะความรักประกอบด้วยหลายส่วนที่ละเอียดอ่อนมาก  ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูด  ความรักก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น  ความรักไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมาย แต่ขออย่างเดียว  ต้อง...โดน(ใจ)   อย่าลืมนะคะคนเราชอบ/รักอะไร ไม่เหมือนกันหรอก  แต่ชัวร์ๆ ของสวยๆ งามๆ เป็นใคร ๆ ก็ต้องชอบ  เรื่องมันแน่นอน  แต่หลังจากพ้นผ่านจากรูปลักษณ์ภายนอกไปแล้ว  ลองดูซิว่าแท้จริงแล้วคุณเคยมีความรักให้ใครรึยัง ตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที  เจอกันใหม่ๆ แล้วก็คบกันจนไปถึง  เลิกกัน (อุ๊บ..ไม่ใช่)  มาดูเลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะหมดความโรแมนติคซะก่อน

นี่คือทฤษฎีง่ายๆ (ที่เราคิดขี้นเอง)

เหตุการณ์ที่เกิด
 มันคือ
 
1
 เห็นแล้วอยากคุยด้วยอยากอยู่ใกล้ๆ
 สนใจมาก
 
2
 อยู่ใกล้ๆแล้วอยากอยู่ด้วยนานๆ
 ติดใจ (ซะแล้ว)
 
3
 คุยถูกคอทำให้คุณยิ้มแอบเอาไปฝันหลายคืน หลับทีไรเห็นแต่ เขา / เธออยู่ตรงหน้า
 ชอบแล้ว (ล่ะ)
 
4
 เวลาเจอแล้วรู้สึกอยากกอดแล้วก็...เขา / เธอจัง
 หลงไหลในเสน่ห์+ชอบ
 
5
 เขา/เธอ เข้ามามีบทบาทในชีวิตทำให้คุณคิดถึงว้าวุ่นใจ
 ชอบมาก
 
6
 ไม่อยากเห็นเขา/เธอ ไปกับใครหรือสนิทสนมกับเพศตรงข้ามมากกว่าคุณ
 ชอบมากและหวง
 
7
 เห็นเขา/เธอ อยู่กับคนอื่นแบบน่าสงสัยในความสัมพันธ์ คุณทั้งโกรธและเสียใจ, น้อยใจ โอ๊ย สารพัดจะคิดได้
 ชอบมาก+หวง+หึง
 
8
 เมื่อเขาไม่สบายคุณเป็นห่วง
 จะรักแล้วนะ
 
9
 เห็นเขาเสียใจคุณก็เสียใจ
 รักแล้ว
 
10
 ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงก็ตาม คุณไม่สนใจกับรูปลักษณ์ภายนอกและสภาพแวดล้อมคุณพร้อมแล้วที่จะเผชิญกับทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างในชีวิตไม่ว่าดีหรือร้ายขอแค่มี เขา/เธอคนนั้นก็พอ
 นี่แหล่ะรักจริง				
15 สิงหาคม 2545 19:36 น.

เนี่ยแหล่ะ...ชีวิต"

ดอกแก้ว

ถ้าตอนนี้คุณเป็นผู้ใหญ่แล้ว ได้ทำงานหรือแม้กระทั่งมีแฟนหรือครอบครัว  ถ้าคุณลองย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ความรับผิดชอบของเราก็มีเรื่องเรียน เล่นสนุกบ้าง  อาจโดนดุบ้าง...แล้วมันก็ผ่านไป ตอนนี้คุณรู้สึกไม๊ว่ามันไม่ใช่แล้ว ยิ่งคุณอายุมากขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะรู้มากขึ้นว่า ชีวิตคืออะไร  เราเคยได้ยินคนบางคนพูดว่า "ชีวิตเริ่ม เมื่ออายุ40" (ไม่รู้จริงรึเปล่านะ)    ยังไงก็ตามเราขอยินดีกับทุกๆคนที่เกิดมาเป็นคน มีโอกาสที่จะคิดจะทำ ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถึงแม้จะเจออุปสรรคใหญ่บ้างเล็กบ้าง   แต่ก็รู้สึกนับถือคนที่ผ่านจุดๆนั้นมาด้วยความจริงใจ ด้วยว่าเมื่อเราโตขึ้น เรารู้จักคนมากขึ้น ได้พบกับคนหลายแบบ ทั้งจริงใจ และไม่จริงใจ บางคนแสนดี บางคนก็โกหกอย่างไม่สะทกสะท้าน บางคนก็ชอบคุยแต่เรื่องไร้สาระ บางคนก็น่ารักเหลือเกิน มีแต่คนห้อมล้อมมากมาย ฯลฯ   ไม่มีใครที่เหมือนกันเลยจริงๆ แม้แต่พี่น้องครอบครัวเดียวกันในหน้าตาที่คล้ายกันแต่ก็ยังมีนิสัยที่แตกต่างกันออกไป แรกๆเรายังคงปรับตัวและทำใจไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราไม่ชอบ ความเห็นแก่ตัวของคนบางคน ความเกรี้ยวกราด...ความซึมเซาเฉื่อยชา...ความโลเล   อีกทั้งความเอาแต่ใจ ฯลฯ ที่ทำให้เราเดือดร้อนใจอยู่เสมอ

เราทุกๆคนต้องการจะพบเจอแต่ความสุขความสบายใจ ความยิ้มแย้มแจ่มใส แต่หลายครั้งมันคาดไม่ถึงและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าเราจะเจอกับคนไม่ดี ผิดหวังกับเรื่องใดๆ เสียใจ สูญเสีย เหล่านี้ ทำให้เราท้อแท้ เหนื่อยและมองว่า โลกนี่มันช่างเลวร้ายเสียจริงๆหลายต่อหลายครั้งเราหาคำตอบไม่ได้ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะอะไร ใครทำให้เกิด ถ้าไม่มีคำตอบ   สุดท้ายก็คงจะเป็น....โชคชะตา

เหตุการณ์และสิ่งบางอย่างมันก็เกิดขึ้นเองโดยไม่คาดคิด  จบลงไปเพราะเวลาที่เลยผ่านโดยไม่มีใครขวางมันได้   ชีวิตดำเนินไปบนหนทางโดยมีโชคชะตานำทาง แต่ในเวลาเดียวกัน การกระทำของเราก็เป็นสิ่งผลักดัน ให้เราจะได้เดินไปกับโชคชะตาที่จะไปพบกับสิ่งที่ดีหรือร้าย   "ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เราเชื่ออย่างนั้นจริงๆ และโชคชะตาจะกำหนดให้เรารับผลแห่งการกระทำนั้นเร็วหรือช้า เท่านั้นเอง

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น   ไม่ว่าวันไหนจะรู้สึกสับสนท้อแท้-ดีใจ-เสียใจ    ที่แน่ๆก็คือ "ชีวิตก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป"  ไม่ว่าเราจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเราเองหรือเพื่อใครบางคนก็แล้วแต่    สิ่งที่ผ่านมาก็ยังคงผ่านไปเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่แน่นอนตายตัว ชีวิตเปรียบเสมือนถนนสายหนึ่งที่ยาวไกล   บ้างคดเคี้ยว  บ้างก็ขรุขระ   บางครั้งก็ราบเรียบ   ตลอดทางที่ผ่านเราเจอผู้คนมากมาย  มากหน้าหลายตา  หลากนิสัยใจคอ  มีบางครั้งที่เราหลงไหลอยู่บนช่วงหนึ่งของถนน ที่มีแต่ความบันเทิงและสนุกสนาน เราเพลิดพลินกับมันจนลืมวันเวลา ลืมความรับผิดชอบชองเราที่มี   ว่าเรายังต้องเดินก้าวต่อไป...ไปให้ถึงจุดหมาย เราไม่ปล่อยวาง เราเสียดายที่จะสละเวลาแห่งความสุขของวันนี้   ด้วยว่าไม่แน่ใจว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร (หรืออาจเป็นเพราะเราพอใจแล้วก็เป็นได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทัศนะคติของแต่ละคน) แต่เมื่อวันเวลาล่วงเลยไป สิ่งที่เคยสนุกอาจไม่สนุกอีกต่อไป ม้าหมุน ไม้ลื่น ที่เคยสนุกตอนเรา 6-7 ขวบ วันนี้เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าตื่นเต้นอีกต่อไป กระแสแห่งกาลเวลาไม่เคยรอใคร ไม่ง้อใคร มันผ่านไปเรื่อยๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี นานเข้าทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผู้คนแต่งตัวเปลี่ยนไป ทุกๆอย่างเปลี่ยนไป ตามกาลเวลา ตามสมัยที่มันเป็นอย่างธรรมชาติ    เราเสียอีกที่อาจลืมตัวว่าเราย้อนเวลาไม่ได้ เมื่อพรุ่งนี้มาถึง วันนี้ก็เป็นเพียงเมื่อวาน   ที่มีค่าแค่เพียงจดจำเพื่อเตือนตัวเราเองว่าเรายังต้องมีวันพรุ่งนี้ และพรุ่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ ชีวิตยังคงต้องเดินต่อไป ไม่มีใครรู้ได้แน่ชัดว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่จะเป็นเค้าพอมองให้เห็นได้ว่า เราจะมีความสุข ประสบความสำเร็จหรือไม่ คือการกระทำของตัวเราเอง ตั้งแต่เริ่มต้นเดินเข้ามาสู่ถนนสายชีวิตนี้ เราทำอย่างไร เราได้อย่างนั้น เรารู้จักให้ เราก็จะเป็นผู้รับในวันหนึ่ง หากเราไม่จริงใจกับใคร เราก็ควรแล้วที่ได้ความไม่จริงใจและหลอกลวงเป็นสิ่งตอบแทน    แม้จะมีบางครั้งที่หลงทาง ว้าวุ่นใจ เจ็บปวด ผิดหวัง ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป ค่อยๆหาทางออก ใช้เหตุผล, ความจริงใจและความสามารถของเราที่มีเอาชนะอุปสรรคให้ได้ และกลับเข้ามาเดินบนถนนที่ราบเรียบและสุขสันต์อีกครั้ง

ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยหกล้ม และก็ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยผิดหวัง เสียใจ ทุกคนมีปัญหาต่างๆกันไป   ไม่จำเป็นต้องบอกให้กันรู้ คนมีเงินมาก  ร่ำรวย ก็ไม่ได้แปลว่า มีความสุขกว่าคนที่มีเงินน้อย    อยู่ที่ว่าเขารู้ที่จะใช้ชีวิตของเขาอย่างไรให้มีความสุขที่สุด พร้อมๆกันก็  "อย่าลืมที่จะทำให้คนรอบข้างคุณมีความสุขด้วยล่ะ" รู้จักให้อภัย เสียสละ เอาใจเขามาใส่ใจเรา    หยิบยื่นสิ่งดีๆให้คนอื่น 

ลองดูสิ อย่างน้อยตัวคุณเองจะรู้สึกเลยล่ะว่า "ตัวคุณมีคุณค่าแค่ไหน"				
15 สิงหาคม 2545 19:33 น.

ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน

ดอกแก้ว

ถึงดอกทานตะวันแสนสวย นี่เป็นครั้งที่ร้อยแปดสิบที่ผมเขียนจดหมายน้อยถึงคุณ      
เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของหัวใจน้อยๆดวงนี้ ว่าทุกนาทีมีแต่คุ๊ณณณณณณ.แต่คุณ     
แม้ไม่ชำเลืองหางตาก็ไม่มีสักวันเวลาวินาทีที่จะเผลอใจมองหญิงอื่น 
ยังหวังว่าจะมีสักวันที่คุณทานตะวันจะชำเลืองเห็นความภักดีจากใจดวงน้อยนี้      ฝันดีนะครับคุณผู้เป็นทุกสิ่งในชีวิตผม
     
5 5 5 นี่เป็นคารมระดับ สามดาวเน่าๆของเจ้าไม้ขีดไฟผู้อาภัพรัก ไม่อาภัพได้ไงเล๊าาาาา      
ก็บังอาจไปหลงรักทานตะวันสาวสวยผู้แสนหยิ่งทะนง อ้าว.แบบนี้จะได้แอ้มรื้ออออไม้ขีดไฟเอ๋ย      
     
ทุกนาทีที่เฝ้ามองเธออยู่ฝ่ายเดียว ใช่..มองอยู่ฝ่ายเดียวก็เธอมัวตะมองดวงอาทิตย์อยู่น่ะสิ      
อยากถามเธอว่า เธอไม่แสบตาเหรอ?? บ๊อฮ้อนเบ๊าะ??  เธอก็ได้แต่ตอบว่า กะมักเน๊าะ
โดยไม่เสียเวลาก้มลงมองเจ้าไม้ขีดไฟของเราด้วยซ้ำ 

เจ้าน่ะ แสงพอริบหรี่ๆจะมาเทียบอะไรได้กับพระอาทิตย์ ไปฝึกออกแสงให้ได้เท่าดวงพระอาทิตย์ก่อนคอยมาเว่ากันใหม่      ไป๊! 

