15 มิถุนายน 2551 10:35 น.
ดอกบัว
เก็บความเศร้าคราวก่อนซ่อนในอก
น้ำตารินหลั่งหยดฉ่ำเป็นสาย
ไหลย้อนหยาดราดทรวงลงห้วงใน
ราดรดใจที่ช้ำย่ำกมล
ก่อนฝนตกฟ้ายังตั้งเค้าครึ้ม
ครางกระหึ่มปร้างเปรี้ยงเสียงดังขรม
เธอไม่กล่าวแปรผันปล่อยฉันซม
ด้วยอารมณ์อ่อนไหวตามใจตน
ถ้ารู้เธอกลับกลายง่ายอย่างนี้
ความไยดีไม่เหลือเผื่อเพียงหน
จะไม่รั้งไม่เหนี่ยวห่วงกังวล
คบแค่คนรู้จักเคยทักพอ
แต่รู้ก็ยับเยินสายเกินแก้
ถลำแดลึกไปไม่เหลือหลอ
สุดปวดร้าวอุราน้ำตาคลอ
จนใจท้อห่อเหี่ยวหมดเรี่ยวแรง
คาดไม่ถึงครึ่งในใจสนิท
ว่าถูกคิดหาญหักผลักหน่ายแหนง
เสียแรงรักถนอมมิเปลี่ยนแปลง
เหตุไฉนแกล้งทำให้ช้ำทรวง
หรือรักฉันขึ้นราหมดค่าแล้ว
ไม่มีแววหวานไหวไร้แหนหวง
หากเธอหมดรักมั่นผูกพันหน่วง
เชิญเร่ลวงแจกจ่ายรักหลายใจ
9 มิถุนายน 2551 18:53 น.
ดอกบัว
เกี่ยวก้อยร้อยร่วมเรียงสื่ออักษร
ขีดเขียนกลอนกล่อมเกลาเฝ้ากรองฝัน
โซ่สายใยผูกถักมาเคียงกัน
ปองปลอบขวัญเธอฉันยามเดียวดาย
ระบายศิลป์บรรเลงเพรงวิถี
จัดแสดงแสงสีนภาขยาย
ฉาบชวนพิศแจ่มชัดเกินบรรยาย
งามพิไลแต้มแต่งภาพพริ้มพราย
เย้าหยอกเอินเขินอายใจผูกมิตร
รวมลิขิตสื่อสารงานหลากหลาย
สื่อสัมพันธ์จารจดมิวางวาย
ผ่านนำนัยร่ำรินจินตนา
เสียงเสนาะดนตรีกวีศิลป์
รื่นหลั่งรินลึกล้ำเสน่หา
พลิ้วละไมไหลผ่านม่านแววตา
สลักตรึงปรารถนาคำนึงใน
ทั้งภาษาอักขระฉันท์ลักษณ์
งามจรัสเรืองรองผ่องไสว
ยินถ้อยโสตรำลึกลงซึมไซร้
ถวิลใฝ่ไล้เสียงสำเนียงคลอ
ดนตรีกานท์หวานแว่วแผ่วผสาน
ชื่นสราญวรรณศิลป์วจีก่อ
เคล้าสายลมพรมพรางนวลพนอ
มาเติมต่อหทัยให้งดงาม
5 มิถุนายน 2551 14:46 น.
ดอกบัว
อยู่ในความเว้นว่างในวันนี้
เพียงเรามีชีวิตคิดสร้างสรรค์
หยิบจับโน่นทำนี้ทุกวี่วัน
พิษผลอันโหดร้ายย่อมหายไป
มือชุ่มเช็ดหยาดเหงื่อมามากนัก
เพราะเผลอพลั้งเชื่อคำเกินทนไหว
ถ้าได้คิดสะกิดอย่างตั้งใจ
จิตอาจให้คุณค่าน่าชื่นชม
ทุกคนล้วนจิตเบลอและเผลอโศก
เคยชุ่มโชกเคยผิดชีวิตขม
แต่ถ้าคิดหมองหม่นจนโง่งม
เหมือนทับถมตนให้ไม่ได้ดี
บางความคิดจิตบอกให้เว้นว่าง
เพราะต้องสร้างวันใหม่ให้หลากสี
บอกเถิดบอกความเผลอว่าอย่ามี
ถึงวันนี้ยิ้มบ้างเพื่อสร้างตน
คงไม่มีวันนี้ที่คิดค้าง
คนชอบสร้างสาระจะไม่หม่น
คงมีคนรักมากหากอดทน
เลิกเป็นคนเผลอจิต คิดวกวน
อยู่ในความเว้นว่างในวันนี้
เพียงมีใจรู้หลักพักสับสน
มีสติไตร่ตรองของเล่กล
พิษหมู่พลผิดที่พลันลี้ไกล
3 มิถุนายน 2551 17:00 น.
