25 เมษายน 2551 14:56 น.
ดอกบัว
ยินเสียงนกทักทายสหายเอ่ย
เธอสบายไหมเอยเจ้าเพื่อนจ๋า
เพื่อนร้องบอกหยอกเย้าเจ้าเพื่อนยา
สบายดีจ้าเธอล่ะคงสบายดี
ทุกสำเนียงเสียงสื่อที่เอื้อนเผย
ความคุ้นเคยพงไพรที่ไร้สี
มาแต่งแต้มตลบให้พาที
ชวนบอกชี้ธรรมชาติน่าเชยชม
หมู่นกการ่าร้องกู่ก้องเสียง
บ้างบินเคียงเป็นคู่ดูสุขสม
บ้างกระโดดโลดเต้นลู่ตามลม
บางตัวคร้านเกาะกลมอยู่บนคอน
ใบไม้พลิ้วริ้วลมกล่อมบรรเลง
ช่างครึ้นเครงสดใสให้คิดย้อน
ธรรมชาติชวนชี้ทั้งเว้าวอน
เรามิอ่อนชื่นชมบ่มล้างใจ
อันชีวิตคิดข่มแสนโศกศัลย์
ต่างยื้อแย่งแข่งกันจนหมองไหม้
ชีวิตสั้นนิดเดียวเดี๋ยวก็ไป
ต่างคนไกลต่างแดนที่นำพา
พระไตรรัตน์บ่งชี้ขจัดทุกข์
จรุงสุขผ่อนคลายหายเหว่ว้า
นรกสวรรค์เบื้องนั้นท่านมีตา
จะได้มาหมั่นสร้างพร่างชีวา
ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปรไม่แท้เที่ยง
ที่จะเลี่ยงพ้นได้อย่าได้หา
เพราะทุกสิ่งสารพัดอนัตตา
เหมือนธรรมาพุทธองค์ทรงแสดง
ยิ่งอารมณ์อ่อนไหวราวไผ่ลู่
ตัญหาสู่ลึกสุดซ่อนแอบแฝง
ย่อมหมุนตามเสียงลมเข้าจำแลง
ยากเปลี่ยนแปลงกลับใจให้เหมือนเดิม
หมั่นสร้างสมคุณธรรมนำชีวิต
หมั่นฝึกจิตให้รับกุศลเพิ่ม
หมั่นคิดทำสิ่งดีมาต่อเติม
สะสมเพิ่มธรรมาพานำชัย
ชีวิตเราทุกวันสั้นหนักหนา
ทุกข์สุขนำพาเข้าอาศัย
จงตั้งจิตฝึกหัดทัดทานไป
ก้าวดั้นด้นผจญภัยราวี
ทำความดีให้ตัวอย่ากลัวเกรง
ความฉ่ำชื่นบรรเลงให้สุขี
ปล่อยวางสิ่งบั่นทอนในชีวี
ธรรมชาติส่องทางมีให้เดิน
23 เมษายน 2551 06:41 น.