สาธุ.หน้าเข้าฝ้าแหน่แหม๊ 5 5 5 5 
เจ้าไม้ขีดไฟแอบนึกอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรด้วยรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีวันไม่มีวันที่ตัวของมันเองจะมีค่าเท่าเทียม      
สิ่งที่ทานตะวันหลงรัก สิ่งที่มีพลังอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งมวล เพราะตัวมันเป็นแค่ ไม้ขีดไฟกระจิ๊ด 
ต่อให้เปล่งแสงจนตายไป ก็ไม่มีวันเท่าเทียมใช่ ไม่มีวัน
     
ไม้ขีดไฟเดินคอตกเต๊ะเซ๊ะๆ เต๊ะเซ๊ะๆ กลับเข้ากล่องไปอย่างคนสิ้นหวัง เข้าไปนอนเบียดๆกับเพื่อนๆที่นอนรอยู่ก่อนแล้ว      
หน้าตาพิลึกนะไอ้พวกนี้ 5 5 5 เจ้าไม้ขีดไฟมองเพื่อนๆแล้วคิดอยู่คนเดียว เฮ้ออออ      อยากตาย
     
ใช่สินะ อยู่แบบนี้สักวันหนึ่งเราก็ต้องตายอยู่ดี ตายอย่างไร้ค่า เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยให้คนทำบาปทำร้ายตัวเองเท่านั้น      
จ๊วดดดเดียวจุดบุหรี่ เราก็ตายไร้ที่ฝัง นำพลังชีวิตของเรามาทำในสิ่งที่เราอยากทำไม่ดีกว่าหรือ      
เปล่งแสงเรืองรองให้เธอเห็นว่าเราก็มีค่าพอที่เธอจะก้มลงมามอง โห..คิดฆ่าตัวตายประชดรัก   5 5 5 คือคิดไกลแท้ล่ะ 
ถ้าเค๊าไม่มองล่ะไม่ตายฟรีเหรอ??? ยังดีครับพี่.อย่างน้อยก็ได้ทำอะไรอย่างทีเราอยากทำ      

อืมมมม.เอ๊า..ตามใจ จ๊วดดดดดดพรึ๊บ! 
อ๊ากกกกกกกซ์ มองผมหน่อยคุณทานตะวัน ผมมมมม ร๊ากกกกกก คู๊ณณณณณณ ผม..กำ..ลัง..จะ..แง๊กกกกก
     
หยัง?? -_- ดอกทานตะวันหันมาทำเสียงเซ็งๆ พรอ้มกับใบหน้าที่มีฝ้าขึ้นเต็มว่าเอิ้นหยังวะ      
5 5 5 5 นี่ถ้าเจ้าไม้ขีดไฟมองเห็นใบหน้าของหญิงที่มันหลงใหล มันคงเสียใจที่จุดตัวเองเพื่อให้เธอหันมอง      
เพราะบัดนี้เธอได้อุดมไปด้วยฝ้าไฝบนใบหน้า หาที่น่ามองมิได้ ก็หล่อนเล่นหันหน้าสู้แดดทั้งวันแบบนั้นนี่นะ  จะเหลือรึ 5 5 5
     
     ไม่มีสาระอะไร ^_^ แต่นี่คือที่มา แบบว่าชอบบบบบบ
     เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย แอบรักดอกทานตะวัน
     แรกแย้มยามบาน อวดแสงตะวัน ช่างงดงามเกินจะเอ่ย
     ดอกเหลืองอำพัน ไม่หันมามอง แม้เหลียวมายังไม่เคย
     ไม้ขีดเจ้าเอย เลยได้แต่ฝัน....ข้างเดียว 
     
     ดอกไม้จะบาน และหันไปตาม แต่แสงจากดวงอาทิตย์ 
     
     จุดตัวเอง ก็ยอมทันใด ให้ลุกเป็นไฟ...ขึ้นมา
     เพียงปรารถนา ให้มีลำแสง...สีทอง
     เพียงปรารถนา ดอกทานตะวัน...หันมองสักครั้ง
     เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย สาดแสงในใจ...ไม่นาน
     ดอกเหลืองอำพัน จึงหันมามอง และพบเพียงกอง...เถ้าถ่าน
     เจ้าไม้ขีดไฟ ก้านน้อยเดียวดาย เพราะรักจริงใจอย่างนั้น
     
     เพียงแค่เธอหัน เพียงแค่เธอมอง...ก็พอ 
      

--------------------------------------------------------------------------------

เจ้าดอกคัทเตอร์
งานเลี้ยงสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จ ความสุข   ความภาคภูมิใจ สถานที่ถูกจัดไว้อย่างปราณีตงดงามเหลือเกิน 
ระบำฮาวายสายสะโพกโยกสะเอวโชว์สะดือบุ่มผ่านพ้นไปแล้วเรียกเสียงปรบมือฮือฮาวี๊ดวิ๊วววว.จากผู้มาร่วมงานได้อย่างมากมายทีเดียว
    
 ลำดับต่อไปเป็นโมเดิลแดนซ์ที่เธอเฝ้ารอ..นั่นพ่อวิลหลี ชายในดวงใจของเธอ ทุกอิริยาบทของเขาช่างน่าประทับใจ      
รูปร่างสูงโปร่งกล้ามแขนเป็นมัดๆ ดูผิวหน้าที่ขาวไร้หนวดเครา ขนคิ้วที่ดกดำ ตาตี่ๆของเค๊าสิ      
สิ่งเหล่านี้ที่ทำให้เธอแอบเก็บเขามาไว้ในฝันตลอดมา ฟันที่ขาวสวยเรียงกันเป็นระเบียบ      
ริมฝีปากที่ไม่ดำคล้ำเหมือนผู้ชายทั่วไป ทุกคำพูดก็นุ่มนวลชวนฟัง
     
พ่อยอดชายของฉันเธอลำพึงอยู่ในใจ
แม้ต้องเบียดเสียดเพื่อนหญิงนับสิบเธอก็พยายามไม่ให้ยอดชายของเธอรอดสวยตางอนงามของเธอแม้เพียงวินาที      
โมเดิลแดนซ์จบลงท่ามกลางเสียงปรบมือที่กึกก้อง ช่างน่าภูมิใจเหลือเกินชายในฝันของเธอ      
สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมจำนวนมาก เป็นที่โปรดปรานของสาวน้อยสาวใหญ่รอบข้างเวที      
เสียงตะโกนร้องเรียกชื่อ วิลหลี วิลหลี .ดังอยู่ไม่ขาดระยะ
     
พ่อคนเก่งของฉัน.. เธอกุมมือตัวเองไว้ที่หน้าอกมองเขาด้วยสายตาปลาบปลื้มที่สุด      
ดอกไม้ที่ปักไว้ในแจกันดอกแล้วดอกเล่าถูกสาวสวยถอดเพื่อหยิบยื่นเป็นกำลังใจให้พ่อคนเก่งของเธอ     
เธอไม่รู้สึกอิจฉาหญิงสาวเหล่านั้นที่ได้มีโอกาสใกล้ชิดยอดชายของเธอ เธอมีเขาอยู่ในใจแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว      
     
ดูเหมือนสายตาของเขาหันมาหยุดอยู่ที่เธอ หัวใจเธอเต้นตุ้มๆต่อมๆ แหมจะไม่ให้เขิลได้อย่างไร      
ตั้งแต่เกิดมาไม่มีใครมามองเธอแบบนี้นี่นา โดยเฉพาะเป็นผู้ชายที่เธอแอบชื่นชมหลงใหลด้วยแล้ว      
ตายล่ะเขาเดินตรงมาแล้ว ซ่อนรอยยิ้มไว้บนใบหน้าอันหล่อเหลา หัวใจน้อยๆของเธอแทบหยุดเต้นเมื่อเขายื่นมือมาเหมือนจะแตะตัวเธอ      
จะทำยังไงดีนะ ก็ยังไม่เคยต้องมือชายนี่ สาวน้อยหลับตาปี๋หัวใจเต้นรัว นึกในใจว่า      อย่านะคะ อย่านะคะ ไม่เคยนะ 
     
นานเกินไปสำหรับการเดินทางแค่สามก้าวเค๊ายังไม่มาถึงตัวเธอ สาวน้อยค่อยๆลืมตาขึ้นมาหวังจะเห็นเขายืนยิ้มอยู่เบื้องหน้า      
 
น่าสงสารเป็นการลืมตาครั้งที่แสนเจ็บปวด เค๊าไม่ได้เดินมาเพื่อหาเธอ เพื่อนรักที่ยืนข้างเธอต่างหากที่เขาต้องการ
ชายในฝันหยิบกุหลาบสีชมพูหันหลังเดินจากไปไร้รอยยิ้มเพื่อเธออย่างที่ฝัน.ใช่สินะ      
ชายหนุ่มจะหาดอกไม้สักดอกนึงให้หญิงสาว เค๊าคงไม่เสียเวลามาหยิบดอกคัทเตอร์ไร้ค่าอย่างเธอหรอก      
เธอมันก็แค่ตัวประกอบ แค่ดอกไม้ที่ถูกปักไว้เพื่อส่งเสริมให้คนอื่นได้เป็นนางเอก
     
ดอกคัทเตอร์มองตามชายในฝันด้วยหัวใจแหลกสลาย ถึงไม่เคยคิดหวังว่าเขาจะหันมาสนใจตัวเธอ      
ไม่เคยหวังว่าจะเป็นดอกไม้ใจดวงใจของใคร แต่เมื่อสักครู่นี้เหตุการณ์พาให้เธอคิดเตลิดไปไกล      
ไกลเกินกว่าจะหยุดน้ำใสๆในตาไว้ได้เมื่อ..ไม่ได้เป็นอย่างที่.แอบหวัง.....
     
     
เองานเลิกแล้ว ดอกไม้สวยๆถูกทิ้งเกลื่อนเลย 
ใครนะ??มาตอนงานเลิก หน้าตาบ่งบอกว่าโลโซสิ้นดี 
แต่งตัวดูไม่ได้เลย หนวดเครารุงรังโกนซักทีรึเปล่านะเนี่ย      
อยู่ใกล้จะเบื่อรึเปล่าหว่าาาา.ดอกคัทเตอร์คิดในใจ 
     
อืมมมม.นี่เหรอ??ดอกคัทเตอร์ ไม่มีใครแตะเลยนะ 5 5 5 มามะเจ้าดอกคัทเตอร์ พี่จะพาไปแช่น้ำสะอาดๆ      
อากาสดีๆปล่อยให้กุหลาบเฉาเต็มพื้นอยู่นี่แหละ รู้มั๊ยผู้หญิงที่พี่รัก ชอบดอกคัทเตอร์ที่สุด  .
ชายหนุ่มพาดอกคัทเตอร์ที่ยิ้มทั้งน้ำตาเดินจากไป อย่างน้อยนะ อย่างน้อย เจ้าก็มีค่าสำหรับใครบ้างแล้ว..สองคน.....				
15 สิงหาคม 2545 19:27 น.

เรื่องของไอ้มาด..สุดหล่อ

ดอกแก้ว

พระอาทิตย์หัวเหน่งเปล่งแสงแสบตาแต่เช้า  แม้นอนคลุมโปงโก่งก้นก็หารอดพ้นแสงที่เสนอหน้าเข้ามาแยงตาถึงในผ้าห่มไม่ โอ..พระเจ้า.นี่หรือวันหยุด        
ว่าจะนอนให้เต็มอิ่มซะหน่อย เสียงยายทองสุขข้างบ้านตีลูกก็ดังรบกวนโสตประสาทซะเหลือเกิน   ยัยคนนี้ซาดิสก์ เลี้ยงลูกด้วยลำแข้งของแกเองจริงๆ 
อยากตะโกนบอกว่า "ฆ่ามันเลยเป็นไงยายทองสุข"  ก็กลัวว่าแกจะฆ่าซะจริงๆ บาปกรรมคนบอกเปล่าๆ เฮ้ออออ
แต่ว่าไอ้แดงน้อยลูกแกมันก็น่าฆ่าทิ้งจริงๆนะ        ร้องได้ร้องดี เดินหางานต่อดีกว่าเราวันนี้ 
       
หยิบแปรงสีฟันขนฟูคู่ชีพบีบลมของยาสีฟันลงไป ( เนื้อหมดแล้วเหลือแต่ลมครับท่าน  ตกงานอยู่ ) อุเหม่..สภาพเหมือนแปรงขัดส้วมเลย 
ผ้าขนหนูผืนเก่าที่นุ่งทีไรก็ตูดขาดทุกที   ไม่เป็นไร๊คนรูปหล่อทำไรไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว ไอ้มาดยิ้มกับตัวเองด้วยความภูมิใจดีนะที่เกิดมาหน้าตาดี        
ยังพอมีสิ่งที่จะเร้าใจสาวๆแถวนี้อยู่บ้าง เดินมายี่สิบซอยแล้วงานก็ไม่มี หิวก็หิว    เงินก็ไม่มีสักแดงเดียว ทำไงดีน๊าาาาา โอยยยหิวจนตาลาย 
มองหาใครที่รู้จักสักคนก็หามีไม่    ทำไงดี ทำไงดี อา.ได้การล่ะ เด็กนั่นนั่งกินไอติมอยู่คนเดียว เสร็จเรา..ไอ้มาดเหลียวซ้ายแลขวาไม่มีใคร        
โอกาสทองมาถึงแล้ว เด็กอายุสองขวบจะช่วยเหลือตัวเองได้ยังไงกับการจู่โจมของมัน        

ไอ้มาดตรงลิ่วเข้าหาเด็กน้อยอย่างอุกอาจ ในมือถือท่อนไม้อันเขื่องที่หยิบมาจากป้ายรถเมล์  ( มาจากไหนก็ไม่รู้ 
เหมือนในหนังบู๊ที่อยู่ๆก็มีปืนซ่อนอยู่ให้พระเอกนั่นแหละครับ  ) 
เงื้อมสุดแขนฟาดผั๊วะๆๆ เลือดสีแดงๆไหลนองพื้น อา..ไอ้มาดทำอะไรลงไปคุณผู้อ่าน.
       
