24 มีนาคม 2552 10:56 น.
ด.ช. ปรัชญา
หากใครจะคิดว่าฤทธิ์ใด
จะยิ่งใหญ่เท่าฟ้ามหาศาล
มีกำลังหักโค่นยอดภูพาน
ฟาดท้องฟ้าให้แหลกลาญเป็นจุลไป
ฤทธิ์นั้นมิใช่ฤทธิ์ยักษ์
หรือบรมประลัยจักรไม่ถ้วนได้
ฤทธิ์นั้นหาใช่เทพสุราลัย
อันอยู่ไกลกว่าฟ้ามหาบดี
แต่ฤทธิ์นั้นคือตรีกิเลส
อันเป็นต้นแห่งเหตุทุกวิถี
โลภะ โทสะ โมหะมี
อยู่ ณ ที่แห่งใดบรรลัยพลัน
ยังไม่รวมกิเลสชื่อราคะ
ซึ่งชำนะผู้คนไม่พรึงพรั่น
ทำลายหมายมนุษย์สารพัน
ให้ทั้งนั้นเป็นทาสดาษดา
อิทธิฤทธิ์ของตรีกิเลส
จึงยิ่งกว่าทุกมูลเหตุนักหนา
นับตั้งแต่ไส้เดือนกิ้งกือมา
ไปจนกว่าพรหมาสุทธาใด
กิเลสล้วนแทรกอยู่ทุกอณู
มากน้อยอาจดูไม่รู้ได้
ทุกทิพย์-พรหมฌาณประการใด
ก็จักไม่รู้เหตุกิเลสเลย
แต่กิเลสนั้นต่างก็มีตน
แฝงอยู่ในทุกผู้คนดังเฉลย
ซ้อนในซ้อนแฝงในแฝงไม่น้อยเลย
จักเปรียบเปรยเป็นมากกว่าโกฏิปี
กิเลสซึ่งแทรกในมนุษย์
ทำความบริสุทธิ์ให้หมองศรี
ทำลายดวงจิตที่คิดดี
ให้ชั่วช้าเต็มทีระยำไป
ให้ปั่นป่วนทั้งหมื่นโลกธาตุ
ให้มีมหาวินาศหวั่นไหว
สรรพสัตว์มากน้อยเท่าไรไร
ไม่เว้นไว้สักนิดกระจิดเดียว
มดน้อยทึ้งถึงกับทุกแมลง
อันแฝงอยู่กับไม้สีเขียว
ฉีกฆ่าทุกวี่วันอย่างนั้นเจียว
ด้วยเหตุประการเดียวแห่งชีวา
ปลาใหญ่ฮุบเจ้าปลาน้อย
เจ้านกจ้อยหลีกหลบจ้าวเวหา
สิงสาราสัตว์ทุกอัตรา
และมนุษย์ทุกใบหน้าเสมอกันฯ
ดังนี้เพราะตรีกิเลส
อันมีอาเขตกว้างมหันต์
จากราวป่าถึงสุดจักรวาลพลัน
ถึงทุกชั้นโคตรฟ้านภาลัย
หากจะโค่นฤทธิ์ตรีกิเลส
จุ่งสั่งสมคุณวิเศษทุกสมัย
ทุกเช้าทุกค่ำประจำไป
รักษาไว้เพื่อดวงจิตประดิษฐ์ดี
รักษาศีลพรหมจรรย์อย่าชักช้า
โอยทานทุกทิวาราตรีศรี
หยุดในหยุดจนได้ที่พอดี
จนถึงที่สงบบรรจบใจ
ระวังตนอย่าให้เสพคุ้น
กับกิเลสเจือจุนไปใหญ่
รู้ควร-ไม่ควรเสมอไป
จรดใจสมาธิทิวาวาร
มีมงคลสามสิบแปดเป็นชีวิต
ธรรมะช่วยลิขิตเป็นแก่นสาร
สละละกิเลสรอนราญ
ละเลิกให้พญามารมาเข้าครอง
รบกับมันด้วยจิตอันผ่องแผ้ว
ดุจดั่งแก้วมณีไม่มีสอง
ระลึกถึงนฤพานมาครอง
ดวงใจอาจปองให้จงดี
ธรรมะนั้นจะช่วยฆ่ากิเลส
ตัดปฐมมูลเหตุทุกวิถี
โปรดดับฤทธิ์ตรีกิเลสราคี
อย่าเมตตาปรานีกันต่อไป
จุ่งให้ตรีกิเลสดับสนิท
สงบแหล่งอิทธิฤทธิ์แผ้วผ่องใส
เริ่มจากหลับตาจรดดวงใจ
แล้วจะได้ผลชำนะสถาวร
24 มีนาคม 2552 10:33 น.