ดอกบัว
เฮฮาหฤหรรษ์ร่วมหรรษา
ออกจากใจผูกพันแย้มกิริยา
ให้เริงร่าวิบไหวใคร่ภิรมย์
สรรค์ผสมผสานเพื่อผองชน
ศาลาศิลป์ใฝ่ถวิลให้ตามติด
เว้าวอนมิตรขอชิดดลเกิดผล
ลืมทุกข์ท้อสานก่อฉ่ำกมล
เราทุกคนเคียงข้างมิห่างกัน
พานพบสุขทุกข์คลายไม่หมองศรี
ฝันใฝ่มีเพื่อนแท้มิแปรผัน
ผสานเสียงอักษราสื่อสัมพันธ์
เปรียบดั่งจันทร์ส่องแสงคู่หมู่ดาว
บริบทวางจดให้ทดสอบ
ในหนึ่งนี้เพียรกอบทุกห้วงหาว
ธรรมชาติรื่นรมย์พรมสกาว
ทุกบางคราวใช้ดับสงบตน
ถึงจะผ่านเนิ่นนานมิร้างหนี
ตรึงฤดีรวมฐานมิสับสน
ด้วยดวงจิตดั่งแก้วคอยเพาะบ่ม
หญิงฝึกธรรมนำตนลบมลทิน
ซึ่งธรรมะชี้เฉพาะเร่งดับทุกข์
ช่างแสนสุขพ้นอบายใจมีศีล
ฉากชีวิตคิดว่างเป็นอาจิณ
จะหมดสิ้นตรอมตรมระทมใจ
งามเงียบงันสวรรค์มิอาจลี้
เคล้าดนตรีบรรเลงเพรงไสว
ขอชีวีพร้อมเพียงเพริศพิไล
เกินหักใจจากลามาแบ่งปัน
เกี่ยวก้อยกรองขับขานสื่ออักษร
ขีดเขียนกลอนกล่อมเกลาเฝ้ากอบฝัน
โซ่สายใยผูกเรียงมาเคียงกัน
คล้องปลอบขวัญเธอฉันยามเดียวดาย
ในบางครั้งเศร้าซึมลืมความสุข
ทุกข์ไล่รุกเบี่ยงเบนใจสลาย
สุดโศกตรมขมขืนทั้งใจกาย
กับผ่อนคลายย้อนหวนลานกวี
อารมณ์ซึ้งถักร้อยสร้อยสลัก
สื่อกานต์ปักตรึงทรวงห้วงสุขขี
หยอกเย้าแหย่แก่กันฉ่ำฤดี
ยามเผยคำวลีมีให้กัน
บ้างชี้แนะนำทางพร่างไสว
นำจิตไปพุทธะแดนสุขสันต์
ริ้วล่องลมชมเพลินอัศจรรย์
แววสวรรค์รังสรรค์ดับพิษไฟ
บ้างตัดพ้อตอกย้ำพร่ำอกหัก
ถูกสลัดรักลวงครวญหมองไหม้
เพ้อรำพันโศกศัลย์ฝันทลาย
เจ็บราวในใจช้ำเขาย่ำยี่
บ้างอ่อนแอต่อโลกอย่างโศกเศร้า
เข้ามาเล่าเรื่องราวชีวิตนี้
แสนท้วมท้นจมปลักซากฤดี
พ่อแม่ลี้หนีไกลไม่หวนคืน
บ้างสื่อสาส์นสุขสมเพาะบ่มรัก
งอกงามหนักรักนี้เชยชวนชื่น
กรุ่นกำจายรายล้อมอย่างดูดดื่ม
ว่ารักรื่นอยู่ใกล้ไม่ลืมเลือน
สวนสวรรค์สรรค์สร้างงานหนักเขียน
มารู้เรียนเพียรพร่ำร่ำขับเคลื่อน
ฝากรอยคำน้ำใจไม่แชเชือน
เพราะเราเหมือนเพื่อนพ้องร่วมห้องเรียน
ยิ่งอาวรณ์ยามแว่วแผ่วเสียงเพลง
มาขับกล่อมบรรเลงเร่งคัดเขียน
สติตั้งบรรจงอย่างพากเพียร
สื่อรู้สึกสำเนียงของภายใน
แด่ปวงชนหม่นหมองบนกองทุกข์
ได้สบสุขสดชื่นรื่นสดใส
ปลุกประโลมโน้มนำร่ำหทัย
ชุปชีวิตโรจน์ไกลสุกสกาว
ให้จำรัสวัฒนาท้าต่อโลก
ให้พ้นโศกพบสุขดุจเหิรหาว
ธารารินหลั่งรดพจน์แพรวพราว
พรั้งพร้อมดาวกระจางทั้งสาธร
ธรรมทานเผยแพร่มวลมนุษย์
