27 กันยายน 2552 15:09 น.
ดอกบัว
แด่รัก
ผู้เป็นนิจนิรันดร์แห่งใจ
ทุกทุกนิยามความเป็นไป
หากมีดอกไม้ประดับประดา
ความหวัง
ยังไม่จีรังดั่งปรารถนา
แต่ฉายแสงผ่านฟากนภา
ในความปรารถนาเฉิดโสภางค์
ความฝัน
ขออุทิศสร้างสรรค์แสงสว่าง
ขอเป็นดวงแก้วส่องแสงเบาบาง
เป็นฟากฟ้ากว้างหลอมร่างวิญญาณ์
เป็นดอกไม้
ให้ผีเสื้อโบกร่ายร่อนถลา
ผลิช่อกลีบแย้มแต้มโสภา
ทั้งโลกนี้โลกหน้าได้ถาวรณ์
ระบายฝัน
ชั่วโมงนี้บุษบันขวัญโอนอ่อน
ระบายสีสร้างฝันอรชร
ความเอื้ออาทรคงอยู่เท่านาน
ขอเขียนวลีอ่อนไหว
ที่ให้อักษรอ่อนหวาน
สะสมคมคำทำงาน
สืบสานวรรณศิลป์ถิ่นไท
ทุกนิยามนิรนาม ของความรักเฝ้าใฝ่
ทอถักสร้อยหฤทัย สืบนัยฝากใจฝัน
ท่ามราตรีที่พราวพร่าง กระจ่างอัศจรรย์
จักรวาลดอกไม้สวรรค์ ตะวันพรายนิรนาม
27/9/2552
ดอกบัว
24 กันยายน 2552 18:24 น.
ดอกบัว
ท่ามกลางความวุ่นวายที่วายวุ่น
ให้เคืองขุ่นดูคล้ายวุ่นวายเหลือ
เคยแบ่งปันตัดรอนดุจก้อนเกลือ
เคยเผยเผื่อแปรเปลี่ยนกับเพี้ยนไป
เคยพนอคลอเคล้าเมื่อคราวก่อน
เคยเว้าวอนเงียบงำเผาดำไหม้
เคยดูแลกับคองปองแคระไคร์
ฟ้าอำไพกับมัวสลัวราง
ปัจจุบันใจพรรค์เปลี่ยนผันง่าย
คล้ายสลายด้วยฤทธิ์หลงพิษพร่าง
ความเคลือบแคลงซ่อนไซร้ให้อับปาง
กิเลสจางกับพอกเพิ่มงอกเงย
ล่วงพรรษาหลายเพลายังเร้ารบ
เพิ่งเคยพบความแปลกที่แทรกเผย
จิตซอกซ่อนร้อนรุ่มเกาะกุมเกย
กิเลสเผยตัวตนหนอคนเรา
ฤาโลกเปลี่ยนใจคนจึงข้นแค้น
ความขาดแคลนถึงแก่นเข้าแล่นเคล้า
เฝ้าทยานเซาะแทรกบาปแบกเนาว์
อารมณ์เคล้าอบายคมคายนำ
ความวุ่นวายมิคลายยังวายวุ่น
ยังคุกรุ่นคุมเคราถึงเถ้าถ้ำ
แม้ธรรมะพริ้มพรายยังกลายคำ
สังคมคล้ำด้วยเหตุกิเลสครอง
24/9/2552
22 กันยายน 2552 09:20 น.