ร่างน้อยๆของเขียดเหยียดขิ้งนิ่ง นี่แหละเค๊าเรียกตายหยังเขียด เอ๊ะ??เลือดเขียดสีอะไรนะแดงรึเปล่า    
เด็กน้อยอ้าปากค้างด้วยความตกใจกลัวคิดไม่ถึงโลกนี้จะมีคนที่โหดร้ายขนาดไอ้มาดได้   มือก็ปล่อยโคนไอติมสุดรักเกือบจะตกถึงพื้นอยู่แล้ว 
ไอ้มาดไม่รอช้า..พลาดโอกาสนี้คงรอไปอีกนาน    สวมวิญญาณผู้รักษาประตูเก่าจากทีมโรงเรียนโคกกระเซ็น กระโดดรับโคนไอติมโดยไม่หกสักหยด    
อะฮ๊า..เสร็จเรา คงพอประทังชีวิตไปได้ชั่วคราว 

ไอ้มาดสุดหล่อเดินเลียไอติมหนีไปอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจเสียงด่าทอจากเด็กสองขวบที่นึกเสียดายขึ้นมาเพราะมันไม่โดนพื้น        
ปากจัดจริงๆเด็กคนนี้สงสัยพ่อแม่ไม่สั่งสอน ไอ้มาดคิดในใจ
       

"อ้าว..มาดไปไหนมาจ๊ะ???" เสียงหวานหูที่คุ้นเคยแว่วมาแต่ไกลทักทายอย่างกันเองที่สุด   
"ทำงานมาครับ" ไอ้มาดเก๊กเสียงให้หล่อใกล้เคียงกับใบหน้าของตัวเอง ช่ายยย..จะบอกตุ๊กตาแม่ยอดยาหยีของมันได้ยังไง
ว่าตกงานอยู่  5 5 อายเค๊าตายเลย 

"ไปนะจ๊าาาา" 
"คร๊าบบบผม" ไอ้มาดฉีกยิ้มถึงรูหูมองตามหลังแม่พยาบาลหวานใจด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม        
ไม่ลืมที่จะมองต่ำลงถึงก้นอันงอนเช้งของหล่อน "ไอ้บ้า! มองเธอแบบนั้นได้ยังไงกัน"    มันบอกกับตัวเอง แต่ก็งอนจริงๆนี่หว่า นะ..
ว่าแต่ว่าเมื่อตะกี้เธอเห็นท่ารับไอติมอันน่าประทับใจของมันรึเปล่าหว่า        555 เห็นดีม๊ะ

ขอย้อนกลับไปเมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว    ขณะที่ไอ้มาดกำลังพาใบหน้าอันหล่อเหลา 
หนวดเคราที่โกนซะเกลี้ยงเกลาด้วยยิลเลตของไอ้หวินเพื่อนรักที่ให้ยืมมา    โอน้ำใจเพื่อนฝูงทำให้ไอ้มาดดูหล่อมีคลาสขึ้นเยอะ 
( คนละคนกับปู้จิ้งหวิน   แห่งฟงหวินขี่พายุทะลุฟ้านะครับ ) 
กำลังเดินวิจัยฝุ่นอยู่อย่างสุดเซ็ง เหงื่อไหลอาบใบหน้าอันหล่อเหลานั้นดูแล้วเท่สมบุกสมบันดี        
คงดีกว่านี้ถ้าเย็นนี้จะมีข้าวกินแทนอาหารญี่ปุ่นที่กินอยู่ทุกวี่วันสักมื้อ    เฮ้อออมาม่ามันก็เบื่ออ่ะนะกินบ่อยๆ 

" ช่วยด้วยค่าาาาา คนกระชากกระเป๋า ซ่อยแหน่..ซ่อยแหน่"       
เสียงร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวที่ตกใจจนสำเนียงบ้านเกิดแถวกาฬสินธุ์แป้ดออกมา        
อุ๊ย..แป้ด..น่าเกลียดนะครับ 
       
ไอ้มาดหันควับตามเสียงร้อง ปล่าววว..ไม่ได้คิดจะช่วยเหลืออะไรหรอกครับแค่จะมองว่าเสียงไผวะคือคนบ้านเฮาแท้ทันทีที่ประสบพบพักตร์        
เลือดพระเอกที่มีอยู่ในกายไอ้มาดเต็มเปี่ยมฉีดพล่าน ว๊าว! พยาบาลสาวสวยซะด้วยแฮะชอบซะแล๊ววววว.นั่นแน่  ! เอาแล้วไงพระเอกของเรา 
เอาวะ..เป็นไงเป็นกันต้องช่วยเธอหน่อย ไอ้หน้าปลาจวดนั่นวิ่งมาทางนี้พอดี    ขอเป็นพระเอกกะเค๊าสักวันเถอะวะ 
ไม่รอช้า ไอ้มาดเตะพาดกลางลำของไอ้มือกาวที่วิ่งมาอย่างเหมาะเจาะ   มันล้มลงไปกลิ้งโค่โล่จุกท้องอยู่ริมฟุตบาท 
รอให้ตำรวจมาลากคอ ตำรวจก็แบบนี้แหละครับมาเก็บกวาดทุกที        ฮ่าๆๆก็หนังไทยนี่นะ
       

" ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ ถ้าไม่ได้คุณดิฉันคงแย่ค่ะ " 
ตุ๊กตาสาวพยาบาลที่กลายเป็นหวานใจของไอ้มาดไปซะแล้วอย่างไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัวกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจที่สุด  
ไอ้มาดเก๊กหน้าหล่อยิ้มที่มุมปากอย่างที่มันคิดว่าหล่อที่สุดเพราะเคยฝึกยิ้มบ่อยๆหน้ากระจกใบน้อยที่บ้านเช่าแคบๆของมัน  
      
" ไม่รู้จะขอบคุณยังไง ขอตาเลี้ยงข้าวสักมื้อนะคะ " 
เธอยิ้มอย่างที่ไอ้มาดไม่เคยเห็นใครจะยิ้มหวานปานจะกระชากใจหนุ่มรูปหล่ออย่างมันได้ขนาดนี้        
" ไม่เป็นไรครับ อะฮ๊า..อย่าลำบากเลยครับ ผมทำไปเพราะไม่อยากเห็นผู้หญิงถูกรังแกน่ะครับ   " 
ว๊าว ! พูดออกไปได้ไงเนี่ยเหมือนพระเอกหนังไทยเลย ช่างขัดกับเสียงร้องจ๊อกๆๆของท้องไส้ตอนนี้ที่เฝ้ารอคนมีน้ำใจสักคนมาประทานข้าวให้สักมื้อ        
แฮ่ะๆ ก็ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่ครับพระเอกของเรา

 " ไม่เป็นไรค่ะ  ให้ตาเลี้ยงเถอะนะคะ เป็นการตอบแทนค่ะ คนมีน้ำใจขนาดนี้จะไม่ตอบแทนได้ไงล่ะคะ        
" เฮ้อออโล่งอกไปทีที่เธอไม่รีบร้อนรับคำปฏิเสธของมัน ก็หิวจะตายอยู่แล๊ววววว        แกล้งเก๊กมาดพระเอกไปงั้นเองอ่ะ 555
       
" ทานอะไรล่ะคะ ตามสบายเลยค่ะ เชิญเลยนะคะ " สาวเจ้าเอ่ยปากถามผู้มีพระคุณผู้หล่อเหลาด้วยความสำนึกในความดีเมื่อตะกี้        
ไอ้มาดได้แต่ยืนเก้อๆ ไม่รู้จะกินอะไรดี มันช่างน่ากินไปหมด ที่สำคัญไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรบ้างน่ะสิครับไม่เคยกินนี่นา..        
ฮ่าๆๆๆน่าสงสาร รู้จักก็แต่ส้มตำปูที่ส่งกลิ่นยั่วน้ำลายชาวอีสานอย่างมันนี่แหล่ว   
แต่ครั้นจะบอกว่ากินส้มตำ..มันก็ขัดกับหน้าตาอันหล่อเหลาซะเหลือเกินนี่สิ ทำไงดีน๊าาาา        
ไม่อยากให้สาวเจ้ารู้ว่า " มันเป็นลาวววว " 

" ตามสบายนะคะ ตาขอสั่งส้มตำก่อนละค่ะ  อู๊ยยยย..ได้กลิ่นปลาร้าแล้วน้ำลายหกค่ะ ซู๊ดดดด
" อ้าว! ลาวเหมือนกันนี่หว่าไอ้มาดคิดในใจ     แต่อุบไว้ก่อนยังไม่บอกว่ามันสุดแสนจะดีใจจะได้กินส้มตำซะที 
" ส้มตำก็ดีครับผมทานได้   " ฮั่นแน่.เข้าใจหาทางออกแฮะพ่อพระเอกกกก
       
" ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยตาไว้ " เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้งอย่างซาบซึ้งเป็นครั้งที่  80 ที่นั่งกินส้มตำอยู่ 
ไอ้มาดอร่อยจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง ขี้มูกขี้ตาไหลโอยยยยแซ่บหลาย   ช่างไม่เก็บอาการเอาซะเลย ฮ่าๆๆๆพ่อพระเอกของเรา 
" เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้มั๊ยครับ?"   ไอ้มาดคิดในใจ 
"เพี๊ยะ !"
เสียงฝ่ามือนิ่มๆของเธอฟาดเปรี๊ยงที่ใบหน้าของไอ้มาด   
ไอ้มาดได้แต่ทำหน้างงๆ ระคนตกใจ ..อะไรวะ นี่แค่คิดในใจเท่านั้นเองนะ รู้ได้ไงเนี่ย??   โอสมกับที่เป็นพยาบาล ช่างมีจิตวิทยาสูงส่ง 

" แมงวันน่ะค่ะ ร้านนี้แมงวันเยอะนะคะ   เนี่ยตัวเบ่อเริ่มเลย " 
โห.นี่ตบแมงวันหรอกเหรอ???? ฮ่าๆๆๆ นึกว่ารู้ว่าคิดอะไร        
       
       
ตั้งแต่วันนั้นสองคนก็รู้จักทักทายกันเรื่อยมา รู้แล้วนะครับว่ารู้จักกันได้ไง     
ตอนต่อนี้หายไปไหนก้ไม่รู้นะ 


หลายวันแล้วที่ไอ้มาดไม่ได้เห็นหน้าขาวๆก้นงอนๆของเธอ   เธอคงยุ่งน่ะก็เลยไม่มีเวลาเดินผ่านมาให้ไอ้มาดได้ยลโฉม 
ก็แหงแซะหละเธอไม่ได้ตกงานเหมือนกระทาชายนายมาดสุดหล่อนี่นะจะได้มีเวลาว่างทั้งวัน   
พูดซะเสียภาพพจน์พระเอกเลยนะครับ ที่จริงไอ้มาดก็พยายามหางานทำอยู๊..แต่ทำไงได้ล่ะครับโผล่จอกหลอกหน้าไปสมัครงานที่ไหนเค๊าก็บอกว่า        
"งานนี้ไม่เหมาะกะคนหน้าตาดีอย่างคุณหรอกค่ะ " โห....ปลื้มซะไม่มีอ่ะ ควรจะดีใจรึว่าเสียใจดีเนี่ยไอ้มาดเอ๋ยไม่น่าเกิดมาหน้าตาดีเลยเอ็ง        
แต่เอ๊ะ..รึว่าเค๊าพูดประชดเอ็งล่ะ 

ทุกค่ำคืนไอ้มาดได้แต่กอดหมอนนอนฝันถึงเธอ   น้ำลายงี้ไหลเป็นทาง ฮ่าๆๆ ภาพพจน์พระเอกแทบจะไม่เหลือให้เห็น อนิจจาหมอนที่เคยนุ่ม   
สะอาดน่าหนุนนอนบัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความรักของไอ้มาด คราบน้ำลายครับคราบน้ำลาย   อย่าคิดเป็นอย่างอื่นเด็ดขาด 
เพราะเขาคือพระเอกของเรื่องครับเสียหมดเลย 

ตุ๊กตาจ๋า..ตุ๊กตาจ๋า...หลุดออกมาจากปากห้อยๆของมันอยู่บ่อยๆ    พอๆกับสันแข้งของไอ้หวินเพื่อนรักที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของเจ้านาย        
เวลาที่ไอ้มาดละเมอเพ้อพก เมื่อไหร่น๊า....หมอนที่หนุ่นนอนจะกลายเป็นตักนุ่มๆของยาหยีเจ้าของหัวใจของไอ้มาด   
เฮ้ออออ...คงมีวันหรอกนะ นั่นไง..เธอมาแล๊วววว 
ไอ้มาดสุดแสนจะดีใจหลังจากที่เงียบเหงาส้วมซึมเอ๊ยเศร้าซึมมาหลายวัน       


 ตุ๊กตาเธอเดินมาแล้ว คงกลับบ้านมาน่ะ..เธอเป็นคนติดบ้านมากกกกกขอบอก หยุดเป็นไม่ได้กลับบ้านลูกเดียว    
ผิดกับไอ้มาดที่แทบจะจำบ้านของตัวเองไม่ได้แล้ว นั่นคงเป็นความแตกต่างทางพื้นฐานครอบครัวกระมัง        
ตุ๊กตามาจากครอบครัวที่สมบูรณ์ อบอุ่นทุกสภาวะ ส่วนไอ้มาดมาจากเศษของคำว่าครอบครัว
       
