28 เมษายน 2546 21:01 น.

แสงทองของชีวิต

ณรังษี

.ตะวันทอแสงอ่อนก่อนอรุณ 
สัมผัสกลีบละมุนมวลดอกไม้ 
ขับสีสันให้กระจ่างพร่างพฤกษ์ไพร 
ส่งกลิ่นหอมละไมไปกับลม 

สายลมไหว..กลิ่นดอกไม้ก็กรายถิ่น 
แมลงภู่เพียรโบยบินมาสู่สม 
สัมผัสกลีบ.ดอกไม้.ได้เชยชม 
และผสมเกสรก่อนจากไป 

ธรรมชาติอิงอาศัยให้ประโยชน์ 
มิเคืองโกรธ หวงแหน แค้นสิ่งไหน 
สุริยายังสาดแสงอยู่เรื่อยไป 
มวลดอกไม้แย้มบานรับกับอุทัย 

หมู่ภมรก็บินร่อนลงเชยกลิ่น 
ผสมสิ้นเกสรก่อนผลักไส 
เป็นพืชผลธรรมชาติดาษดื่นไป 
หล่อเลี้ยงให้ชีวิตยั่งยืนมา 

ทุกๆสิ่งมีหน้าที่ของตนเอง 
อย่าหวั่นเกรง สับสน หรือค้นหา 
ทำหน้าที่เต็มกำลังสติ-ปัญญา 
ผลแห่งงานจะเจิดจ้าเยี่ยงสุรีย์ 
. 
				
28 เมษายน 2546 20:55 น.

วัฏฏะ..กว้างจริงๆ

ณรังษี

วัฎฎะเวิ้งว้างกว้างนัก 
ต้นปลายหรือจักมองเห็น 
สะสมอนุสัยกิเลสเป็น 
ปมเด่นอวิชชาพืชพันธุ์ 

คนชั่ว..ไม่กลัวชั่วผล 
คนชั่วอยากเสียจนสุดกระสัน 
โหมฮึกห้าวหาญฟาดฟัน 
เหยียดฟ้าไม่พรั่นธรณี 

คนพอ..ขอมีแค่พอ 
ไม่พ้อพรึงพรั่นหวั่นหนี 
ดำเนินตามความพอดี 
แก้ไขตามที่เหมาะตน 

คนพบ..ขอจบทุกสิ่ง 
หยุดนิ่งไขว่คว้าหาผล 
ไม่ต้านสรรเสริญสุขตน 
ไม่ต้านลาภผลยศใด 

คนพบ.เพียงรู้ตามจริง 
ทุกสิ่งย่อมมีมาได้ 
มีแล้วก็พรากจากไป 
ไตรลักษณ์ประจักษ์ฤดี 

มองตาม..มองตน..ค้นพบ 
ดื่มด่ำความสงบขณะนี้ 
สุดทางแห่งมรรคสามัคคี 
จักหนีพ้นได้อย่างไรกัน 
				
28 เมษายน 2546 20:50 น.

ห้าม

ณรังษี

ที่ท้องฟ้าจุดเทียนของท้องฟ้า 
ในใจจุดเทียนจ้าไว้ส่องแสง 
ที่ท้องฟ้ามีหมู่ดาวอันเรืองแรง 
ในจึงแจ้งด้วยแสงดวงจากสรวงดาว 

จากแดนฟ้ามีน้ำค้างมาพร่างพื้น 
ใจฉ่ำชื้นด้วยน้ำค้างจากกลางหาว 
จากแดนฝันมีความฝันอันเพริศพราว 
ใจจึงกร้าวด้วยฝันอันยาวไกล 

ฉันเห็นฝันของบางคนตกหล่นหาย 
ตกกระจายเกลื่อนกล่นอยู่หนไหน 
สัมผัสค่าสัมผัสคำ...สัมผัสใจ 
จึงเข้าใกล้ค่าแห่งจิตนิจนิรันดร์ 

เพราะชีวิตใช่มีแค่ชีวิต 
ฟ้ามีฝนคนมีสิทธิ์จะคิดฝัน 
ตราบใดแสงจันทร์ยังจ้าคู่ตะวัน 
รุ้งความฝันจักทอทาบอิ่มอาบใจ 

ห้ามทุกปรากฏการณ์ห้ามปรากฎ 
ห้ามให้งดห้ามให้เกิดพอห้ามได้ 
แต่ห้ามจินตนาการห้ามหัวใจ 
คงห้ามได้ถ้าชีวิต...ได้ปลิดแล้ว 
				
28 เมษายน 2546 20:42 น.

ผลัดใบ

ณรังษี

พรูพร่างกลางผืนดิน 
เหมือนดับสิ้นลมหายใจ 
แผ่ร่างกลางเปลวไฟ 
ล้วนมอดไหม้มิเหลือจุณ 

ใบบางระบัดพลิ้ว 
แลลิ่วลิ่วเมื่อลมหนุน 
คว้างคว้างกลางอรุณ 
ระเรื่อยลมถึงราตรี 

ลมร้อนก็ย้อนกลับ 
ปลิดใบลับให้สิ้นสี 
ใบแก่ประดามี 
ก็ทิ้งที่เคยอยู่ทน 

ถึงกาลชราแล้ว 
หมดแรงแผ่วจะให้ผล 
ผ่านแดดที่เผารน 
และพายุที่เยียบเย็น 

ขอไปตามทางแล้ว 
จากกิ่งแก้วให้พ้นเข็ญ 
ทิ้งฐานที่เคยเป็น 
ให้เผ่าพ้องได้ครองพงศ์ 

เติบโตและสืบตาม 
สร้างสรรค์ความที่ประสงค์ 
รุ่นเก่าย่อมปลดปลง 
ใหม่ทะนงแทนที่กัน 				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณรังษี
Lovings  ณรังษี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณรังษี
Lovings  ณรังษี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณรังษี
Lovings  ณรังษี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงณรังษี