7 มีนาคม 2552 15:48 น.
ดอกบัว
เจ้าสายฝน
เจ้าเคยโปรยปรายจากฟากฟ้า
ร่วงหล่นลงมาจากท้องนภา
มาราดล้างน้ำตาเจ้าดอกไม้
เจ้าสายฝน
ครานี้เจ้าจางหายไปที่ใด
ปล่อยให้โลกแห้งแล้งร้างไร้
เจ้าโปรยปรายนะแห่งใดไม่กลับมา
เจ้าสายฝน
จะรู้ไหมดวงกมลดอกไม้ร้องเรียกหา
รอคอยหยาดพิรุณรินหลั่งจากฟากฟ้า
ร่วงหล่นลงมาซับกลีบใบ
อย่าปล่อยไว้เนิ่นนาน
มันราวรานมากรู้บางไหม
ทั้งเกสรกลีบก้านกิ่งใบ
จะต้านทานไม่ไหวแล้วน่ะสายฝน
นานแล้วนะจากลาไม่บอกกล่าว
กับเรื่องราวที่ผ่านที่ห้อมห่ม
เจ้าเก็บซ่อนอะไรไว้ผจญ
รู้บ้างไหมดอกไม้ยังรอคอย
เคยหยาดรินพรั้งพรมมาห่มหอม
เคยมาหลอมกลีบกลิ่นประทีนบ่อย
เคยมาราดหยาดรินให้โปรยปรอย
กับมาเลือนลับลอยล่องดอกไม้โรย
6 มีนาคม 2552 08:51 น.
ดอกบัว
ฉากจากแสงพรายฟ้ามากำเนิด
เกิดแสงสีบรรเจิดโค้งขอบฝัน
แสงสีทองทอทาบขอบฟ้ากั้น
มากำนัลมนุษย์สุดพรรณณา
ตามเหลือบภูขอบผานานาสัตว์
สิ่งสถิตสามัญทั่วพฤกษา
อนิจจไม่เที่ยงตลอดเวลา
ปรมัตถ์อยู่เหนือความเปลี่ยนแปลง
บัญญัติธรรมมนุษย์บัญญัติขึ้น
สมมุติคืนวันเวลามาแถลง
สมมุติบ้านรถยนต์จัดแสดง
เทาเหลืองแดงทิศทางต่างอำเภอ
พรุ่งวันจันทร์นั้นเธอนี้ของฉัน
กำหนดเดือนปีวันฝันพร่ำเพ้อ
โต๊ะ เก้าอี้ช้อนชามมาบำเรอ
เพื่อเสนอสื่อสารให้รู้กัน
แล้วอะไรเนื้อแท้เหนือสมมุติ
มาสะดุดต้นไม้ดวงตาวัน
ทั้งแม่น้ำพื้นดินแสงนวลจันทร์
ธรรมชาติสร้างสรรค์รูปเป็นไป
ถนอมจิตคิดดีเอื้ออาทร
ยามรุมร้อนมนุษย์สุดหวั่นไหว
ด้วยเนื้อแท้วัฏฏะคราเวียนไป
สิ้นสุดการวุ่นวายใช่จบกาล
เมื่อแสงเช้าทอทาบฉาบนภา
หมู่วิหคถลาบินขับขาน
อิสระเสรีฟ้าประทาน
กรรมบันดาลวัฏฏะมิดับลง
ประดุจดั่งมนุษย์หยุดเวียนว่าย
การเกิดแก่เจ็บตายจิตลุ่มหลง
กุศลสร้างน้อยนิดมิปลิดปลง
วิญญาณหลงล่องลอยคอยภพภูมิ
3 มีนาคม 2552 21:30 น.
ดอกบัว
เดือนเมษาหน้าแล้งป่าแห้งเฉา
สัตว์น้อยใหญ่ไร้เงาถิ่นไสว
ความเหือดแห้งรกร้างแผ่กว้างไกล
ความแล้งไล่พลัดถิ่นดินอุดม
ยามหน้าร้อนธารใสไหลรวยริน
กลับแห้งหายหมดสิ้นความชื้นขม
ทั่วผืนป่าซบเซาเคล้าแรงลม
ที่พัดพรมแห้งกรังทั้งป่าดง
แหล่งอาศัยสรรพสัตว์อัตคัด
อัตภาพร้อนจัดเป็นผุยผง
อัตราส่วนทดถอยเจตจำนงค์
อัธยาศัยยืนยงปรับเปลี่ยนไป
ความกันดารผืนดินถิ่นอาศัย
สรรพสัตว์น้อยใหญ่ไม่ผ่องใส
มาเหือดแห้งอับเฉาทั้งพงไพร
ในดงใหญ่ชุ่มฉ่ำสิ้นแรงไกว
แล้วท้องทุ่งผืนป่านาคนยาก
คงลำบากอดโซโก้ไฉน
นาก็แล้งน้ำลดเขื่อนหมดไป
มนุษย์เราร้างไร้น้ำทำกิน
แสงตาวันทอทาบอาบนภา
หมู่วิหคถลาออกผกผิน
เหยื่ออาทรป้อนลูกให้มีกิน
ใฝ่ถวิลอาหารจานชีพตน
จากกิ่งคอนร่อนเร่ดุเหว่ว้า
แสนอัดอั้นตันอุราคราสับสน
ยอมตัวตายหมายลูกให้อยู่ทน
ชีพดิ้นรนเสี่ยงภัยในพนา
ดั่งคนเราทายท้าจักโผผิน
ยามแล้งร้อนพลัดถิ่นเพื่อภักษา
เอื้ออาทรร่อนเร่เมืองธารา
หวังเงินตราเจือจานคุณมารดา
ในเมืองกรุงมุงหวังอนาคต
ทั้งเหนื่อยอดกระหายเป็นหนักหนา
สู้ฝ่าฟันอุปสรรคสิ่งนานา
หมดน้ำตาเพื่อทนคนเงยรอ
ในถิ่นฐานบ้านเดิมมีไออุ่น
อกละมุนแม่เอื้อเมื่อร้องขอ
นะท้องทุ่งถิ่นคอนอ้อนละออ
ในป่าปูนนี้หนอล่อหลงกล
26 กุมภาพันธ์ 2552 20:13 น.
ดอกบัว
ตกอยู่ในมายาของชีวิต
จิตกำหนดเจตสิกลิขิตให้
กำหนดรูปสัมผัสความเป็นไป
จิตรับรู้สภาวะใจเท่าทัน
เพราะกิเลสเป็นเหตุตัวปัญหา
เข้าเกาะกุมอุราพาไหวหวั่น
กำซานทรวงห้วงลึกจิตจาบัลย์
มาโรมรันเร่าร้อนวอนต่อยตี
เมื่อจิตตกยกปรับระดับอยาก
ก่อวินาศขาดดุลในวิถี
เปลี่ยนอัตตาลุ่มหลงเข้าราวี
มาต่อยตีจิตใสให้หมองมัว
จิตสัมผัสเจตสิกปรุงแต่งจิต
เหตุคุ่นคิดจิตโจนโผนสลัว
สิ่งสมมุติจุตติเข้าพันพัว
สิ่งน่ากลัวกิเลสเหตุใจตน
เย็นหอมอ้อมแมกไม้คลายหม่น
ฟากฟ้าแสงล้อมห่มทุกแห่งหน
เปล่าดายเปรี่ยววางว่างท่ามกมล
เหตุแห่งผลค้นใดใคร่สิ่งดี
ถ้าต้องการพ้นผ่านสิ่งหารหัก
ฝันมีรักหรือชังหวังสุขี
สายลมเย็นพัดพรมดวงฤดี
คือตัวชี้วิถีในตัวตน
รักษากาย, รักษาใจ,รักษาวาจา
เมื่อใดที่คิดว่าจะชำระล้างร่างกายขันธ์ทั้ง 5
จงระลึกนึกเสมอว่าจักพยายามทำให้หมดจด
และทะนุถนอมต่อท่านผู้มีคุณ, และให้คิดว่านี้คือการใช้หนี้เก่า
พร้อมกับทำด้วยความรู้สึกที่น่าเบื่อหน่าย เพราะ ทำไม่เลิกสักที
ศีล, การทำกาย และ วาจาให้เรียบร้อย
สมาธิ, การมีใจตั้งมั่น
ปัญญา, การรอบรู้ในกองสังขาร
วิมุติ, คือความหลุดพ้นอย่างอิสระ
มาเรียนรู้การกำจัดกองทุกข์กันเถอะ
ลาภสักการะ เกียรติยศ, เปรียบเหมือนใบไม้
ศีล คือเปลือกไม้
สมาธิ คือ เยื้อไม้
ปัญญา คือ เนื้อไม้
วิมุติ คือ แก่นไม้
แล้วเราต้องการอะไรดีหล่ะ หรือ ว่า แค่ให้ได้เห็นต้นไม้เท่านั้น
เรามาเรียนรู้ให้ถึงซึ่ง ใบไม้, เปลือกไม้, เยื่อไม้, เนื้อไม้,
สุดท้ายให้ถึงแก่นไม้ กันไปเลยดีกว่า
ศีล 5 ไม่โหดร้าย ไม่มือไว ไม่ใจเร็ว ไม่พูดปด และไม่หมดสติ
ศีลธรรม ไม่ได้ทำให้คนพ้นทุกข์ได้
เรื่องง่ายๆ เพียงแต่ใจไม่ปรุงแต่ง ประตูธรรมชาติ ก็จะเปิดรับ
ความทุกข์เดือดร้อนทั้งหลายก็จักพินาจหายไป
คำสอนของหลวงปู่ที่มีเมตตาสอนลูกหลานให้เรียนรู้กิเลสตัณหาในจิตตน
24 กุมภาพันธ์ 2552 14:44 น.
ดอกบัว
จากวัยเยาว์เข้าสู่การศึกษา
ตั้งสติเรียนวิชาต่างวิถี
ปรับสภาพจิตใจใฝ่ทางดี
โลภ โกรธ หลง ตัวชี้จิตเปลี่ยนแปลง
ปรับสภาพข้างในนิ่งสนิท
หล่ะ หิริโอตตัปปะ อย่ากำแหง
ใช้ขันติปรับจิตปิดสำแดง
สิ่งเคลือบแคลงเป็นเหตุแห่งเภทภัย
เมื่อได้รู้ยุทธวิธีเช่นนี้แล้ว
ก็เคลื่อนแถวทัพพลันประจันไว้
ความรูสึก เป็นอาวุธฉุดปราชัย
ตัว ตัณหา ก่อเภท เหตุไพรี
ยิ่งอารมณ์อ่อนไหวราวไผ่ลู่
กิเลสวิ่งสู่จิตผิดวิถี
ปรับกระแสพินิจพิศฤดี
จะเข้าใจบ่งชี้(มิ)เจตนา
สิ่งสมมุติผุดพรายดั่งร่ายเสก
ใช้เมตตากรุณาอุเบกขา
มุทิตาประเสริฐอัปมัญญา
ใฝ่ธรรมาอภัยไทยธรรม
เห็นใบไม้ร่วงหล่นปนดินเปื้อน
ใบไม้เตือนคนเรามีสูงต่ำ
ความแตกต่างดวงจิตให้น้อมนำ
ความเหลื่อมล้ำใจเราไม่เท่ากัน