เธอพาก้นงอนๆของเธอเดินใกล้เข้ามาๆๆ เฮ๊ยยย..ยางงงง เดินมาไม่ถึงรู้ได้ไงว่าก้นงอน        เอ๋า..ก็ความรู้เก่าเนาะ 
ที่จริงหุ่นขนาดสูง 155 อย่างเธอจะทำให้ก้นงอนได้ขนาดไหนกันเชียวนะว่ามั๊ย??เอาน่า...งอนและดูดีสำหรับไอ้มาดก็แล้วกัน        
สัดส่วนก็คงสัก 32 25 34 ไอ้ละมั๊ง??เอ๊า..ยังไม่จบอีกเดาเข้าปายยย ฮ่าๆๆ 

ดอกไม้เหี่ยวๆที่แอบเด็ดมาจากข้างทางถูกแอบไว้ด้านหลังรอต้อนรับที่เธอกลับมาหลังจากที่หายไปหลายวัน    
เธอต้องดีใจแน่..ไอ้มาดอม่ยิ้มที่จะได้ทำคะแนน
       
" สวัสดีคร๊าบตุ๊กตา..ดอกไม้สำหรับคุณครับ " ฮ่วย..ใครมาชิงพูดก่อนพระเอกของเรา        
อ๋อ..แบรทพิท นายตำรวจหนุ่มเพื่อนเก่าของเธอนั่นเอง มาพร้อมดอกไม้ช่อโต คงซื้อมาหลายตังค์ละมั๊ง        
แต่ใครอนุญาตให้มันแย่งมอบดอกไม้ก่อนพระเอกได้ไงวะ ทำงี้ได้ไง???ทำงี้ด้ายงายยยยหา.....
ไอ้มาดสวมบทผู้ร้ายชั่วคราวสวมเสื้อแจคเก็ตหนังสีดำยาวถึงเข่าเหมือนคีอานูรีฟส์ในหนังเดอะเมทริกซ์        
สวมแว่นกันแดดสีดำ พร้อมปืนกลมืออันโต กระหน่ำยิงไปที่ร่างของนายตำรวจหนุ่มนับร้อยๆนัด        
ใบหน้าหล่อๆเกือบจะสูสีกับมันแหลกเละด้วยรูกระสุน นอนกองเอาะเยาะอยู่ตรงฟุตบาทนั่นเอง        
ฮ่าๆๆสะใจ นอนทับขี้หมาอีกต่างหากล่ะ 
       
แต่....ได้แต่คิดเท่านั้นครับท่าน แล้วเค๊าก็เดินคู่เธอผ่านไป ทิ้งไอ้มาดคอตกอยู่กับดอกไม้เหี่ยวๆไร้ค่าไม่แพ้กัน        
เพื่อนเก่า..อย่างน้อยก็เก่ากว่าไอ้มาดล่ะ เพื่อนที่เธอชื่นชมและพูดถึเค๊าให้ฟังอยู่บ่อยๆ        

จึ๊กๆๆๆๆ ตายซะเถอะแก........โปสเตอร์แบรทพิทสุดโปรดถูกมีดปลอกผลไม้จิ้มจึ๊กๆๆๆ        
ขาดหมดเลยอ่ะ น่าสงสารที่บังเอิญชื่อเหมือนมารหัวใจไอ้มาด ฮ่าๆๆ เค๊าจะสะดุ้งมั๊ยล่ะไอ้มาดเอ๋ย        
จะว่าไปแล้วไอ้มาดใช่ว่าจะไม่รู้ว่าแทบจะไม่มีทางที่จะเด็ดดอกฟ้าลงมาตีเข่าได้        
มันดูต้อยต่ำเกินไปในทุกแง่มุม จะอาจหาญเอาอะไรไปรบราฆ่าฟันแย่งหัวใจเธอมาครองจากใครต่อใครได้        
ไอ้มาดได้แต่ถอนใจ....สิ่งเดียวที่มีกว่าใครคือหัวใจที่มีเพียงเธอ
       
จ๊อกๆๆๆ โอยยยยหิวข้าว...หาแย่งอะไรเด็กแถวนี้กินอีกดีกว่า ค่อยว่ากันใหม่       
 ฮ่าๆๆ 

แจ๊ะ -_-!   เวร ไอ้มาดเหยียบขี้หมา เวรกรรมมีจริงแฮะ 

--------------------------------------------------------------------------------

ตอน.....ไอ้มาดไม่สบาย
วันนี้ไอ้มาดไม่สบาย ที่จริงเป็นไข้หวัดนิดเดียวแต่หาเรื่องอยากไปโรงพยาบาล   5 5 5 แปลกมํ๊ยล่ะล่ะครับ 
ปกติแล้วถ้าไม่สาหัสจริงๆไม่มีวันหรอกครับ ( ความลับก็คือ..ไอ้มาดมันกลัวเข็ม   "จิ้มตูด" 5 5 5 เออนะใครกันเป็นคนบัญญัติคำนี้ "ตูด"        
ฟังดูน่าเกลียดพิลึก ) 

อาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า ช่างเป็นคนไข้ที่ร่าเริงแจ่มใสซะจริงๆไอ้มาดของเรา   หวีผมซะเรียบแปล้เลยอ่ะ หล่อสุดชีวิต 
นี่มันจะไปโรงพยาบาลรึว่าจะพาสาวไปเที่ยวกันแน่นะ  5 5 5  สองโมงกว่าๆ ไดอ้มาดก็มานั่งยิ้มเผล่อยู่โรงพยาบาลเรียบรอ้ยแล้ว 
นี่ขนาดมาแต่เช้ายังต้องรอคิวยาวววววเลยอ่ะ  ได้หมายเลขตั้งเกือบร้อยแน่ะ แต่ไม่เป็นไร๊ไอ้มาดเต็มใจรอ 
มันนั่งรวมอยู่กับคนอีกนับรัอยสองร้อยที่มารอรับบริการ "จิ้มตูด" อย่างจิตใจไม่ค่อยอยู่กะเนื้อกะตัวเท่าไหร่ รอและรอใคร??        

ตายล่ะเมื่อเช้ารีบไปหน่อย ลืมถ่ายทุกข์ แก๊สในลำไส้ใหญ่ก็เริ่มจะเกินพิกัดที่จะสามารถขมิบ   ขเม้ม ขยุ้มเอาไว้ได้แล้ว อา.ห์ 
ทำไงดีนะ ไอ้มาดนั่งบิดไปบิดมาอย่างคนเสียศูนย์   5 5 5 ( ก็ปล่อยเล๊ยยย การกลั้นตดนั้น เป็นบาป ค่อยๆบรรจงปล่อย ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว  ) 
เอาวะ ไอ้มาดค่อยๆคลายกล้ามเนื้อ " ตรงนั้น" เบาสุดชีวิต อาห์   โล่งอกไปที ไม่มีเสียงอย่างที่กังวลซะหน่อย แต่กลิ่นนี่สิ โอ๊ววววพระเจ้า        
ยอดผักกะถินริมรั้ว กะผักชะอม ช่างคงกลิ่นไว้ได้อย่างสมบูรณ์ดีแท้ ดูเหมือนจะกลิ่นแรงกว่าตอนที่กินเข้าไปซะอีกนะเนี่ย    5 5 5 

" เอ๊..ใครตดวะ?" ไอ้มาดรีบประกาศตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ท่าทางหัวเสีย   แมงวันหัวเขียวบินกันว่อนเลยอ่ะ 5 5 5 จมูกไวจริงๆ
เกือบเที่ยงแล้ว ไอ้มาดยังคงต้องรอ รอคิวน่ะไม่เป็นไร แต่รอคนนี่สิ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ประสบพบพักตร์แม่น้องรักพยาบาลหวานใจของมัน   
ที่จริงไอ้มาดรู้ว่าเธอทำงานอยู่ที่อีกตึกนึง หวังเพียงว่าเธอจะเดินผ่านมาให้ชื่นชม   ( ว๊าววว) บ้างเท่านั้น 
เท่านั้นจริงอ่ะ??? จริ๊งงงไม่โกหกอ๊ะๆๆก็ได้ๆๆ กะว่าจะส่งจอมอน้อยที่อุตส่าห์เขี่ยไว้เมื่อคืนก่อนตอนวางแผนว่าวันนี้จะป่วย        
โหลงทุนนะ ^_^ ท้องไส้ก็สุดจะปั่นป่วน ไอ้ตัวหัวหน้าทีมแทบจะดันตัวเองออกมาสู่สายตาชาวโลกอยู่แล้ว        
โอยยยยจะไปเข้าห้องน้ำก็กลัวว่าจะพลาดโอกาส ถ้าหวานใจเดินผ่านมา ได้แต่บิดไปบิดมา       

ว๊าวววนั่นไงเธอเดินมาแล้ววววว ชุดเขียวปลิวว่อนเลยอ่ะ เดินมาไกลไกลท่าทางรีบร้อน       
ตึกมันยาวครับต้องเข้าใจ มือที่กำจดหมายน้อยอยู่เปียกหมดแล้ว 5 5 5 ตื่นเต้นจัด    อีกสองช่วงเสาเธอก็จะมาถึงแล้ว แว๊บบบเอ๋า..เธอแวะเข้าห้องน้ำ 
อ๋อที่เห็นท่าทางรีบร้อนเธอคง 5 5 5 เอาล่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว รีบทำธุระก็คงออกมาทันเธอ ไปล่ะ จ๊วดดดดดเหมือนกัน        

ไอ้มาดพุ่งเข้าสุขาวดีแดนสวรรค์อย่างรวดเร็วสุดชีวิต ห้องน้ำชายหญิงติดกันแบบว่าเก็บเสียงไม่มิดกันเลยล่ะ        
อ๊าาาา.ห์ ปู๊ดดดด..ป๊าดดด..ดังสนั่นลั่นสุขาวดี รีบก็รีบกลัวจะออกไปไม่ทันเธอ     
เสียงกห้องโน้นก็ดังไม่แพ้กัน 5 5 5 เอาล่ะในเมื่อเธอไม่อายแล้วเราจะอายทำไมกันล่ะ   สุดๆไปเล๊ยยยยยย.อู๊ววว อ๊าาาา.
เสียงเงียบไปแล้ว.ประตูถูกเปิดออก ไอ้มาดยิ้มเผล่อย่างสบายตัว โล่งงงงงสุดๆ   ล้างมือ ล้างหน้า หวีผมเรียบแปล้ตามเดิม 
"คือหล่อแท้" ออกมายืนรอเธออยู่หน้าห้องน้ำหญิง   

"อ้าว..มาด มาโรงพยาบาลเป็นอะไรจ๊ะ?ไม่สบายเหรอ??" 
แหมแก้มใสๆของเธอ        น่าหอมจริงๆวันนั้น เอ๊ย..วันนี้ ริมผีปากสีชมพูอ่อนของเธอก็น่าเฮ้อออ..ไอ้มาดแอบถอนใจ        
เวลาเอื้อนเอ่ยก็แสนจะไพเราะเสนาะหู 
แต่เสียงในห้องน้ำเมื่อตะกี้ ช่างไม่เข้ากับบุคลิกอันนางเอ๊กกกนางเอกของเธอเลย   5 5 5 
"เป็นไข้นิดหน่อยน่ะครับ มารอคิวตั้งตะเช้าแล้ว ท้องเสียก็เลยเข้าห้องน้ำ   คุณตาท้องเสียเหมือนกันเหรอครับ เสียงดังเชียว ^_^ " 
" อุ๊ย! เปล่าค่ะ   ตาแค่มาฉิ๊งฉ่อง แล้วก็ล้างมือนิดหน่อยน่ะค่ะ พอดีเพิ่งทานส้มตำมา ไม่รู้ใครเข้าหอ้งน้ำเสียงดัง   น่าเกลียดเนี่ยตาเสียเลยนะคะ 
ว่าแต่เสียงจากฝั่งโน้นน่ะเสียงมาดเหรอ?สุดๆไปเลยนี่       

 " เอ๋า.ไอ้เราก็นึกว่าเธอเป็นแนวร่วม เลยปล่อยซะเต็มที่ ที่แท้เธอแค่มาฉิ๊งฉ่อง        
"เอ่ออออ.ผมเองครับ " เอ๋า..ว่าจะบอกว่าเปล่าซะหนอ่ย โกหกไม่เป็นนี่นะ  ไอ้มาดคนซื่อ อายแทบแทรกแผ่นหินอ่อนหนี5 5 5 

"ไปค่ะ เดี๋ยวตาลัดคิวให้" อีกสิบนาทีต่อมา จึ๊ก..อ๊ากกกกกกกกกกก..
5  5 5 5 5 คุ้มมั๊ยนะวันนี้ทั้งเจ็บทั้งอายเลยพระเอกของเรา
     




--------------------------------------------------------------------------------

เรื่องของนายจุ้ย
เช้าวันเสาร์ อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าปราศจากเมฆหมอกแต่งแต้ม  
คงมีแต่กลิ่นชื้นๆของหยาดฝนที่โปรยปรายลงมาชะโลมดินเมื่อค่อนรุ่ง ฝากร่องรอยความชุ่มฉ่ำไว้บนพุ่มไม้ใบหญ้าเขียวขจี      
แมงปอตาโตโผผินลิ่วล้อเล่นลม เฮ้ออออ.. วันหยุดสุดสวย นอนต่ออีกสักนิดดีมั๊ย??      อุ๊ย ! ไม่ได้สิ วันนี้มีนัดดูหนังกะตุ๊กตา
     
"ช้าอีกแล้วนะยะ ไปเหอะหนังฉายแล้วเนี่ย ทำไมเป็นผู้ชายที่ชักช้าอืดอาดขนาดนี้น๊าาาานายจุ้ย" 
     
หนังเริ่มฉายแล้ว ภายในโรงหนังมือสนิทมีเพียงแสงสว่างจากจอที่พอจะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆรอบข้างได้บ้าง      
ดูดวงตากลมโตใสแป๋วคู่นี้สิ นี่กระมังที่ทำให้หนุ่มน้อยประทับใจในครั้งแรกที่พบกันเมื่อหลายเดือนก่อน      
จมูกเชิดของเธอบ่งบอกถึงนิสัยซุกซนดื้อรั้นอยู่บ้างในบางโอกาส ริมฝีปากชมพูจิ้มลิ้มขอเธอเผยให้เห็นฟันซี่สวยในยามทีเธอพอใจ      
ทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยถึงจะดูนุ่มนวลชวนฝัน แต่ก็เต็มไปด้วยความไม่เดียงสา หาจริตใดๆไม่      
ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่หัวใจของหนุ่มน้อยจะตกเป็นของเธอก่อนที่ตัวเธอจะรู้ตัวเสียอีก      
จุ้ยมองสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างกายด้วยสายตาของคนที่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก      
อยากจะจับมือน้อยเรียวงามของเธอมากุมไว้แล้วพร่ำบอกถึงความรู้สึกที่คับแน่นเต็มอกตอนนี้ว่า      
รักเธอนะ รักเธอนะมีวิธีไหนบ้างที่จำทำให้เธอรู้สึกแบบเดียวกันนี้ได้ 
แต่เขาจะทำอย่างนั้นอีกครั้งได้อย่างไรในเมื่อได้ทำไปแล้วครั้งหนึ่ง      
และมันเกือบจะทำให้เสียเธอไป
     
"เราเป็นเพื่อนกันนะจุ้ย ขอบคุณมากสำหรับความรู้สึกนั้น แต่เก็บมันไว้เถอะเรารับมันไว้ไม่ได้หรอก  อย่าทำให้เราต้องลำบากใจเลยนะ"
 ตุ๊กตาบอกกับเขาเมื่อหลายวันก่อน จุ้ยได้แต่ก้มหน้ายอมรับและเฝ้าเก็บงำความรักที่ไม่สมบูรณ์นั้นไว้ลำพังรอการเปิดเผยอีกครั้ง      
แต่เขาจะทำได้หรือ???
     