เพื่อยั่งหยุดรอยกรรมที่ตามหลอน
หมั่นพากเพียรฝึกร่ำปลดนิวรณ์
หวังทอดถอนผลกรรมที่ทำมา
ลดอัตตาหลงใหลในกิเลส
ให้ข้ามเขตบ่วงมารทั้งหิงสา
จงเร่งรั้งตรึกตรองผุดโสภา
ทั้งกายคตานั้นหมั่นปลงใจ
ถือเมตตาปราณีขันติมั่น
รบประจัญอกุศลดลพลิ้วไหว
ไล่ตัณหาอวิชาไปให้ไกล
อย่าวนเวียนหลงใฝ่ในภูธร
มีปัญญาสมาธิสติชอบ
มาเป็นกรอบป้องกันใช่สั่งสอน
สละห่วงบ่วงรึงตรึงตรึกตรอง
กุศลส่องตามส่งจงรำไพ
เก็บตะวันที่เคยส่องฟ้า
เก็บเอามาเก็บไว้ในใจ
เก็บพลังเก็บแรงแห่งแสงยิ่งใหญ่
รวมกันไว้ให้เป็นหนึ่งเดียว
เก็บเอากาลเวลาผ่านเลย
สิ่งที่เคยผิดหวังช่างมัน
หนึ่งตัวตนหนึ่งคนชีวิตแสนสั้น
เจ็บแค่นั้นก็คงไม่ตาย
ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้มเมฆหม่น
พายุฝนอยู่บนฟากฟ้า
คงไม่นานตะวันสาดแสงแรงกล้า
ส่องให้ฟ้างดงาม
หากตะวันยังเคียงคู่ฟ้า
จะมัวมาสิ้นหวังทำไม
เมื่อยังมีพรุ่งนี้ให้เดินเริ่มใหม่
มั่นคงไว้ดังเช่นตะวัน
18 เมษายน 2551 17:34 น.
ดอกบัว
อันศีลทานภาวนาอุตส่าห์สร้าง
หมั่นปล่อยวางสังขารในทุกที่
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ท่านทรงชี้
หนทางนี้ใครเดินอยู่สู่พุทธะ
จะช้าเร็วอยู่ที่สร้างทางกุศล
บำเพ็ญตนภาวนาไม่ลดละ
เอาศีลทานธรรมถือแห่งพุทธะ
จะเร็วช้าทางสว่างช่างน่ายล
เจ้าวิจิกิจฉาพาสงสัย
ให้หลงไหลวุ่ยวายฝ่ายอกุศล
บาปธรรมสิบสี่ที่ทรชน
อย่าปะปนคบค้าสมาคม
ส่วนมิตรแท้อย่าหลบควรคบหา
คือเสนาฝ่ายผลกุศลสม
ยี่สิบห้ามีคุณาวโรดม
สิ่งประถมยึดศรัทธาให้กล้าใจ
และปัญญาดีเลิศประเสริฐสุด
จะวิมุตติ์ถึงสุขทุกข์กษัย
เจริญสัมมัปปธานเจือจานไป
บุญสิ่งใดไม่เคยสร้างจงร่างทำ
กุศลใดเคยทำทำให้ยิ่ง
จะเป็นสิ่งตามทำนุอุปถัมภ์
บาปสิ่งใดที่สถิตติดประจำ
เร่งวิกขัมภน์ขับไล่ให้ไกลกาย
องค์สัมมาสติดำริชอบ
คิดประกอบธรรมขันธ์จิตมั่นหมาย
อนุสสติสิบนั้นท่านบรรยาย
จะถวายพระพรความตามบาลี
คือพุทธะธัมมะสังฆะนั้น
ยึดให้มั่นสามรัตน์จรัสศรี
ทั้งสีลาจาคะเพิ่มทวี
จะเป็นที่นำตนให้พ้นภัย
อนุสติสิบ ให้นึกเสมอ ว่าเราหนีความตายไปไม่พ้น
อกุศลสติสิบสี่ งดเว้นชั่ว มั่วอบาย ปรับจิตที่เรี่ยรายให้เข้าที่
กุศลสิบห้า ประกอบปัญญา เฉลี่ยวฉลาด มีจิตใจที่เสียสละ
มีเมตตากรุณา จิตใจหนักแน่นเข้มแข็ง
มิรู้ว่าดอกบัวเรียนรู้มาถูกหรือเปล่านะค่ะ
13 เมษายน 2551 21:26 น.
