22 ธันวาคม 2553 01:24 น.
ดวงจันทร์
ก็ต่างคนต่างเท้าที่ก้าวเดิน
ต่างเผชิญต่างผจญบนทางฝัน
ต่างถือตัวถือตนผจญผจัญ
ก็ต่างคนต่างฝันประจัญบาน
เราก็ต่างคือหนึ่งคนบนทางฝัน
ต่างผ่านคืนผ่านวันอันฝันหวาน
ต่างพานพบเรื่องราวแสนร้าวราน
ต่างคิดว่าเชี่ยวชาญการรับมือ
ต่างต้องมาแพ้พ่ายในภายหลัง
เพราะว่าต่างไม่ปล่อยวางทางยึดถือ
ตัวของกู ตนของกู ใครกล้า ฤ
ใครกล้าหือ กูจะถือ ว่าลองดี
จะต้องทำให้รู้ กูมันแน่
ใครกล้าแหย่ จะเหยียบจน มันป่นปี้
แท้ยิ่งทำกลับยิ่งช้ำกรรมที่มี
ย้อนวิถีสู่คนทำช้ำแทบตาย
24 ตุลาคม 2552 20:14 น.
ดวงจันทร์
ล่องเรือในแสบแสบนี้มาปีกว่า
จากที่ท่าน้ำรามคำแหงแหล่งอาศัย
สู่ผ่านฟ้าลีลาศที่ขาดใจ
เพราะว่าไม่มีแล้วแก้วสีนิล
เคยได้นั่งแนบชิดสนิทเนื้อ
เคยได้เกื้อกูลกันในบางสิ่ง
เคยร่วมทางเจรจาไม่ชังชิง
แต่ความจริงตอนนี้ไม่มีเธอ
ไม่มีแล้วที่ท่าน้ำในยามเช้า
ไม่มีเงาคนที่เฝ้าคอยเสมอ
ไม่มีทางที่ฉันจะพบเจอ
ไม่มีเธอที่เคยเดินร่วมทาง
แสนเจ็บแสบแสนแสบยิ่งแสบซ้ำ
ยิ่งเอ๋ยคำว่ารักยิ่งไกลห่าง
ยิ่งแสดงยิ่งต่างคนบนหนทาง
ทิ้งพี่ให้อ้างว้างกลางนที
19 กันยายน 2552 22:46 น.
ดวงจันทร์
อยากแต้มแต่งโลกสวยด้วยอักษร
แต่ช่างอ่อนหัดเกินเขินคนหมิ่น
อยากจะเขียนแผ่นฟ้ามาถึงดิน
อยากเขียนจินตนาการผ่านโลกา
แต่ช่างอ่อนเชิงร้อยถ้อยคำหวาน
ไม่เชี่ยวชาญผูกสัมผัสจัดภาษา
ไม่เก่งเชิงเปรียบเทียบอุปมา
จึงไม่อาจหยิบดารามาเปรียบเปรย
ไม่อาจหยิบสายลมห่มไอรัก
ไม่อาจทักทายตะวันพระจันทร์เอ่ย
ไม่อาจหยิบไออุ่นที่คุ้นเคย
ไม่อาจเชยชมผ่องละอองเพ็ญ
แต่ก็รักที่จะเขียนเพียรศึกษา
ขอขมามากครูผู้รู้เห็น
ที่แจ่มชัดในทุกข์โศกโลกร้อนเย็น
ขอลูกเป็นอีกหนึ่งมิตรได้ชิดชม
12 พฤษภาคม 2552 23:51 น.
ดวงจันทร์
น้ำตาร่วงหล่นบนพื้น
ฉันยื่นนิ่งนับดับเคลื่อนไหว
ทุกทุกหยดน้ำตาแห่งอาลัย
ทุกทุกความอ่อนไหวที่ใจเป็น
น้ำตาร่วงหล่นบนพื้น
ฉันยืนนิ่งนับดับแสงเห็น
ยืนหลับตาแต่ปิดใจไยยากเย็น
ช่างยากเข็ญเพราะฉันเห็นแต่หน้าเธอ
12 พฤษภาคม 2552 12:52 น.
ดวงจันทร์
ท่ามกลางเสียงเพลง บรรเลงกึกก้อง
ครึกครื้นทำนอง สาดส่องแสงไฟ
หลากสีต่างสัน พาฉันหวั่นไหว
ครึ้มอกครึ้มใจ อยู่ในภวังค์
ซดเหล้าไปแล้ว หลายแก้วอีกครั้ง
ไม่อาจยับยั้ง พลาดพลั้งที่มี
เจ็บเกินกลั้นใจ อ่อนไหวสิ้นดี
อดได้สองปี มาเสียทีที่รักเธอ