ด.ช. ปรัชญา
ตะวันฉายระบายใบ
ระบัดไปในพื้นดล
แสงไหววะวับวน
ระดะปนประดับใบ
เขียวขาบบังรอยแดด
ดูสีแสดสะบัดไหว
ริ้วส้มสลับใน
สีเข้มเขียวระเรียวงาม
เดินไปย่ำกลิ่นดิน
กระแสสินธ์ส่งเสียงตาม
คะโครมครื้นโครมคราม
น้ำลั่นป่าพนาไพร
แสงฉายยังฉายน้ำ
ดูงดงามถึงเพียงไหน
วาววับวะวามไกล
ดุจพราวเพชรเกล็ดโกเมน
สีเงินสลับทอง
วิรงรองสีทองเสน
พราวแสงแข่งลมเอน
วาบหวามไหวในสายลม
ตะวันในราวป่า
ดูตื่นตาปลื้มใจชม
พยับไหวระใบวน
พยับฟ้าทิวาวาร
เมื่อดวงกลางท้องฟ้า
ยังส่องหล้าให้ชื่นบาน
ส่ำสัตว์ทุกมวลการ
ชีวิตยืนยังครื้นใจ
24 มีนาคม 2552 09:14 น.
ด.ช. ปรัชญา
ฝนเอยฝนตก
ชุ่มอกชื่นเย็นเป็นไหนไหน
ฟ้าสีฟ้าฉ่ำดั่งน้ำใจ
ด้วยสีฝนใสให้เย็นตา
ฝนเอยฝนตก
เจ้าคางคกกบชื่นรื่นหรรษา
ร้องเพลงบรรเลงชีวา
ดุจดนตรีป่าก้องกังวาล
เสียงฝนเปาะแปะซาดซ่า
ใบหน้าทุกต้นไม้ละเมอหวาน
เขียวชุ่มฉ่ำชื่นระรื่นปาน
จะเริงร่าขับขานทั้งไพรวัลย์
ต้นตะขบชูใบระเริงยิ้ม
ทิวทับทิมระดะดอกดูสุขสันต์
พิกุลแก้วหอมดอกงามไปตามกัน
สนสามใบทั้งนั้นก็ปรบมือ
ราวกุหลาบชูสีชมพูสด
เพื่อความรักทั้งหมดที่ยึดถือ
กุหลาบงามกว่าคนที่ชนลือ
จึ่งมีชื่อแทนรักที่ปักใจ
มองดูฝนที่สาดซ่าดูน่าชื่น
ดีกว่าอื่นฝนช่วยดาวให้พราวใส
เมื่อฝนซาฟ้ากระจ่างเหมือนกลางใจ
ดาวภายในที่สว่างกระจ่างนวล
ฉันอยากให้ฝนอยู่คู่กับฟ้า
ฝนช่วยให้ราวป่าได้แย้มสรวล
ทุกส่ำสัตว์แสนบันเทิงระเริงชวน
ทุกข์ทั้งมวลก็มลายละลายไป
23 มีนาคม 2552 10:51 น.
ด.ช. ปรัชญา
กวีย่อมวาดฟ้า เขาเขียว
เสมอทิพย์พิมานเจียว ร่วมห้อง
เพียงรอยลิขิตเดียว หมดจด
ไหลหลั่งล้านภาพพร้อง ด้วยค่ำดาวเคียง
หากใครจะรักรสกวี
เพียงมีหนึ่งจิตต์พิสมัย
อิ่มเอมเขียนถ้อยทุกวันไป
จะค่อยได้ดื่มรสบทกวี
แก้วกวีเขียนฟ้าทุกวี่วัน
เพียงหนึ่งราตรีนั้นก็สุขี
เข้มขาบเขาเขียวของกวี
เห็นดีทั่วถ้วนล้วนได้ชม
จะเขียนพิมานให้ปรากฏ
ฤารสความรักก็มีถม
ล้านคำล้านคิดล้วนคำคม
นี่คือค่านิยมแห่งกวี
23 มีนาคม 2552 10:41 น.
ด.ช. ปรัชญา
กวีย่อมเขียนโลก อัศจรรย์
ถักทอทุกวี่วัน วาดฟ้า
หวังโลกงดงามงัน หมดจด
สิ่งศิลป์นั้นนฤมิตรช้า เฉกสร้างบรมเมือง
งามกวีมิเคยย่อ ท้อใด
แสนยากเท่าไรไร เฝ้าสร้าง
ถักทอทิพย์ดาวใด หมดจด
ทิพย์กวีบ่มิร้าง จากฟ้าหมื่นสมัย