28 เมษายน 2552 10:53 น.
ดอกบัว
เงียบสงบท่ามพบแสงเงินยวง
ฉายโชดช่วงฉาบฟ้านภาขยาย
ลบโศกเศร้าโลกเหงาที่เดียวดาย
แสงพร่างพรายร่ายโลมประพรมหล้า
ท้องฟ้าพรายเพรงพรหมมาห่มร่ำ
รุจีย้ำแสงพรายขอบปลายฟ้า
ผสมเสียงผสานลมโชยพลิ้วมา
รับรู้ว่าแสงพรายมาพรั่งพรม
ธรรมชาติสะอาดเพ็ญพิสุทธ์
บริสุทธิ์เพ็ญภาพวาดผสม
สะอาดเอี่ยมโอนอ่อนอภิรมย์
สืบผสมผสานธารธารา
ยามราตรีมีจันทร์สาดฉายส่อง
ดาวประครองพรายแสงฉาบท้องฟ้า
ราตรีนี้ธรรมชาติพรมพริ้มพา
ท้องนภาแสงจันทร์ประดับดาว
24 เมษายน 2552 14:33 น.
ดอกบัว
ยามสำรวจตรวจสอบบ้านภายใน
มิมีใครใคร่เห็นเด่นวิถี
จิตซัดส่ายขึ้นลงมิคงที่
ตัวแปรนี้มโนแห่งวิญญาณ
จักขุสบพบภาพสิ่งปรากฏ
ต่างสงบซบซึ้งรูปตระหง่าน
สำรวจตรวจค้นหาแห่งทวาร
หกวิญญาณเราเห็นสิ่งเป็นไป
โสตสัมผัสเสียงเพรียกคอยเรียกหา
รับสัญญาสื่อสารการเคลื่อนไหว
ทั้งเสียงเพลงเสียงพิณเสียงนกไพร
สัททารมณ์นี้ไงการได้ยิน
คันธารมณ์ปรับยุทธ์ฉุดกลิ่นหอม
ได้ดมดอมหอมเหม็นใคร่ถวิล
ให้จิตรู้สัมผัสเป็นอาจิณ
สุดซึ้งกลิ่นรอบกายไหนนำพา
ชิวหาลิ้มชิมรสหวานหรือขม
จะนิยมหรือคลายใคร่ด้นหา
รสสัมผัสรับรู้จิตวิญญาญ์
เสน่หาหรือเลือนเตือนกายใน
ที่รู้สึกคิดนึกสิ่งต่างต่าง
อารมณ์สร้างยึดหน่วงอสงไข
รู้อารมณ์ถูกต้องความเป็นไป
ช่วยให้จิตภายในได้ผ่อนเย็น
โลภเหตุเป็นทุกข์ด้วยอำนาจ
ก่อโทสะดีขาดโกรธตั้งเด่น
โมหะรุมหลงเชื่อในกฏเกณฑ์
พยาบาทเน้นทุษร้ายอวิชชา
ทุกคนล้วนมีกรรมแต่กำเนิด
จึงได้เกิดก่อร่างรั้งตัณหา
ผลวิบากตามติดทุกเวลา
จึงเกิดมาร่วมสร้างชะตากรรม
23 เมษายน 2552 08:18 น.
ดอกบัว
คือสลักซับรอยคอยห่วงหา
ห้วงเวลาเหินห่างเดินร้างลับ
ยังคำนึงซึ้งคำร่ำสดับ
ขานขยับความหวานกาลวันวาน
คือความรักทักทายพรายพร่างพราว
เด่นสกาวเสมอเธอขับขาน
ทุกสำนวนอวลนัยในตลอดกาล
ถึงเนิ่นนานซึมซับสดับคำ
ขยับแย้มยิ้มยวนอวลไออุ่น
หอมละมุนอิ่มเอมเปรมเช้าค่ำ
ซับรอยซึ้งนวลใยร่ายระบำ
นวลเนื้อนำอักษรามาพาที
ระร่ำรินถวิลรินหยาดฝัน
คือกำนัลถักร้อยถ้อยดิถี
สว่างแจ้งแสงรุ้งทุ่งปฐพี
ถนอมนี้วจีพลีจากใจ
20 เมษายน 2552 08:23 น.
