3 กุมภาพันธ์ 2551 10:13 น.
ดอกบัว
หยดน้ำหมึกรากเส้นเน้นคำรัก
ผูกสมัครเคียงคู่เธอกับฉัน
วาดอักษรกลอนรักผูกสัมพันธ์
เน้นคำเพ้อรำพันฉันรักเธอ
แต่ความคิดสะดุดหยุดตรงนี้
จะรากเส้นลงสีกลัวพลั้งเผลอ
เธออาจไม่คิดฝากปลูกบำเรอ
ฉันอาจเก้อรำพันฝันฝ่ายเดียว
สื่อสายใยส่งไปไม่สัมผัส
สื่ออักษรคำรักเธอไม่เหลียว
รักที่มอบไกลเกินมิกลมเกลียว
เป็นเพราะฉันที่เกี่ยวคล้องปองเธอ
หยดน้ำหมึกเปลี่ยนเส้นเน้นอ้างว้าง
มิมีใครร่วมทางมาเสนอ
คงโดดเดียวเคร้งคว้างรางละเมอ
ฝันมีเธอเคียงข้างช่างรางเลือน
27 มกราคม 2551 12:37 น.
ดอกบัว
กลับมาบอกตอกย้ำคะนึงหา
ทุกถ้อยคำวาจาแม้ในฝัน
ยังลึกซึ้งเนาแนบแอบพบกัน
ทั้งในฝันยามหลับพลับนิทรา
ยังรู้จำน้ำคำที่เอื้อนเอย
ยังกอดเกยเพื่อนผองไว้แน่นหนา
ยังสนิทติดตรึงยามเหว่ว้า
หวนใจจำนำพาว่าเพื่อนมี
เมื่อมินานผ่านย้อนกลับที่เก่า
จำเพื่อนเราสนุกร่วมสุขี
มิลืมเลือนโอบเอื้อกันมากมี
ทั้งวลีที่เอยมิเคยลืม
ขณะนี้หน้าที่มีมากหนัก
แต่โปรดรู้ใจภักดิ์มิเคยฝืน
ไว้จะร่วมสร้างบุญให้ยั่งยืน
เผื่อผ่านคืนภพใหม่ได้พบกัน
ฝากรอยคำถึงพี่ทั้งผองเพื่อน
จิตฝังเตือนลิขิตมิแปรผัน
ขอพานสบพี่น้องเพื่อนผองกัน
ทั้งในฝันทั้งตื่นมิเลือนลา
ขอให้เพื่อนพ้นโศกพบความสุข
ให้สนุกการงานทั้งก้าวหน้า
ให้ชีวิตรุ่งเรืองเฟื้องพริบตา
สุขหรรษาชีวาดำเนินไกล
20 มกราคม 2551 13:26 น.
ดอกบัว
ขอรักเธอครั้งแรกครั้งสุดท้าย
มิเคยมอบหัวใจให้ใครปอง
พอพบเธอดวงใจเกิดสีทอง
งามผุดผ่องเพ้อฝันฉันเคียงเธอ
เคยอ่อนแอแพ้พ่ายในชีวิต
พรหมลิขิตเหหักหนักเสมอ
ทั้งล้มลุกคลุกคลานล้าละเมอ
ยามเมื่อเจอภัยพาลรานเหลือทน
เจอมรสุมลุมยำมาทำร้าย
ทุรนทุรายหน่ายจิตคิดสับสน
ไยความทุกข์หล้นหลากท่วมกมล
ความเป็นคนไร้สุขทุกข์มากมี
เหมือนมีกรรมนำซัดจิตสรรพซ่าย
ให้เวียนว่ายวังวนไร้สุขขี
สิ้นหนทางก้าวย่างสดฤดี
โอ้ชีวีช้ำตรมระทมใจ
พอเธอเอื้อมมือใหญ่มาไขว่คว้า
แล้วนำพาหนทางอันสดใส
ให้ชีวิตที่เหลือดำรงไกล
สว่างไสวในโลกอย่างโสภี
ขอเก็บเกี่ยวร้อยรักด้วยอักษร
จารรู้สึกย้ำวอนหทัยนี้
มิมีใครเหมือนเสมอเธอคนดี
ใจดวงนี้คงมั่นเธอผู้เดียว
ถึงกายห่างแต่ใจแอบชิดใกล้
กับรู้สึกข้างในยังแลเหลียว
หวังเธอมอบปลอบขวัญของทุกเสี้ยว
กับดายเดียวแพ้ผลาญภัยชีวา
ขอรักเธอด้วยใจใช่หวังครอง
มอบรู้สึกสนองใช่ไขว่คว้า
แค่ได้รักชื่นชมสุขอุรา
มิหวังคว้ากายเธอมาแนบทรวง
6 มกราคม 2551 11:41 น.