     
บ่ายคล้อยๆของวันอาทิตย์ ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงแดดสีทองจับยอดตึกสูงระฟ้าดูแปลกตาดีเหมือนกัน      
ถึงบรรยากาสจะดูแปลกใหม่แต่ก็ไม่สามารถผ่อนคลายความเหงาในหัวใจของหนุ่มน้อยให้เบาบางลงไปได้      
สองอาทิตย์แล้วที่ต้องจากหญิงผู้เป็นที่รักมาเมืองหลวงด้วยหน้าที่บางอย่าง 
ทุกค่ำคืนจุ้ยได้แต่นั่งมองรูปถ่ายใบเล็กที่แอบหยิบมาจากกระเป๋าสตางค์เมื่อตอนที่ตุ๊กตาทำหล่นไว้ด้วยหัวใจปรารถนา      
คิดถึงเธอ..และ คิดถึงเธอถ้าเธออยู่ที่นี่ด้วย แสงนวลจากโคมไฟคงไม่เหงาอย่างนี้      
     
อาหารค่ำผ่านไปแล้ว ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดของจุ้ยยังจดจ่ออยู่ที่เธอ 
กับรูปถ่ายใบเล็กเดิมๆที่สีเกือบจะซีดอยู่แล้วเพราะต้องทำหน้าที่อย่างหนักอยู่ตลอดเวลา      
นั่นจดหมายฉบับแรกที่ตุ๊กตาเขียนถึงเขาจากจำนวนหลายฉบับที่เค๊าเขียนถึงเธอ เนื้อความในจดหมายบอกว่าเธอก็คิดถึงและเป็นห่วงไม่แพ้กัน      
ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่เขาจากมา ถึงแม้จะเป็นความรู้สึกแบบเพื่อนฝูงแต่ก็ทำให้เขาอดปลื้มใจและแอบยิ้มกับตัวเองไม่ได้ในทุกครั้งที่เปิดอ่าน      
"ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีด้วยนะ เราจะรอวันที่เธอกลับมา จุ้ย " แน่นอนเขาบอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมต้องเจ็บป่วยหรือเป็นอะไรไป      
จะกลับไปพบเธอในเร็ววันพร้อมร่างกายและหัวใจที่สิทธิการเป็นเจ้าของเป็นของเธอเต็มเปี่ยม      
เขาร่างข้อความจดหมายที่จะส่งถึงตุ๊กตาเอาไว้ในใจสวยหรูทุกถ้อยคำ สรรหาคำพูดแทนความรู้สึกรักล้นใจเอาไว้มากมาย      
แต่คืนนี้ยังก่อน พรุ่งนี้มีภารกิจต้องทำ " ราตรีสวัสดิ์กำลังใจของผม " จุ้ยบอกกับรูปถ่ายใบน้อยหลังฝากจุมพิตหนึ่งทีก่อนจะหลับฝันหวาน      
     
     
สามเดือนแล้วกับชีวิตที่นี่ ช่างเป็นสามเดือนที่ยาวนานเหลือเกินสำหรับเขา ท่าทีของตุ๊กตาดูเปลี่ยนไป      
ดูเธอจะยอมรับความรู้สึกนั้นของเขาได้มากขึ้น ท่าทีหงุดหงิดรำคาญใจเมื่อเขาเอ่ยความรู้สึกในใจเริ่มน้อยลง      
จนแทบจะไม่มีให้เห็นเลยในระยะหลังๆนี้ จนทำให้จุ้ยแอบคิดในใจว่าเขาเริ่มจะได้รับสิ่งที่เขาพยายามเป็นผู้ให้
แต่เพียงผู้เดียวมาโดยตลอดกลับคืนมาบ้างแล้ว      
ความเหงาหงอยแทบจะไม่มีโอกาสเข้ามาเกาะกินหัวใจของเขาได้อีก แสงแดดดูสดใส แสงไฟยามค่ำคืนก็ดูมีชีวิตชีวา      
ดวงดาวบนท้องฟ้าเฝ้ากระซิบกับเขาว่า ความพยายามของนายเป็นผลแล้ว จุ้ย.. ใช่แล้ว      
พรุ่งนี้ถึงเวลาที่เราจะได้กลับไปหาเธอ การรอคอยที่ยาวนานสิ้นสุดกันเสียที 
" พรุ่งนี้เราจะได้พบเธอ เธอจะไม่ปฏิเสธเราอีกแล้ว" จุ้ยเฝ้าบอกกับตัวเอง พรุ่งนี้พรุ่งนี้      
     
     
เที่ยงตรง..แดดน่าจะตรงหัวถ้าสามารถมองเห็นได้ในวันนี้ วันแห่งความยินดีของเขาอากาสน่าจะแจ่มใสกว่าที่เป็น      
ไม่เป็นไร..จุ้ยบอกกับตัวเอง ต้องรีบไปให้ถึงบ้านตุ๊กตาก่อนฟ้าจะรั่วลงมาในอีกไม่กี่นาที      
เธอจะต้องดีใจแน่ที่เขากลับมาโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าแบบนี้ เขากะเซอร์ไพรส์เธอเต็มที่      
อยากเห็นสีหน้าที่แสนจะยินดีเวลาได้เจอกัน รอยยิ้มที่สดใส และหัวใจน้อยๆสวยงามที่พร้อมจะมอบเป็นของขวัญรับการกลับมาของเขา      
" ตุ๊กตาของผม..ผมมาแล้ว " เสียงแห่งความยินดีในหัวใจเขา เหมือนเสียงกลองที่ดังกระหึ่มอยู่ตลอดระยะทางก่อนถึงบ้านเธอ      
" จวนแล้ว..อีกนิดเดียว "
     
     
" ตุ๊กตาเพิ่งเดินทางไปต่างประเทศกับคุณพ่อเมื่อเช้านี้เอง นี่จดหมายของเธอ "      
รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจสามเดือนที่เฝ้าตั้งตารอคอย ความหวังที่จะได้เห็นหน้าเปื้อนยิ้มไร้เดียงสาของสาวน้อยเจ้าของหัวใจนี้พลันหายไปหมดสิ้น      
     
" จุ้ยนี่คงเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่ตาจะเขียนถึงเธอ คุณพ่อต้องย้ายไปประจำที่ออสเตรเลีย      
ท่านให้ตาไปเรียนต่อที่นั่นด้วย ก็คงหลายปีจุ้ยกว่าจะได้กลับมา อนาคตของตายังยาวไกล      
ขอโทษด้วยนะที่ต้องทำแบบนี้ ตาเองก็เสียใจไม่แพ้เธอ ตัดใจเถอะนะ อย่ารออย่าทำให้ตาต้องมีห่วง      ลาก่อน.."
     
เหมือนฟ้าจะรับรู้ถึงความรวดร้าวในใจเขาได้ สายฝนและหยาดน้ำตาอาบใบหน้า ทั้งร่างกายเขาเปียกปอนกลางพายุฝน      
ไม่สนใจป้านวลที่ร้องเรียกให้เขาเข้าบ้าน 
จะให้ทำไงได้ล่ะ เข้าไปให้ป้านวลรู้ว่าบัดนี้หัวใจของเขาแหลกสลายไปแล้วด้วยกระดาษใบน้อยที่แกยื่นให้น่ะเหรอ???      
อย่าเลย...เหงาแทบขาดใจก็ยังมีสายฝนเป็นเพื่อนและปกปิดอาการต่อคนรอบข้างได้ ลาก่อน..ตุ๊กตา      ทุกสิ่งในชีวิตผม
     
ท้องฟ้าคร่ำครวญหวนไห้ สายฟ้าฟาดเปรี้ยงบาดใจ แต่นั่นมันน้อยไปเมื่อเทียบกับหัวใจที่แหลกสลายของเขาตอนนี้      ลาก่อน
     
     
" ป้านวลขาตาลืมของสำคัญค่ะ ตุ๊กตาคู่รักที่จุ้ยให้ตอนวันเกิดน่ะค่ะ ก็เลยเลื่อนเวลาเดินทาง      
เอ๊ะแถวปากซอยคนมุงอะไรกันคะเต็มเลย " 
     
     
เมื่อวิ่งมาถึง ตุ๊กตาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง อยากให้มันเป็นแค่ภาพลวงตาหรือแค่ฝันไป      
ร่างของหนุ่มน้อยที่เฝ้ารำพึงรำพันฝากรักเธอ รักเธอ และรักเธอสุดหัวใจนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า      
น้ำฝนรอบกายเป็นสีแดงสดด้วยเลือดของเขา เสื้อที่เธอเคยซื้อให้เมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมาเปียกโชกเพราะน้ำฝน      
กระเป๋าเดินทางใบเล็กฉีกกระจุยด้วยแรงชนของรถ ในมือของเขากำกระดาษเปียกน้ำไว้แน่น  ใช่..จดหมายจองตุ๊กตาสุดที่รักของเขานั่นเอง
     
" จุ้ย..ตากลับมาแล้ว ตาตั้งใจกลับมาหาเธอ ตื่นสิคนดีของตา ตาจะมาบอกว่าตารักเธอ      ตารักเธอนะ ตื่นสิจุ้ยอย่าทำอย่างนี้กับตานะ 
เธอเป็นยังงี้เพราะจดหมายฉบับนี้ของตาเหรอ      ฮือๆๆ? ?" 
     
ก้มกอดร้องไห้คร่ำครวญปริ่มว่าจะขาดใจร่างสงบนิ่งของจุ้ยหาได้ตอบรับใดๆต่อเธอไม่      
จากนี้ไปเธอจะไม่มีเขาคอยพร่ำคำรักให้ฟังอีกแล้ว จุ้ยผู้น่าสงสารที่สุดตลอดเวลาที่ผ่านมาตาขอโทษที่ไม่ได้ตอบแทนความรู้สึกดีๆเหล่านั้นให้เธอ      
แต่จากนี้หัวใจตาจะเป็นของเธอ..นิรันดร์ 
     
  
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 








 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
พระอาทิตย์หัวเหน่งเปล่งแสงแสบตาแต่เช้า  แม้นอนคลุมโปงโก่งก้นก็หารอดพ้นแสงที่เสนอหน้าเข้ามาแยงตาถึงในผ้าห่มไม่ โอ..พระเจ้า.นี่หรือวันหยุด        
ว่าจะนอนให้เต็มอิ่มซะหน่อย เสียงยายทองสุขข้างบ้านตีลูกก็ดังรบกวนโสตประสาทซะเหลือเกิน   ยัยคนนี้ซาดิสก์ เลี้ยงลูกด้วยลำแข้งของแกเองจริงๆ 
อยากตะโกนบอกว่า "ฆ่ามันเลยเป็นไงยายทองสุข"  ก็กลัวว่าแกจะฆ่าซะจริงๆ บาปกรรมคนบอกเปล่าๆ เฮ้ออออ
แต่ว่าไอ้แดงน้อยลูกแกมันก็น่าฆ่าทิ้งจริงๆนะ        ร้องได้ร้องดี เดินหางานต่อดีกว่าเราวันนี้ 
       
หยิบแปรงสีฟันขนฟูคู่ชีพบีบลมของยาสีฟันลงไป ( เนื้อหมดแล้วเหลือแต่ลมครับท่าน  ตกงานอยู่ ) อุเหม่..สภาพเหมือนแปรงขัดส้วมเลย 
ผ้าขนหนูผืนเก่าที่นุ่งทีไรก็ตูดขาดทุกที   ไม่เป็นไร๊คนรูปหล่อทำไรไม่น่าเกลียดอยู่แล้ว ไอ้มาดยิ้มกับตัวเองด้วยความภูมิใจดีนะที่เกิดมาหน้าตาดี        
ยังพอมีสิ่งที่จะเร้าใจสาวๆแถวนี้อยู่บ้าง เดินมายี่สิบซอยแล้วงานก็ไม่มี หิวก็หิว    เงินก็ไม่มีสักแดงเดียว ทำไงดีน๊าาาาา โอยยยหิวจนตาลาย 
มองหาใครที่รู้จักสักคนก็หามีไม่    ทำไงดี ทำไงดี อา.ได้การล่ะ เด็กนั่นนั่งกินไอติมอยู่คนเดียว เสร็จเรา..ไอ้มาดเหลียวซ้ายแลขวาไม่มีใคร        
โอกาสทองมาถึงแล้ว เด็กอายุสองขวบจะช่วยเหลือตัวเองได้ยังไงกับการจู่โจมของมัน        

ไอ้มาดตรงลิ่วเข้าหาเด็กน้อยอย่างอุกอาจ ในมือถือท่อนไม้อันเขื่องที่หยิบมาจากป้ายรถเมล์  ( มาจากไหนก็ไม่รู้ 
เหมือนในหนังบู๊ที่อยู่ๆก็มีปืนซ่อนอยู่ให้พระเอกนั่นแหละครับ  ) 
เงื้อมสุดแขนฟาดผั๊วะๆๆ เลือดสีแดงๆไหลนองพื้น อา..ไอ้มาดทำอะไรลงไปคุณผู้อ่าน.
       