ดอกบัว
ชีวิตคือเจริญเผชิญกรรม
ร่างกำยำเคลื่อนลุกไปทุกที่
กินอาหารสืบพันธ์ผิวพรรณมี
รูปธรรมนี่สิ่งนี้มีชีวิต
ทั้งมนุษย์ทั้งสัตว์สงัดทุกข์
ในทุกยุคเวียนวนดลสถิตย์
เจ้าชะตาแปรเปลี่ยนใช่เพียรขีด
วิปริตตามกรรมกระทำมา
ต้องเวียนเกิดเวียนตายวางวายวน
ชีวิตคนแตกดับสลับจ้า
กรรมวิบากวิญญาณภพกาลพา
ลักขณารูปงามรูปนามใด
ขณิกมรณะชั่วขณะ
ลักขณะตายเกิดกำเนิดให้
จิตดับวูบวิบวับแล้วกลับไว
อยู่เรื่อยไปจนสิ้นดับวิญญาณ
ฝึกเรียนรู้ก่อเกิดกำเนิดจิต
พรหมลิขิตก็เปล่าเพียงเล่าขาน
เป็นด้วยกรรมเกี่ยวดองประคองกาล
เจ้าสังขารปฏิสนธิกรรม
อกุศลอุดหนุนค้ำจุนผล
บันดาลดลให้คนขัดสนล้ำ
ชนกกรรมหนุนเนืองประเทืองงำ
วิบากกรรมชะตาเจตนาครอง
ชีวิตใครใคร่คิดลิขิตได้
อยู่ที่ใครใคร่ค้ำนำสนอง
บุญกรรมใครเกื้อหนุนค้ำจุนตรอง
เสนอปองครองธรรมทุนนำฌาน
มหาภูตรูปสี่นั้นมีจริง
รวมสี่สิ่งธาตุดินเป็นถิ่นฐาน
ธรรมชาติรูปลักษณ์ตระหนักกาล
ตั้งตระหง่านเกาะกลุ่มแข็งนุ่มมี
สสัมภารปฐวีชิ้นนี้แข็ง
อยู่ด้วยแรงต้นธาตุรวมธาตุสี่
ผสมรูปผสานสมานดี
ผมเล็บมีขนฟันแบ่งปันไป
อาโปธาตุเตโชวาโยธาตุ
น้ำมิขาดไฟโชนคุโพนไหว
ลมรำเพยเกยเคราะห์รัดเลาะไฟ
ดินน้ำไฟลมร่วมดั่งรวมพล
รวมรูปร่างอำพรางไว้อย่างเหมาะ
สังเคราะห์ปสาทเตรียมคลาดผล
จักขุรับปรับภาพพิมพ์ภาพตน
โสตชอบกลรับรู้ทุกผู้นาม
ฆานปสาทกระไรไฉนชื่น
รวยระรื่นลิ้มลองของต้องห้าม
ปสาทกายสัมผัสชัดทุกยาม
นิรนามสรรพสัตว์ถนัดกรรม
ปวัตติดำเนินเจริญสุข
หรือตกทุกข์ได้ยากวิบากคล้ำ
แล้วแต่กรรมปางก่อนกูลคอนนำ
มาหนุนค้ำเวียนวนสับสนใจ
สัทธาต่อปัญญานำพาเลิศ
เพื่อให้เกิดกุศลหวังผลได้
เชื่อองค์ธรรมกรรมหน้านำพาไป
แล้วแต่ใครได้คิดเพ่งพิศดู
ความบากบั่นสรรค์สร้างกระจ่างฏะ
วิริยะความเพียรร่ำเรียนรู้
สำเร็จได้สรรเสริญเจริญครู
ความสุขอยู่ที่ใจมิไกลเกิน
สติตั้งระลึกรู้สึกทั่ว
มิเมามัวหลงผิดจริตเขิน
มีสติรอบครอบพินอมเชิญ
หากเผอิญมิภัยไซร้อารมณ์
สมาธิมั่นคงดำรงอยู่
ธรรมะคู่ดวงจิตสถิตสม
ความสมบูรณ์เพิ่มพูนจรูญพรม
เจตอารมณ์มั่นใจวิไลวัลย์
ด้วยปัญญารอบรู้พิศดูถ้วน
สิ่งทั้งมวลสสารทุกกาลผัน
คุณสมบัติห้าอย่างมิร้างกัน
นิพพานนั้นสวรรค์ในชั้นพรหม
22 /9/2552
17 กันยายน 2552 11:02 น.
