27 มีนาคม 2549 19:43 น.
ดอกบัว
ม่านราตรีคลี่ตัวคลุมทั่วฟ้า
ดาวหรี่ตาไปตามความขื่มขม
โลกน้อยน้อยลอยคว้างอย่างเศร้าซม
ฉันหกล้มระหว่างทางชีวิต
เคยทะนงหลงเหลิงระเริงโลก
หวังคว้าโชคและชัยไว้เป็นสิทธิ์
แต่อนาถพลาดรอยด้อยความคิด
จึงอยากปิดเปลือกตาอย่างอาดูร
25 มีนาคม 2549 23:03 น.
ดอกบัว
อันมารดาเป็นครูผู้สอนแต่ตอนต้น
แม่ทุกคนอุดมพรหมวิหาร
แม่มีเมตตากรุณามุทิตาการ
แม่มีญาณอุเบกขาเป็นอารมณ์
แม่หวังบุตรธิดาอย่าขื่นขม
แม่กับลูกผูกมิตรจิตชื่นชม
แม่จึงสมภาษิตมิตรในเรือน
24 มีนาคม 2549 16:45 น.
ดอกบัว
กิเลสหนา พาชีวิต จิตมืดมนต์
ก้องสกล เกริกเกรียรติ ดีแต่ชื่อ
ไพรพฤกษ์ เหมาะแสวง ธรรมยึดถือ
สวรรค์คือ ถิ่นพำนัก นักบุญจริง
เมื่อเจ็บไข้ ความตาย จะมาถึง
อย่าพรั่นพรึง หวาดไหว ให้หม่นหมอง
ระวังให้ ดี ดี นาทีทอง
คอยจดจ้อง ให้ตรงจุด หลุดให้ทัน
ถึงนาที สุดท้าย อย่าให้พลาด
ตั้งสติ ไม่ประมาท เพื่อดับขันธ์
ด้วยจิตว่าง ปล่อยวาง ทุกสิ่งอัน
สารพัน ไม่ยึดครอง เป็นของเรา
22 มีนาคม 2549 20:01 น.
ดอกบัว
ถึงห่างไกล
แต่ใช่ เรา จะไกลห่าง
ความรักมิเคยเลือนลาง
ให้อ้างว้างกลางดวงใจ
คิดถึงจึงรู้สึก
ห่วงหาทุกสำนักเสมอไป
เพียงเรา จึงหวานไหว
ความรักเต็มหัวใจ
เพราะความห่างไกล
พรากเราไม่ได้เลย
20 มีนาคม 2549 20:33 น.
ดอกบัว
เมื่อเกิดเป็นตัวตน มีหรือจนคนเหมือนกัน
ไฉนมาแบ่งกั้น แบ่งชนชั้นสักดินา
ฉันเกิดมายากไร้ ผิดหรือไรที่เกิดมา
บ้างก็ประณามว่า เป็นขี้ข้าของสังคม
ก็เลือกเกิดไม่ได้ เหตุใดเล่าเฝ้าทับถม
คอยเหยี่ยบย่ำให้จม ความโสมมและเสื่อมทราม
ไม่ช่วยไม่เหลียวแล ซ้ำคอยแต่จะเหยียดหยาม
มีแต่ทุกข์คุกคาม สุขอย่าถามไม่เคยมี
เพียงอยากจะบอกไว้ เรามีใจมีศักดิ์ศรี
เงินนั้นอาจไม่มี แต่ความดีมีมากพอ