ร่างน้อยๆของเขียดเหยียดขิ้งนิ่ง นี่แหละเค๊าเรียกตายหยังเขียด เอ๊ะ??เลือดเขียดสีอะไรนะแดงรึเปล่า    
เด็กน้อยอ้าปากค้างด้วยความตกใจกลัวคิดไม่ถึงโลกนี้จะมีคนที่โหดร้ายขนาดไอ้มาดได้   มือก็ปล่อยโคนไอติมสุดรักเกือบจะตกถึงพื้นอยู่แล้ว 
ไอ้มาดไม่รอช้า..พลาดโอกาสนี้คงรอไปอีกนาน    สวมวิญญาณผู้รักษาประตูเก่าจากทีมโรงเรียนโคกกระเซ็น กระโดดรับโคนไอติมโดยไม่หกสักหยด    
อะฮ๊า..เสร็จเรา คงพอประทังชีวิตไปได้ชั่วคราว 

ไอ้มาดสุดหล่อเดินเลียไอติมหนีไปอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจเสียงด่าทอจากเด็กสองขวบที่นึกเสียดายขึ้นมาเพราะมันไม่โดนพื้น        
ปากจัดจริงๆเด็กคนนี้สงสัยพ่อแม่ไม่สั่งสอน ไอ้มาดคิดในใจ
       

"อ้าว..มาดไปไหนมาจ๊ะ???" เสียงหวานหูที่คุ้นเคยแว่วมาแต่ไกลทักทายอย่างกันเองที่สุด   
"ทำงานมาครับ" ไอ้มาดเก๊กเสียงให้หล่อใกล้เคียงกับใบหน้าของตัวเอง ช่ายยย..จะบอกตุ๊กตาแม่ยอดยาหยีของมันได้ยังไง
ว่าตกงานอยู่  5 5 อายเค๊าตายเลย 

"ไปนะจ๊าาาา" 
"คร๊าบบบผม" ไอ้มาดฉีกยิ้มถึงรูหูมองตามหลังแม่พยาบาลหวานใจด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม        
ไม่ลืมที่จะมองต่ำลงถึงก้นอันงอนเช้งของหล่อน "ไอ้บ้า! มองเธอแบบนั้นได้ยังไงกัน"    มันบอกกับตัวเอง แต่ก็งอนจริงๆนี่หว่า นะ..
ว่าแต่ว่าเมื่อตะกี้เธอเห็นท่ารับไอติมอันน่าประทับใจของมันรึเปล่าหว่า        555 เห็นดีม๊ะ

ขอย้อนกลับไปเมื่อประมาณสามเดือนที่แล้ว    ขณะที่ไอ้มาดกำลังพาใบหน้าอันหล่อเหลา 
หนวดเคราที่โกนซะเกลี้ยงเกลาด้วยยิลเลตของไอ้หวินเพื่อนรักที่ให้ยืมมา    โอน้ำใจเพื่อนฝูงทำให้ไอ้มาดดูหล่อมีคลาสขึ้นเยอะ 
( คนละคนกับปู้จิ้งหวิน   แห่งฟงหวินขี่พายุทะลุฟ้านะครับ ) 
กำลังเดินวิจัยฝุ่นอยู่อย่างสุดเซ็ง เหงื่อไหลอาบใบหน้าอันหล่อเหลานั้นดูแล้วเท่สมบุกสมบันดี        
คงดีกว่านี้ถ้าเย็นนี้จะมีข้าวกินแทนอาหารญี่ปุ่นที่กินอยู่ทุกวี่วันสักมื้อ    เฮ้อออมาม่ามันก็เบื่ออ่ะนะกินบ่อยๆ 

" ช่วยด้วยค่าาาาา คนกระชากกระเป๋า ซ่อยแหน่..ซ่อยแหน่"       
เสียงร้องขอความช่วยเหลือของหญิงสาวที่ตกใจจนสำเนียงบ้านเกิดแถวกาฬสินธุ์แป้ดออกมา        
อุ๊ย..แป้ด..น่าเกลียดนะครับ 
       
ไอ้มาดหันควับตามเสียงร้อง ปล่าววว..ไม่ได้คิดจะช่วยเหลืออะไรหรอกครับแค่จะมองว่าเสียงไผวะคือคนบ้านเฮาแท้ทันทีที่ประสบพบพักตร์        
เลือดพระเอกที่มีอยู่ในกายไอ้มาดเต็มเปี่ยมฉีดพล่าน ว๊าว! พยาบาลสาวสวยซะด้วยแฮะชอบซะแล๊ววววว.นั่นแน่  ! เอาแล้วไงพระเอกของเรา 
เอาวะ..เป็นไงเป็นกันต้องช่วยเธอหน่อย ไอ้หน้าปลาจวดนั่นวิ่งมาทางนี้พอดี    ขอเป็นพระเอกกะเค๊าสักวันเถอะวะ 
ไม่รอช้า ไอ้มาดเตะพาดกลางลำของไอ้มือกาวที่วิ่งมาอย่างเหมาะเจาะ   มันล้มลงไปกลิ้งโค่โล่จุกท้องอยู่ริมฟุตบาท 
รอให้ตำรวจมาลากคอ ตำรวจก็แบบนี้แหละครับมาเก็บกวาดทุกที        ฮ่าๆๆก็หนังไทยนี่นะ
       

" ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ ถ้าไม่ได้คุณดิฉันคงแย่ค่ะ " 
ตุ๊กตาสาวพยาบาลที่กลายเป็นหวานใจของไอ้มาดไปซะแล้วอย่างไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัวกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจที่สุด  
ไอ้มาดเก๊กหน้าหล่อยิ้มที่มุมปากอย่างที่มันคิดว่าหล่อที่สุดเพราะเคยฝึกยิ้มบ่อยๆหน้ากระจกใบน้อยที่บ้านเช่าแคบๆของมัน  
      
" ไม่รู้จะขอบคุณยังไง ขอตาเลี้ยงข้าวสักมื้อนะคะ " 
เธอยิ้มอย่างที่ไอ้มาดไม่เคยเห็นใครจะยิ้มหวานปานจะกระชากใจหนุ่มรูปหล่ออย่างมันได้ขนาดนี้        
" ไม่เป็นไรครับ อะฮ๊า..อย่าลำบากเลยครับ ผมทำไปเพราะไม่อยากเห็นผู้หญิงถูกรังแกน่ะครับ   " 
ว๊าว ! พูดออกไปได้ไงเนี่ยเหมือนพระเอกหนังไทยเลย ช่างขัดกับเสียงร้องจ๊อกๆๆของท้องไส้ตอนนี้ที่เฝ้ารอคนมีน้ำใจสักคนมาประทานข้าวให้สักมื้อ        
แฮ่ะๆ ก็ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่ครับพระเอกของเรา

 " ไม่เป็นไรค่ะ  ให้ตาเลี้ยงเถอะนะคะ เป็นการตอบแทนค่ะ คนมีน้ำใจขนาดนี้จะไม่ตอบแทนได้ไงล่ะคะ        
" เฮ้อออโล่งอกไปทีที่เธอไม่รีบร้อนรับคำปฏิเสธของมัน ก็หิวจะตายอยู่แล๊ววววว        แกล้งเก๊กมาดพระเอกไปงั้นเองอ่ะ 555
       
" ทานอะไรล่ะคะ ตามสบายเลยค่ะ เชิญเลยนะคะ " สาวเจ้าเอ่ยปากถามผู้มีพระคุณผู้หล่อเหลาด้วยความสำนึกในความดีเมื่อตะกี้        
ไอ้มาดได้แต่ยืนเก้อๆ ไม่รู้จะกินอะไรดี มันช่างน่ากินไปหมด ที่สำคัญไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรบ้างน่ะสิครับไม่เคยกินนี่นา..        
ฮ่าๆๆๆน่าสงสาร รู้จักก็แต่ส้มตำปูที่ส่งกลิ่นยั่วน้ำลายชาวอีสานอย่างมันนี่แหล่ว   
แต่ครั้นจะบอกว่ากินส้มตำ..มันก็ขัดกับหน้าตาอันหล่อเหลาซะเหลือเกินนี่สิ ทำไงดีน๊าาาา        
ไม่อยากให้สาวเจ้ารู้ว่า " มันเป็นลาวววว " 

" ตามสบายนะคะ ตาขอสั่งส้มตำก่อนละค่ะ  อู๊ยยยย..ได้กลิ่นปลาร้าแล้วน้ำลายหกค่ะ ซู๊ดดดด
" อ้าว! ลาวเหมือนกันนี่หว่าไอ้มาดคิดในใจ     แต่อุบไว้ก่อนยังไม่บอกว่ามันสุดแสนจะดีใจจะได้กินส้มตำซะที 
" ส้มตำก็ดีครับผมทานได้   " ฮั่นแน่.เข้าใจหาทางออกแฮะพ่อพระเอกกกก
       
" ต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยตาไว้ " เธอกล่าวขอบคุณอีกครั้งอย่างซาบซึ้งเป็นครั้งที่  80 ที่นั่งกินส้มตำอยู่ 
ไอ้มาดอร่อยจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง ขี้มูกขี้ตาไหลโอยยยยแซ่บหลาย   ช่างไม่เก็บอาการเอาซะเลย ฮ่าๆๆๆพ่อพระเอกของเรา 
" เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้มั๊ยครับ?"   ไอ้มาดคิดในใจ 
"เพี๊ยะ !"
เสียงฝ่ามือนิ่มๆของเธอฟาดเปรี๊ยงที่ใบหน้าของไอ้มาด   
ไอ้มาดได้แต่ทำหน้างงๆ ระคนตกใจ ..อะไรวะ นี่แค่คิดในใจเท่านั้นเองนะ รู้ได้ไงเนี่ย??   โอสมกับที่เป็นพยาบาล ช่างมีจิตวิทยาสูงส่ง 

" แมงวันน่ะค่ะ ร้านนี้แมงวันเยอะนะคะ   เนี่ยตัวเบ่อเริ่มเลย " 
โห.นี่ตบแมงวันหรอกเหรอ???? ฮ่าๆๆๆ นึกว่ารู้ว่าคิดอะไร        
       
       
ตั้งแต่วันนั้นสองคนก็รู้จักทักทายกันเรื่อยมา รู้แล้วนะครับว่ารู้จักกันได้ไง     
ตอนต่อนี้หายไปไหนก้ไม่รู้นะ 


หลายวันแล้วที่ไอ้มาดไม่ได้เห็นหน้าขาวๆก้นงอนๆของเธอ   เธอคงยุ่งน่ะก็เลยไม่มีเวลาเดินผ่านมาให้ไอ้มาดได้ยลโฉม 
ก็แหงแซะหละเธอไม่ได้ตกงานเหมือนกระทาชายนายมาดสุดหล่อนี่นะจะได้มีเวลาว่างทั้งวัน   
พูดซะเสียภาพพจน์พระเอกเลยนะครับ ที่จริงไอ้มาดก็พยายามหางานทำอยู๊..แต่ทำไงได้ล่ะครับโผล่จอกหลอกหน้าไปสมัครงานที่ไหนเค๊าก็บอกว่า        
"งานนี้ไม่เหมาะกะคนหน้าตาดีอย่างคุณหรอกค่ะ " โห....ปลื้มซะไม่มีอ่ะ ควรจะดีใจรึว่าเสียใจดีเนี่ยไอ้มาดเอ๋ยไม่น่าเกิดมาหน้าตาดีเลยเอ็ง        
แต่เอ๊ะ..รึว่าเค๊าพูดประชดเอ็งล่ะ 

ทุกค่ำคืนไอ้มาดได้แต่กอดหมอนนอนฝันถึงเธอ   น้ำลายงี้ไหลเป็นทาง ฮ่าๆๆ ภาพพจน์พระเอกแทบจะไม่เหลือให้เห็น อนิจจาหมอนที่เคยนุ่ม   
สะอาดน่าหนุนนอนบัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความรักของไอ้มาด คราบน้ำลายครับคราบน้ำลาย   อย่าคิดเป็นอย่างอื่นเด็ดขาด 
เพราะเขาคือพระเอกของเรื่องครับเสียหมดเลย 