ดอกบัว
ในความฝันของฉันนั้นมีเธอ
เคียงเสมอมิเพ้อมิเผลอไผล
แนบสนิทติดตรึงก้นบึ่งใจ
ทั้งหทัยมอบให้ด้วยใจรัก
เธอรู้ไหมเส้นใยด้วยไหมถัก
มีความรักอิงแอบในแบบปัก
ตรึงด้วยลายห่วงโซ่มิโก้หนัก
แต่สลักความรักลงปักลึก
ทุกอณูเนื้อในหัวใจนี้
มีคนดีเคียงข้างมิห่างนึก
ในห้องใจเสมอเผลอผลึก
ทุกส่วนลึกของใจมอบให้ครอง
ทุกคราวหนาวเฝ้าหวงเฝ้าห่วงหา
ส่งแววตาอบอุ่นให้คุณจ้อง
ฝากแววดาวแทนห่มคลุมห่มปอง
ขอคุณมองแสงดาวทุกคราวจร
นิมิตฟ้าวางแทนแผ่นกระดาษ
บรรจงวาดหัวใจใส่อักษร
วาดความรักห่วงใยใฝ่อาทร
ทุกหนาวร้อนอุ่นเอื้อเพื่อดูแล
เธอรู้ไหมหัวใจใช่ลาร้าง
ทุกอณูมิจางมิห่างแน่
ยังเป็นเธอเพียงหนึ่งยังซึ้งแล
เธอคงแน่เสมอในเธอฉัน
เขียนลำนำบทเก่ามาเล่าใหม่
คำที่เขียนฝากใจไปในฝัน
คำที่เอยออกปากฝากสัมพันธ์
จะมีกันเคียงใกล้ในนิทรา
ในความฝันของฉันยังฝันเพ้อ
ยังเป็นเธอที่ฉันยังฝันหา
ยังเฝ้าชิดสัมพันธ์ใต้จันทรา
ปรารถนาเคียงฝันสัมพันธ์เดิม
หอมรักห่มหอม
ล้อมห่มดมดอม........ระรื่น
สวยสุดบานชื่น
รวยรินฉ่ำชื้น..........เชยชม
ผลิแย้มผสม
งามใจภิรมย์........แพรวพรรณ
ดุจสรวงสวรรค์
ความรักสัมพันธ์......หทัย
17 กันยายน 2552
ดอกบัว
10 กันยายน 2552 09:43 น.
ดอกบัว
กรองกานท์งานอักษรวิวรณ์วาบ
ประพิมพ์ภาพประไพละไมฝัน
วรรณศิลป์ถิ่นศรีวลีปัน
ร่วมสร้างสรรค์งานเขียนพากเพียรพลี
มธุรสหยดหยาดหมึกวาดหวาม
คือนิยามหยาดถ้อยถักรอยศรี
แม้ต่างเลือดเชื้อไขในธานี
ทว่ามีจินตนาภาษากรอง
ด้วยบางมุมมุ่งเน้นดั่งเช่นฝัน
ร้อยเรื่องปันอุษาบุปผาพ้อง
ปลอมประโลมโลกหล้าขอบฟ้าทอง
ท่วงทำนองกรองกานท์ผสานคำ
เรื่องลำนำย้ำบทธุรสสร้อย
ขีดเขียนรอยอดีตที่กรีดคล้ำ
เหมือนหัวใจคร่ำครวญหวลระกำ
ดั่งถลำย่ำโศกวิโยคใจ
เขียนกลั่นกรองลองเขียนเพียรศึกษา
บ้างเข้าตาบ้างหน่ายระบายให้
เขียนทุกสิ่งซับทรวงลงห้วงใน
ลำนำไว้ด้วยใจที่ใฝ่พรม
เขียนรำพันหนาวเหน็บดังเหน็บร้าว
เขียนเรื่องราวสนุกความสุขสม
เขียนซับซ้อนซ่อนในหัวใจตรม
เขียนสุขสมสะเทิ้นดุจเขินอาย
คืออักษรกลอนมากที่ฝากไว้
ด้วยหัวใจด้วยชิดมิตรสหาย
ด้วยขับเคลื่อนบรรเลงบทเพลงพราย
ด้วยความหมายด้วยรักภักดิ์ฤดี
กานท์ภิรมชมชอบเพียรมอบฝาก
อักษรจากหทัยใสใสนี้
ผลิตผลการเขียนร่ำเรียนฟรี
ให้เป็นศรีเป็นศักดิ์สลักเรียน
ฉันรำบายเกริกก้อง.......กรองคำ
ผลิช่อเรียงลำนำ.........ค่ำเช้า
ผันฝากสุนทรีย์ธรรม..........ผายผ่อน
มอบแด่โลกโศกเศร้า.......สุขสร้างชีวา
10 กันยายน 2552