ดอกบัว
ดรุณวัยมิใฝ่เพียร สมัครเรียนวิชาชาญ
เจริญใหญ่ประกอบภาร ถนอมชีพสถานไร
กระทั้งเฒ่าชราร่าง จะเคว้งคว้างระทมใจ
เพราะตนมัวประมาทไม่ ประกอบทุนก็ขุ่นเอง
ดูก่อนเยาวชน อย่าทำตนอลเวง
เอาเวลามาละเลง ให้เสียเปล่าไม่เข้าการ
จงอยู่ในระบบ วินัยครบเป็นแก่นสาร
เร่งเรียนให้ชำนาญ ชาญวิชาสง่าตน
สำเร็จการศึกษา วุฒิพาฐานะดล
ให้ได้ซึ่งลาภผล สำเร็จกิจดังจิตหวัง
มีเกรียรติมีศักดิ์ศรี อีกทั้งชื่อก็ลือดัง
เพราะวิชาเป็นพลัง สมดังใจที่เรียนมา
หากไร้วิชาต่ำ จะระกำช้ำอุรา
จวบดิ้นสินชีวา มีแต่ยากลำบากเข็ญ
เพราะโทษที่ไม่เรียน ทุกข์จักเบียนทุกเช้าเย็น
แสนช้ำสุดลำเค็ญ เป็นเช่นนี้จักโทษใคร
4 มกราคม 2551 20:19 น.
ดอกบัว
มวลมนุษย์ต่างจิตจะคิดรู้
บ้างมองดูหน้าใสแต่ใจหมอง
บ้างแย้มยิ้มฉาบไว้ให้งามผ่อง
แต่ข้างในเจิ่งนองด้วยคลาบไคล
บ้างเคลือบฉากแฝงเงาในแสงงาม
ใจเหยียดหยามท่ามใครให้มอดไหม้
บ้างเงียบเหงาไร้รอยความไฉไล
แต่น้ำใจงามงดดั่งนที
ต่างมุมมองต่างจิตต่างลิขิต
ถ้าผนึกความคิดข้างในนี้
ให้รู้ทุกข์สุขชื่นรื่นฤดี
ทุกอย่างมีคละเคล้าร่วมกันไป
แต่จุดจบทุกคนไม่ต่างที่
สิ้นลมลี้ร่างไร้วิญญาณไหว
ต่างสร้างสมผลบุญนำกันไป
แล้วแต่ใครกอบโกยผลเงางาม
รู้จักเอื้อมไขว่คว้าหาความสุข
ปลดความทุกข์ถักร้อยสร้อยสยาม
เพาะบ่มผลความดีให้งอกงาม
เมื่อถึงยามต้องไปได้วิมาน
คิดแกร่งแย่งหยาบคายแล้วเหยียบย่ำ
ผลของกรรมตามจิตชิดขวากหนาม
ใครมิรู้แต่ใจเราซมซาน
เหมือนขวากหนามตามแทงให้ตรอมตรม
สามัคคีรวมใจเป็นหนึ่งเดียว
ดั่งพฤกษ์ไพรสดเขียวแสนสุขสม
ให้ร่มเงาเหล่านกได้รื่นรมย์
เหมือนร่วมพรมให้ชาติฉ่ำชีวี