ตุ๊กตาจ๋า..ตุ๊กตาจ๋า...หลุดออกมาจากปากห้อยๆของมันอยู่บ่อยๆ    พอๆกับสันแข้งของไอ้หวินเพื่อนรักที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของเจ้านาย        
เวลาที่ไอ้มาดละเมอเพ้อพก เมื่อไหร่น๊า....หมอนที่หนุ่นนอนจะกลายเป็นตักนุ่มๆของยาหยีเจ้าของหัวใจของไอ้มาด   
เฮ้ออออ...คงมีวันหรอกนะ นั่นไง..เธอมาแล๊วววว 
ไอ้มาดสุดแสนจะดีใจหลังจากที่เงียบเหงาส้วมซึมเอ๊ยเศร้าซึมมาหลายวัน       


 ตุ๊กตาเธอเดินมาแล้ว คงกลับบ้านมาน่ะ..เธอเป็นคนติดบ้านมากกกกกขอบอก หยุดเป็นไม่ได้กลับบ้านลูกเดียว    
ผิดกับไอ้มาดที่แทบจะจำบ้านของตัวเองไม่ได้แล้ว นั่นคงเป็นความแตกต่างทางพื้นฐานครอบครัวกระมัง        
ตุ๊กตามาจากครอบครัวที่สมบูรณ์ อบอุ่นทุกสภาวะ ส่วนไอ้มาดมาจากเศษของคำว่าครอบครัว
       
เธอพาก้นงอนๆของเธอเดินใกล้เข้ามาๆๆ เฮ๊ยยย..ยางงงง เดินมาไม่ถึงรู้ได้ไงว่าก้นงอน        เอ๋า..ก็ความรู้เก่าเนาะ 
ที่จริงหุ่นขนาดสูง 155 อย่างเธอจะทำให้ก้นงอนได้ขนาดไหนกันเชียวนะว่ามั๊ย??เอาน่า...งอนและดูดีสำหรับไอ้มาดก็แล้วกัน        
สัดส่วนก็คงสัก 32 25 34 ไอ้ละมั๊ง??เอ๊า..ยังไม่จบอีกเดาเข้าปายยย ฮ่าๆๆ 

ดอกไม้เหี่ยวๆที่แอบเด็ดมาจากข้างทางถูกแอบไว้ด้านหลังรอต้อนรับที่เธอกลับมาหลังจากที่หายไปหลายวัน    
เธอต้องดีใจแน่..ไอ้มาดอม่ยิ้มที่จะได้ทำคะแนน
       
" สวัสดีคร๊าบตุ๊กตา..ดอกไม้สำหรับคุณครับ " ฮ่วย..ใครมาชิงพูดก่อนพระเอกของเรา        
อ๋อ..แบรทพิท นายตำรวจหนุ่มเพื่อนเก่าของเธอนั่นเอง มาพร้อมดอกไม้ช่อโต คงซื้อมาหลายตังค์ละมั๊ง        
แต่ใครอนุญาตให้มันแย่งมอบดอกไม้ก่อนพระเอกได้ไงวะ ทำงี้ได้ไง???ทำงี้ด้ายงายยยยหา.....
ไอ้มาดสวมบทผู้ร้ายชั่วคราวสวมเสื้อแจคเก็ตหนังสีดำยาวถึงเข่าเหมือนคีอานูรีฟส์ในหนังเดอะเมทริกซ์        
สวมแว่นกันแดดสีดำ พร้อมปืนกลมืออันโต กระหน่ำยิงไปที่ร่างของนายตำรวจหนุ่มนับร้อยๆนัด        
ใบหน้าหล่อๆเกือบจะสูสีกับมันแหลกเละด้วยรูกระสุน นอนกองเอาะเยาะอยู่ตรงฟุตบาทนั่นเอง        
ฮ่าๆๆสะใจ นอนทับขี้หมาอีกต่างหากล่ะ 
       
แต่....ได้แต่คิดเท่านั้นครับท่าน แล้วเค๊าก็เดินคู่เธอผ่านไป ทิ้งไอ้มาดคอตกอยู่กับดอกไม้เหี่ยวๆไร้ค่าไม่แพ้กัน        
เพื่อนเก่า..อย่างน้อยก็เก่ากว่าไอ้มาดล่ะ เพื่อนที่เธอชื่นชมและพูดถึเค๊าให้ฟังอยู่บ่อยๆ        

จึ๊กๆๆๆๆ ตายซะเถอะแก........โปสเตอร์แบรทพิทสุดโปรดถูกมีดปลอกผลไม้จิ้มจึ๊กๆๆๆ        
ขาดหมดเลยอ่ะ น่าสงสารที่บังเอิญชื่อเหมือนมารหัวใจไอ้มาด ฮ่าๆๆ เค๊าจะสะดุ้งมั๊ยล่ะไอ้มาดเอ๋ย        
จะว่าไปแล้วไอ้มาดใช่ว่าจะไม่รู้ว่าแทบจะไม่มีทางที่จะเด็ดดอกฟ้าลงมาตีเข่าได้        
มันดูต้อยต่ำเกินไปในทุกแง่มุม จะอาจหาญเอาอะไรไปรบราฆ่าฟันแย่งหัวใจเธอมาครองจากใครต่อใครได้        
ไอ้มาดได้แต่ถอนใจ....สิ่งเดียวที่มีกว่าใครคือหัวใจที่มีเพียงเธอ
       
จ๊อกๆๆๆ โอยยยยหิวข้าว...หาแย่งอะไรเด็กแถวนี้กินอีกดีกว่า ค่อยว่ากันใหม่       
 ฮ่าๆๆ 

แจ๊ะ -_-!   เวร ไอ้มาดเหยียบขี้หมา เวรกรรมมีจริงแฮะ 

--------------------------------------------------------------------------------

ตอน.....ไอ้มาดไม่สบาย
วันนี้ไอ้มาดไม่สบาย ที่จริงเป็นไข้หวัดนิดเดียวแต่หาเรื่องอยากไปโรงพยาบาล   5 5 5 แปลกมํ๊ยล่ะล่ะครับ 
ปกติแล้วถ้าไม่สาหัสจริงๆไม่มีวันหรอกครับ ( ความลับก็คือ..ไอ้มาดมันกลัวเข็ม   "จิ้มตูด" 5 5 5 เออนะใครกันเป็นคนบัญญัติคำนี้ "ตูด"        
ฟังดูน่าเกลียดพิลึก ) 

อาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า ช่างเป็นคนไข้ที่ร่าเริงแจ่มใสซะจริงๆไอ้มาดของเรา   หวีผมซะเรียบแปล้เลยอ่ะ หล่อสุดชีวิต 
นี่มันจะไปโรงพยาบาลรึว่าจะพาสาวไปเที่ยวกันแน่นะ  5 5 5  สองโมงกว่าๆ ไดอ้มาดก็มานั่งยิ้มเผล่อยู่โรงพยาบาลเรียบรอ้ยแล้ว 
นี่ขนาดมาแต่เช้ายังต้องรอคิวยาวววววเลยอ่ะ  ได้หมายเลขตั้งเกือบร้อยแน่ะ แต่ไม่เป็นไร๊ไอ้มาดเต็มใจรอ 
มันนั่งรวมอยู่กับคนอีกนับรัอยสองร้อยที่มารอรับบริการ "จิ้มตูด" อย่างจิตใจไม่ค่อยอยู่กะเนื้อกะตัวเท่าไหร่ รอและรอใคร??        

ตายล่ะเมื่อเช้ารีบไปหน่อย ลืมถ่ายทุกข์ แก๊สในลำไส้ใหญ่ก็เริ่มจะเกินพิกัดที่จะสามารถขมิบ   ขเม้ม ขยุ้มเอาไว้ได้แล้ว อา.ห์ 
ทำไงดีนะ ไอ้มาดนั่งบิดไปบิดมาอย่างคนเสียศูนย์   5 5 5 ( ก็ปล่อยเล๊ยยย การกลั้นตดนั้น เป็นบาป ค่อยๆบรรจงปล่อย ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว  ) 
เอาวะ ไอ้มาดค่อยๆคลายกล้ามเนื้อ " ตรงนั้น" เบาสุดชีวิต อาห์   โล่งอกไปที ไม่มีเสียงอย่างที่กังวลซะหน่อย แต่กลิ่นนี่สิ โอ๊ววววพระเจ้า        
ยอดผักกะถินริมรั้ว กะผักชะอม ช่างคงกลิ่นไว้ได้อย่างสมบูรณ์ดีแท้ ดูเหมือนจะกลิ่นแรงกว่าตอนที่กินเข้าไปซะอีกนะเนี่ย    5 5 5 

" เอ๊..ใครตดวะ?" ไอ้มาดรีบประกาศตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ท่าทางหัวเสีย   แมงวันหัวเขียวบินกันว่อนเลยอ่ะ 5 5 5 จมูกไวจริงๆ
เกือบเที่ยงแล้ว ไอ้มาดยังคงต้องรอ รอคิวน่ะไม่เป็นไร แต่รอคนนี่สิ ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้ประสบพบพักตร์แม่น้องรักพยาบาลหวานใจของมัน   
ที่จริงไอ้มาดรู้ว่าเธอทำงานอยู่ที่อีกตึกนึง หวังเพียงว่าเธอจะเดินผ่านมาให้ชื่นชม   ( ว๊าววว) บ้างเท่านั้น 
เท่านั้นจริงอ่ะ??? จริ๊งงงไม่โกหกอ๊ะๆๆก็ได้ๆๆ กะว่าจะส่งจอมอน้อยที่อุตส่าห์เขี่ยไว้เมื่อคืนก่อนตอนวางแผนว่าวันนี้จะป่วย        
โหลงทุนนะ ^_^ ท้องไส้ก็สุดจะปั่นป่วน ไอ้ตัวหัวหน้าทีมแทบจะดันตัวเองออกมาสู่สายตาชาวโลกอยู่แล้ว        
โอยยยยจะไปเข้าห้องน้ำก็กลัวว่าจะพลาดโอกาส ถ้าหวานใจเดินผ่านมา ได้แต่บิดไปบิดมา       

ว๊าวววนั่นไงเธอเดินมาแล้ววววว ชุดเขียวปลิวว่อนเลยอ่ะ เดินมาไกลไกลท่าทางรีบร้อน       
ตึกมันยาวครับต้องเข้าใจ มือที่กำจดหมายน้อยอยู่เปียกหมดแล้ว 5 5 5 ตื่นเต้นจัด    อีกสองช่วงเสาเธอก็จะมาถึงแล้ว แว๊บบบเอ๋า..เธอแวะเข้าห้องน้ำ 
อ๋อที่เห็นท่าทางรีบร้อนเธอคง 5 5 5 เอาล่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว รีบทำธุระก็คงออกมาทันเธอ ไปล่ะ จ๊วดดดดดเหมือนกัน        

ไอ้มาดพุ่งเข้าสุขาวดีแดนสวรรค์อย่างรวดเร็วสุดชีวิต ห้องน้ำชายหญิงติดกันแบบว่าเก็บเสียงไม่มิดกันเลยล่ะ        
อ๊าาาา.ห์ ปู๊ดดดด..ป๊าดดด..ดังสนั่นลั่นสุขาวดี รีบก็รีบกลัวจะออกไปไม่ทันเธอ     
เสียงกห้องโน้นก็ดังไม่แพ้กัน 5 5 5 เอาล่ะในเมื่อเธอไม่อายแล้วเราจะอายทำไมกันล่ะ   สุดๆไปเล๊ยยยยยย.อู๊ววว อ๊าาาา.
เสียงเงียบไปแล้ว.ประตูถูกเปิดออก ไอ้มาดยิ้มเผล่อย่างสบายตัว โล่งงงงงสุดๆ   ล้างมือ ล้างหน้า หวีผมเรียบแปล้ตามเดิม 
"คือหล่อแท้" ออกมายืนรอเธออยู่หน้าห้องน้ำหญิง   

"อ้าว..มาด มาโรงพยาบาลเป็นอะไรจ๊ะ?ไม่สบายเหรอ??" 
แหมแก้มใสๆของเธอ        น่าหอมจริงๆวันนั้น เอ๊ย..วันนี้ ริมผีปากสีชมพูอ่อนของเธอก็น่าเฮ้อออ..ไอ้มาดแอบถอนใจ        
เวลาเอื้อนเอ่ยก็แสนจะไพเราะเสนาะหู 
แต่เสียงในห้องน้ำเมื่อตะกี้ ช่างไม่เข้ากับบุคลิกอันนางเอ๊กกกนางเอกของเธอเลย   5 5 5 
"เป็นไข้นิดหน่อยน่ะครับ มารอคิวตั้งตะเช้าแล้ว ท้องเสียก็เลยเข้าห้องน้ำ   คุณตาท้องเสียเหมือนกันเหรอครับ เสียงดังเชียว ^_^ " 
" อุ๊ย! เปล่าค่ะ   ตาแค่มาฉิ๊งฉ่อง แล้วก็ล้างมือนิดหน่อยน่ะค่ะ พอดีเพิ่งทานส้มตำมา ไม่รู้ใครเข้าหอ้งน้ำเสียงดัง   น่าเกลียดเนี่ยตาเสียเลยนะคะ 
ว่าแต่เสียงจากฝั่งโน้นน่ะเสียงมาดเหรอ?สุดๆไปเลยนี่       

 " เอ๋า.ไอ้เราก็นึกว่าเธอเป็นแนวร่วม เลยปล่อยซะเต็มที่ ที่แท้เธอแค่มาฉิ๊งฉ่อง        
"เอ่ออออ.ผมเองครับ " เอ๋า..ว่าจะบอกว่าเปล่าซะหนอ่ย โกหกไม่เป็นนี่นะ  ไอ้มาดคนซื่อ อายแทบแทรกแผ่นหินอ่อนหนี5 5 5 