ดอกบัว
ในทุกคำเอื้อนเอยเผยรู้สึก
จิตสำนึกสัมผัสความห่วงหา
กี่ครั้งหนมิหน่ายกรายเข้ามา
เติมพลังแรงกล้าจนเกลียวกลม
สบแววตาละมุนอิ่มอุ่นหนัก
พร้อมสมัครดูแลให้สุขสม
ส่งแรงใจอิงแอบเคล้าเพาะบ่ม
ปลอบประโลมแย้มยวนชวนใฝ่ปอง
เพราะว่าเธอจริงใจใช่เสแสร้ง
มาแสดงสื่อสารทั่วทุกผอง
กับสัมพันธ์มอบวางช่างผุดผ่อง
ทามแสงทองแต้มแต่งด้วยแรงใจ
คือภาพสวยพลิ้วไหวให้สุขสันต์
ทุกอาวรณ์มีกันรื่นไสว
ทุกรินหลั่งลึกซึ้งลงบึ้งใจ
ชวนฝันใฝ่บังเกิดสีรุ้งพราย
ละอองไอผลึกลงลึกล้ำ
เมื่อมีใครพรมพร่ำให้สิ่งหมาย
โลกนี้ยังสวยงามจรุงใจ
เติมชีวาผ่อนคลายด้วยคำเธอ
จนความหวังรังรองของชีวิต
ได้มีสิทธิ์กักเก็บคำเสนอ
เมื่อมีใครสักคนเฝ้าบำเรอ
จึงพร่ำเพ้อแอบชิดคิดใฝ่ครอง
10 เมษายน 2551 13:35 น.
ดอกบัว
เกิดความรักอักษราพาสุขสันต์
เขียนขับขานลำนำชื่นหรรษา
คล้องสัมพันธ์สื่อสารผ่านแววตา
งามหนักหนาชวนพิศชิดเชยชม
จึงจารจดร้อยเรียงมาเคียงข้าง
ฉ่ำสราญไร้รอยความขื่นขม
ใช้สัมผัสพลิ้วไหวทามสายลม
ซึ้งกมลแต้มแต่งด้วยแรงใจ
เญยธรรมนำพามาปฏิบัติ
ดับความทุกข์บ่มจิตให้ผ่องใส
เติมพลังด้วยธรรมรื่นฤทัย
ถึงท้อในขจัดได้เศร้าไม่นาน
ทั้งพากเพียรเรียนร่ำพร่ำอักษร
ธรรมสารอาทรได้สืบศานต์
นำชีวิตผ่อนผันจิตเบิกบาน
เบาสบายพ้นมารมาราวี
ปรับระบบทิฏฐิดำริชอบ
เผากิเลสให้มอดไม่หมองศรี
ใฝ่ธรรมาอำนวยด้วยกรรมดี
เพื่อชีวีร่มเย็นเช่นใฝ่ปอง
เราทุกคนร้อนหนาวทุกคราวครั้ง
ล้วนซึมซับความหลังที่เศร้าหมอง
เวลาเปลี่ยนหมุนเวียนตามครรลอง
ศาสนายึดครองป้องภัยรี
สื่อผสานรวมมิตรสนิทมั่น
หลากเรื่องราวผูกพันจากใจนี้
เย้าหยอกเอินเกินตัดด้วยไมตรี
เฮฮาพลีพอกพูนคูณน้ำใจ