ดอกบัว
สายธารไหลรวยรินถิ่นแถบเถิน
ดอกไม้ป่าชูเชิญช่อไสว
เสียงวิหคร้องเพลงกังวานไกล
แถบถิ่นไทยร่มรื่นชื่นฤดี
รู้ถนอมรู้รักรู้รักษ์ษา
ไพรพนาให้งามท่ามวิถี
รู้บำรุงรักป่าไพรผลิพลี
เพื่อรุ่นหลังได้มีดงพฤกษ์ไพร
ค่อยค่อยปลูกคอยเสริมเติมต่อกล้า
หมั่นบรรจงรักษาป่าผืนใหญ่
หยุดทำลายล้างตอหน่อพงไพร
หันมากุมป่าไว้ให้ยืนยง
เวลาเวียนหมุนปรับเปลี่ยนฤดู
กี่กัปลกัลป์ให้อยู่พึงประสงค์
เคียงสายน้ำลำธารเจริญดำรง
ให้ยืนยงคงอยู่คู่ผืนดิน
18 เมษายน 2552 10:58 น.
ดอกบัว
ตะวันสาดแสงสีฝ่ากลุ่มหมอก
สีเทาออกแรกแรกทึบแน่นหนา
แสงสว่างไล้โรมหมอกจางตา
น้ำค้างเกราะยอดหญ้าคลายหายไป
แสงประกายวาวงามวาบหวามจิต
ยิ่งเพ่งพิศยิ่งงามความเคลื่อนไหว
แสงรุ่งสางสาดส่องทั่วแดนไกล
ธรรมชาติวาวใสให้มวลชน
ธรรมชาติกรุณามวลมนุษย์
ใสพิสุทธิ์สะอาดทั่วทุกหน
วาวแววดุจมณีทั้งมณฑล
ท่ามสับสนส่องแพรวพราวนภา
หนาวชีวิตคิดตรมระทมเศร้า
หนาวโลกเราร้าวซมตรมหนักหนา
ต่างความคิดต่างจิตต่างนำพา
โลกกว้างใหญ่อ่อนล้าคราลำเค็ญ
มีวิกฤติมากมายหลายสาเหตุ
ทั้งอาเภทเหตุร้ายภัยทุกข์เข็ญ
ทั้งภัยแล้งภัยร้อนภัยกรรมเวร
ภัยยากเข็ญตัวแปรความเปลี่ยนแปลง
โปรดสักนิดเพ่งพิศให้ถ้วนถี่
อย่าคิดมีอคติเข้าเคลื่อบแฝง
หรือมุ่งร้ายหมายหักจัดแสดง
โลกร้อนแรงโรมรันกันทั้งเมือง
คนล่ะนามมุ่งผลาญการณ์กำหนด
ให้สั่นไหวเกินกฏจะฟูเฟื้อง
โลกร้าวรอนเพราะคนดลขัดเคือง
ความประเทืองทดท้อต่อมือคน
หนาวลมหนาวเพียงใดใจยังสู้
หนาวเภทภัยใจรู้ทุกข์ขัดสน
หนาวมนุษย์สุดหยั่งอัตตาตน
หนาวเพราะเป็นมือคนดลเดียวดาย
วาดโลกสวยสดใสด้วยใจฝัน
วาดกำหนดจรดจารมิสมหมาย
วาดรวมภักดิ์รักษ์พลีหวังคลี่คลาย
ฝันสุดท้ายจบพลันวันสวยงาม
ตะวันส่องสาดแสงแจ้งอุษา
ท้องนภารังรองพรั่งเขตขาม
อุษาส่องอำนวยพยายาม
ทั่วเขตขามจรุงงามแสงรุ่ง