24 มีนาคม 2552 10:33 น.
ด.ช. ปรัชญา
ตะวันฉายระบายใบ
ระบัดไปในพื้นดล
แสงไหววะวับวน
ระดะปนประดับใบ
เขียวขาบบังรอยแดด
ดูสีแสดสะบัดไหว
ริ้วส้มสลับใน
สีเข้มเขียวระเรียวงาม
เดินไปย่ำกลิ่นดิน
กระแสสินธ์ส่งเสียงตาม
คะโครมครื้นโครมคราม
น้ำลั่นป่าพนาไพร
แสงฉายยังฉายน้ำ
ดูงดงามถึงเพียงไหน
วาววับวะวามไกล
ดุจพราวเพชรเกล็ดโกเมน
สีเงินสลับทอง
วิรงรองสีทองเสน
พราวแสงแข่งลมเอน
วาบหวามไหวในสายลม
ตะวันในราวป่า
ดูตื่นตาปลื้มใจชม
พยับไหวระใบวน
พยับฟ้าทิวาวาร
เมื่อดวงกลางท้องฟ้า
ยังส่องหล้าให้ชื่นบาน
ส่ำสัตว์ทุกมวลการ
ชีวิตยืนยังครื้นใจ
24 มีนาคม 2552 09:14 น.
ด.ช. ปรัชญา
ฝนเอยฝนตก
ชุ่มอกชื่นเย็นเป็นไหนไหน
ฟ้าสีฟ้าฉ่ำดั่งน้ำใจ
ด้วยสีฝนใสให้เย็นตา
ฝนเอยฝนตก
เจ้าคางคกกบชื่นรื่นหรรษา
ร้องเพลงบรรเลงชีวา
ดุจดนตรีป่าก้องกังวาล
เสียงฝนเปาะแปะซาดซ่า
ใบหน้าทุกต้นไม้ละเมอหวาน
เขียวชุ่มฉ่ำชื่นระรื่นปาน
จะเริงร่าขับขานทั้งไพรวัลย์
ต้นตะขบชูใบระเริงยิ้ม
ทิวทับทิมระดะดอกดูสุขสันต์
พิกุลแก้วหอมดอกงามไปตามกัน
สนสามใบทั้งนั้นก็ปรบมือ
ราวกุหลาบชูสีชมพูสด
เพื่อความรักทั้งหมดที่ยึดถือ
กุหลาบงามกว่าคนที่ชนลือ
จึ่งมีชื่อแทนรักที่ปักใจ
มองดูฝนที่สาดซ่าดูน่าชื่น
ดีกว่าอื่นฝนช่วยดาวให้พราวใส
เมื่อฝนซาฟ้ากระจ่างเหมือนกลางใจ
ดาวภายในที่สว่างกระจ่างนวล
ฉันอยากให้ฝนอยู่คู่กับฟ้า
ฝนช่วยให้ราวป่าได้แย้มสรวล
ทุกส่ำสัตว์แสนบันเทิงระเริงชวน
ทุกข์ทั้งมวลก็มลายละลายไป
23 มีนาคม 2552 10:51 น.
ด.ช. ปรัชญา
กวีย่อมวาดฟ้า เขาเขียว
เสมอทิพย์พิมานเจียว ร่วมห้อง
เพียงรอยลิขิตเดียว หมดจด
ไหลหลั่งล้านภาพพร้อง ด้วยค่ำดาวเคียง
หากใครจะรักรสกวี
เพียงมีหนึ่งจิตต์พิสมัย
อิ่มเอมเขียนถ้อยทุกวันไป
จะค่อยได้ดื่มรสบทกวี
แก้วกวีเขียนฟ้าทุกวี่วัน
เพียงหนึ่งราตรีนั้นก็สุขี
เข้มขาบเขาเขียวของกวี
เห็นดีทั่วถ้วนล้วนได้ชม
จะเขียนพิมานให้ปรากฏ
ฤารสความรักก็มีถม
ล้านคำล้านคิดล้วนคำคม
นี่คือค่านิยมแห่งกวี
23 มีนาคม 2552 10:41 น.
ด.ช. ปรัชญา
กวีย่อมเขียนโลก อัศจรรย์
ถักทอทุกวี่วัน วาดฟ้า
หวังโลกงดงามงัน หมดจด
สิ่งศิลป์นั้นนฤมิตรช้า เฉกสร้างบรมเมือง
งามกวีมิเคยย่อ ท้อใด
แสนยากเท่าไรไร เฝ้าสร้าง
ถักทอทิพย์ดาวใด หมดจด
ทิพย์กวีบ่มิร้าง จากฟ้าหมื่นสมัย
23 มีนาคม 2552 10:30 น.
ด.ช. ปรัชญา
เมื่อใจพาให้รักสมัครกลอน
ใจก็สอนกลอนก็สร้างกวีศรี
ทุกอักษรทุกถ้อยร้อยวิธี
ล้วนพาทีออกมาประสาใจ
ใจกับกลอนจึงสะท้อนถึงวิญญาณ
ร้อยคำขานผ่านกลอนอักษรใส
ให้หมื่นคำขับขานเนิ่นนานไป
เป็นบันทึกของดวงใจไปชั่วกาลฯ
ฉันเขียนกลอนฉันเขียนใจของฉัน
กี่ปีวันคอยให้กลอนช่วยสอนสาน
ใจของกลอนคือใจฉันนิรันดร์กาล
ไม่เคยร้างกันนานแม้วันเดียว
ฉันเขียนกลอนด้วยใจและอารมณ์
กลอนจึงสมด้วยใจสร้างอย่างแน่นเหนียว
หากขาดกลอนเท่าขาดใจอย่างนั้นเจียว
ด้วยใจเหนี่ยวแน่นนักด้วยรักกลอนฯ