ดอกบัว
รู้สึกดีบางไหมเวลานี้
หากเธอมีปัญหาคราสับสน
ฉันคนหนึ่งนี้รอปลอบกมล
คราทุกข์ทนอย่าท้อเมื่อลมไกว
อยากจารจดบทคำนำไปมอบ
เพื่อปลุกปลอบยามล้าคราหวั่นไหว
อยากใกล้ชิดสนิทแนบดวงใจ
ทำฉันท์ใดจึงได้ดั่งเว้าวอน
จึงหันมานิมิตบรรเลงศิลป์
วาดลวดลายยลยินเป็นอักษร
ยังคงซึ้งตราตรึงนัยทุกตอน
เกินทอดถอนห่างไปไกลลับตา
ใจจะแข็งอย่างไรใจก็แพ้
ใจที่แน่แค่แนบแอบเสน่หา
โดยใจจริงใจฝันมันเรื่อยมา
โดยฝันใฝ่เพียรพร่างเคียงข้างเธอ
เพื่อจะพบมิตรแท้ก่อนแก่เฒ่า
เพื่อคอยเฝ้าปลอบขวัญยามพร่ำเพ้อ
ก็แค่คิดใฝ่ปองร้องละเมอ
ฝันใฝ่เพ้อเสนอด้วยจริงใจ
แค่เพียรร่ำรำพันห้ามไม่อยู่
ใจแอบซึ้งชื่นชูคราอ่อนไหว
แอบพร่ำเพ้อละเมอยามเหงาใจ
โดยความใกล้ใจง่ายคล้ายทุกคราว
มาครานี้เราพรำรำพึงหา
ห่วงหนักหนายามเธอเผลอปวดร้าว
พายุโหมรุนแรงมิบางเบา
เธอคงเศร้าเหงาทรวงห้วงฤดี
อย่ากลัวน่ะเรารู้เธอกล้าแข็ง
อย่าระแวงหวาดหวั่นให้หมองศรี
สู้นะสู้กู่ร้องก้องปัฐพี
ขอเธอนี้แข็งแรงแกร่งอดทน
1 มิถุนายน 2551 08:57 น.
ดอกบัว
โน่นเห็นไหมมือใครมาสาวต่อ
มาเกี้ยวก่อรุกไล่หวังให้หนี
หวังทำลายเผ่าลงเป็นผงคลี
พร้อมกลับมีมารร้ายอีกฝ่ายมา
ทัพทมิฬมาตั้งกำลังหนุน
สาดกระสุนคำใส่ไม่ไว้หน้า
หนุนกำลังเข้าขัดเต็มอัตรา
จนตัณหาเข้ากลายจนวายปราณ
ร้องลำนำพลไกรเร็วไวหน่อย
อย่าสำออยเดี๋ยวกร่อนถูกประหาร
เหล่าบรรดารี้พลรีบลนลาน
วิ่งซมซานเซซุนจนฝุ่นปลิว
เมื่อตั้งรับพิงหลักพอพักเหนื่อย
จนปวดเมื่อยหมดหายไม่วายฉิว
ตัวเราหรือพยัคฆาใช่ปลาซิว
ต้องชูนิ้วสองนิ้วสู้ไว้ลาย
มีบัญชาเสนาธิการหมด
เตรียมกำหนดอัตราอย่าให้หาย
แล้วช่วยกันคิดค้นกลอุบาย
เพื่อมุ่งหมายเอาชนะดัสกร
คนเพลี่ยงพล้ำประชาที่ตกยาก
เพราะเป็นหมากล้มลุกมิสังหรณ์
เข้าถลำกลยุทธจนราญรอน
ถูกพาลตอนให้ตรมจมวายชน
พลตระหนักรู้หลักอย่าหลบเลี่ยง
มาส่งเสียงแก้ไขใช่ฉ้อฉล
ปราศพันธะระรื่นชื่นกมล
ให้พ้องชนหม่นหมองนองน้ำตา
เพื่อผืนดินถิ่นเดิมแต่เยาว์วัย
จงมีใจรู้ภักดิ์ดั่งแผ่นผา
โอบประครองเผ่าพงษ์ผ่องโสภา
เพื่อโลกหน้ามนุษยธรรมเข้ากำชัย