"ไปค่ะ เดี๋ยวตาลัดคิวให้" อีกสิบนาทีต่อมา จึ๊ก..อ๊ากกกกกกกกกกก..
5  5 5 5 5 คุ้มมั๊ยนะวันนี้ทั้งเจ็บทั้งอายเลยพระเอกของเรา
     




--------------------------------------------------------------------------------

เรื่องของนายจุ้ย
เช้าวันเสาร์ อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าปราศจากเมฆหมอกแต่งแต้ม  
คงมีแต่กลิ่นชื้นๆของหยาดฝนที่โปรยปรายลงมาชะโลมดินเมื่อค่อนรุ่ง ฝากร่องรอยความชุ่มฉ่ำไว้บนพุ่มไม้ใบหญ้าเขียวขจี      
แมงปอตาโตโผผินลิ่วล้อเล่นลม เฮ้ออออ.. วันหยุดสุดสวย นอนต่ออีกสักนิดดีมั๊ย??      อุ๊ย ! ไม่ได้สิ วันนี้มีนัดดูหนังกะตุ๊กตา
     
"ช้าอีกแล้วนะยะ ไปเหอะหนังฉายแล้วเนี่ย ทำไมเป็นผู้ชายที่ชักช้าอืดอาดขนาดนี้น๊าาาานายจุ้ย" 
     
หนังเริ่มฉายแล้ว ภายในโรงหนังมือสนิทมีเพียงแสงสว่างจากจอที่พอจะทำให้มองเห็นสิ่งต่างๆรอบข้างได้บ้าง      
ดูดวงตากลมโตใสแป๋วคู่นี้สิ นี่กระมังที่ทำให้หนุ่มน้อยประทับใจในครั้งแรกที่พบกันเมื่อหลายเดือนก่อน      
จมูกเชิดของเธอบ่งบอกถึงนิสัยซุกซนดื้อรั้นอยู่บ้างในบางโอกาส ริมฝีปากชมพูจิ้มลิ้มขอเธอเผยให้เห็นฟันซี่สวยในยามทีเธอพอใจ      
ทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยถึงจะดูนุ่มนวลชวนฝัน แต่ก็เต็มไปด้วยความไม่เดียงสา หาจริตใดๆไม่      
ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่หัวใจของหนุ่มน้อยจะตกเป็นของเธอก่อนที่ตัวเธอจะรู้ตัวเสียอีก      
จุ้ยมองสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างกายด้วยสายตาของคนที่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก      
อยากจะจับมือน้อยเรียวงามของเธอมากุมไว้แล้วพร่ำบอกถึงความรู้สึกที่คับแน่นเต็มอกตอนนี้ว่า      
รักเธอนะ รักเธอนะมีวิธีไหนบ้างที่จำทำให้เธอรู้สึกแบบเดียวกันนี้ได้ 
แต่เขาจะทำอย่างนั้นอีกครั้งได้อย่างไรในเมื่อได้ทำไปแล้วครั้งหนึ่ง      
และมันเกือบจะทำให้เสียเธอไป
     
"เราเป็นเพื่อนกันนะจุ้ย ขอบคุณมากสำหรับความรู้สึกนั้น แต่เก็บมันไว้เถอะเรารับมันไว้ไม่ได้หรอก  อย่าทำให้เราต้องลำบากใจเลยนะ"
 ตุ๊กตาบอกกับเขาเมื่อหลายวันก่อน จุ้ยได้แต่ก้มหน้ายอมรับและเฝ้าเก็บงำความรักที่ไม่สมบูรณ์นั้นไว้ลำพังรอการเปิดเผยอีกครั้ง      
แต่เขาจะทำได้หรือ???
     
     
บ่ายคล้อยๆของวันอาทิตย์ ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงแดดสีทองจับยอดตึกสูงระฟ้าดูแปลกตาดีเหมือนกัน      
ถึงบรรยากาสจะดูแปลกใหม่แต่ก็ไม่สามารถผ่อนคลายความเหงาในหัวใจของหนุ่มน้อยให้เบาบางลงไปได้      
สองอาทิตย์แล้วที่ต้องจากหญิงผู้เป็นที่รักมาเมืองหลวงด้วยหน้าที่บางอย่าง 
ทุกค่ำคืนจุ้ยได้แต่นั่งมองรูปถ่ายใบเล็กที่แอบหยิบมาจากกระเป๋าสตางค์เมื่อตอนที่ตุ๊กตาทำหล่นไว้ด้วยหัวใจปรารถนา      
คิดถึงเธอ..และ คิดถึงเธอถ้าเธออยู่ที่นี่ด้วย แสงนวลจากโคมไฟคงไม่เหงาอย่างนี้      
     
อาหารค่ำผ่านไปแล้ว ความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดของจุ้ยยังจดจ่ออยู่ที่เธอ 
กับรูปถ่ายใบเล็กเดิมๆที่สีเกือบจะซีดอยู่แล้วเพราะต้องทำหน้าที่อย่างหนักอยู่ตลอดเวลา      
นั่นจดหมายฉบับแรกที่ตุ๊กตาเขียนถึงเขาจากจำนวนหลายฉบับที่เค๊าเขียนถึงเธอ เนื้อความในจดหมายบอกว่าเธอก็คิดถึงและเป็นห่วงไม่แพ้กัน      
ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่เขาจากมา ถึงแม้จะเป็นความรู้สึกแบบเพื่อนฝูงแต่ก็ทำให้เขาอดปลื้มใจและแอบยิ้มกับตัวเองไม่ได้ในทุกครั้งที่เปิดอ่าน      
"ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีด้วยนะ เราจะรอวันที่เธอกลับมา จุ้ย " แน่นอนเขาบอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมต้องเจ็บป่วยหรือเป็นอะไรไป      
จะกลับไปพบเธอในเร็ววันพร้อมร่างกายและหัวใจที่สิทธิการเป็นเจ้าของเป็นของเธอเต็มเปี่ยม      
เขาร่างข้อความจดหมายที่จะส่งถึงตุ๊กตาเอาไว้ในใจสวยหรูทุกถ้อยคำ สรรหาคำพูดแทนความรู้สึกรักล้นใจเอาไว้มากมาย      
แต่คืนนี้ยังก่อน พรุ่งนี้มีภารกิจต้องทำ " ราตรีสวัสดิ์กำลังใจของผม " จุ้ยบอกกับรูปถ่ายใบน้อยหลังฝากจุมพิตหนึ่งทีก่อนจะหลับฝันหวาน      
     
     
สามเดือนแล้วกับชีวิตที่นี่ ช่างเป็นสามเดือนที่ยาวนานเหลือเกินสำหรับเขา ท่าทีของตุ๊กตาดูเปลี่ยนไป      
ดูเธอจะยอมรับความรู้สึกนั้นของเขาได้มากขึ้น ท่าทีหงุดหงิดรำคาญใจเมื่อเขาเอ่ยความรู้สึกในใจเริ่มน้อยลง      
จนแทบจะไม่มีให้เห็นเลยในระยะหลังๆนี้ จนทำให้จุ้ยแอบคิดในใจว่าเขาเริ่มจะได้รับสิ่งที่เขาพยายามเป็นผู้ให้
แต่เพียงผู้เดียวมาโดยตลอดกลับคืนมาบ้างแล้ว      
ความเหงาหงอยแทบจะไม่มีโอกาสเข้ามาเกาะกินหัวใจของเขาได้อีก แสงแดดดูสดใส แสงไฟยามค่ำคืนก็ดูมีชีวิตชีวา      
ดวงดาวบนท้องฟ้าเฝ้ากระซิบกับเขาว่า ความพยายามของนายเป็นผลแล้ว จุ้ย.. ใช่แล้ว      
พรุ่งนี้ถึงเวลาที่เราจะได้กลับไปหาเธอ การรอคอยที่ยาวนานสิ้นสุดกันเสียที 
" พรุ่งนี้เราจะได้พบเธอ เธอจะไม่ปฏิเสธเราอีกแล้ว" จุ้ยเฝ้าบอกกับตัวเอง พรุ่งนี้พรุ่งนี้      
     
     
เที่ยงตรง..แดดน่าจะตรงหัวถ้าสามารถมองเห็นได้ในวันนี้ วันแห่งความยินดีของเขาอากาสน่าจะแจ่มใสกว่าที่เป็น      
ไม่เป็นไร..จุ้ยบอกกับตัวเอง ต้องรีบไปให้ถึงบ้านตุ๊กตาก่อนฟ้าจะรั่วลงมาในอีกไม่กี่นาที      
เธอจะต้องดีใจแน่ที่เขากลับมาโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้าแบบนี้ เขากะเซอร์ไพรส์เธอเต็มที่      
อยากเห็นสีหน้าที่แสนจะยินดีเวลาได้เจอกัน รอยยิ้มที่สดใส และหัวใจน้อยๆสวยงามที่พร้อมจะมอบเป็นของขวัญรับการกลับมาของเขา      
" ตุ๊กตาของผม..ผมมาแล้ว " เสียงแห่งความยินดีในหัวใจเขา เหมือนเสียงกลองที่ดังกระหึ่มอยู่ตลอดระยะทางก่อนถึงบ้านเธอ      
" จวนแล้ว..อีกนิดเดียว "
     
     
" ตุ๊กตาเพิ่งเดินทางไปต่างประเทศกับคุณพ่อเมื่อเช้านี้เอง นี่จดหมายของเธอ "      
รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจสามเดือนที่เฝ้าตั้งตารอคอย ความหวังที่จะได้เห็นหน้าเปื้อนยิ้มไร้เดียงสาของสาวน้อยเจ้าของหัวใจนี้พลันหายไปหมดสิ้น      
     
" จุ้ยนี่คงเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่ตาจะเขียนถึงเธอ คุณพ่อต้องย้ายไปประจำที่ออสเตรเลีย      
ท่านให้ตาไปเรียนต่อที่นั่นด้วย ก็คงหลายปีจุ้ยกว่าจะได้กลับมา อนาคตของตายังยาวไกล      
ขอโทษด้วยนะที่ต้องทำแบบนี้ ตาเองก็เสียใจไม่แพ้เธอ ตัดใจเถอะนะ อย่ารออย่าทำให้ตาต้องมีห่วง      ลาก่อน.."
     
เหมือนฟ้าจะรับรู้ถึงความรวดร้าวในใจเขาได้ สายฝนและหยาดน้ำตาอาบใบหน้า ทั้งร่างกายเขาเปียกปอนกลางพายุฝน      
ไม่สนใจป้านวลที่ร้องเรียกให้เขาเข้าบ้าน 
จะให้ทำไงได้ล่ะ เข้าไปให้ป้านวลรู้ว่าบัดนี้หัวใจของเขาแหลกสลายไปแล้วด้วยกระดาษใบน้อยที่แกยื่นให้น่ะเหรอ???      
อย่าเลย...เหงาแทบขาดใจก็ยังมีสายฝนเป็นเพื่อนและปกปิดอาการต่อคนรอบข้างได้ ลาก่อน..ตุ๊กตา      ทุกสิ่งในชีวิตผม
     
ท้องฟ้าคร่ำครวญหวนไห้ สายฟ้าฟาดเปรี้ยงบาดใจ แต่นั่นมันน้อยไปเมื่อเทียบกับหัวใจที่แหลกสลายของเขาตอนนี้      ลาก่อน
     
     
" ป้านวลขาตาลืมของสำคัญค่ะ ตุ๊กตาคู่รักที่จุ้ยให้ตอนวันเกิดน่ะค่ะ ก็เลยเลื่อนเวลาเดินทาง      
เอ๊ะแถวปากซอยคนมุงอะไรกันคะเต็มเลย " 
     
     
เมื่อวิ่งมาถึง ตุ๊กตาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง อยากให้มันเป็นแค่ภาพลวงตาหรือแค่ฝันไป      
ร่างของหนุ่มน้อยที่เฝ้ารำพึงรำพันฝากรักเธอ รักเธอ และรักเธอสุดหัวใจนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า      
น้ำฝนรอบกายเป็นสีแดงสดด้วยเลือดของเขา เสื้อที่เธอเคยซื้อให้เมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมาเปียกโชกเพราะน้ำฝน      
กระเป๋าเดินทางใบเล็กฉีกกระจุยด้วยแรงชนของรถ ในมือของเขากำกระดาษเปียกน้ำไว้แน่น  ใช่..จดหมายจองตุ๊กตาสุดที่รักของเขานั่นเอง
     
" จุ้ย..ตากลับมาแล้ว ตาตั้งใจกลับมาหาเธอ ตื่นสิคนดีของตา ตาจะมาบอกว่าตารักเธอ      ตารักเธอนะ ตื่นสิจุ้ยอย่าทำอย่างนี้กับตานะ 
เธอเป็นยังงี้เพราะจดหมายฉบับนี้ของตาเหรอ      ฮือๆๆ? ?" 
     
ก้มกอดร้องไห้คร่ำครวญปริ่มว่าจะขาดใจร่างสงบนิ่งของจุ้ยหาได้ตอบรับใดๆต่อเธอไม่      
จากนี้ไปเธอจะไม่มีเขาคอยพร่ำคำรักให้ฟังอีกแล้ว จุ้ยผู้น่าสงสารที่สุดตลอดเวลาที่ผ่านมาตาขอโทษที่ไม่ได้ตอบแทนความรู้สึกดีๆเหล่านั้นให้เธอ      
แต่จากนี้หัวใจตาจะเป็นของเธอ..นิรันดร์				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟดอกแก้ว
Lovings  ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟดอกแก้ว
Lovings  ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟดอกแก้ว
Lovings  ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงดอกแก้ว