29 เมษายน 2546 00:17 น.

เรือชีวิต

ณรังษี


เฉกชนม์นี้มีความหมายคล้ายเรือน้อย 
ที่เพียงลอยตามแรงแห่งคลื่นโหม 
ยามทุกข์เบียดบีฑาฝ่าคลื่นโครม 
ยามสุขไร้คลื่นโจมลำนาวา 

ลอยเรื่อยไปในห้วงน้ำตามกระแส 
ชลาลัยผันแปรเปลี่ยนทิศา 
เวียนวกไปในน่านธารธารา 
ไม่พบท่าเทียบฝั่งยั้งหยุดเรือ 

มองชะแง้แลทิศคิดอยู่นิ่ง 
ถ่วงเรือไว้ด้วยสิ่งทำหางเสือ 
กำหนดทางคัดท้ายอยู่ปลายเรือ 
ต้านกระแสความเชื่อที่เคยมี 

หวังจะไปให้ถึงลำสำเภาทอง 
ที่ฉายส่องผ่องประกายรัศมี 
อยู่เบื้องหน้าไกลไกลในนที 
จอดรอรับด้วยไมตรีมาช้านาน 

จึงวาดพายไปบนสายทางเส้นนั้น 
เรือน้อยพลันมีร่องรอยความร้าวฉาน 
เกิดรูรั่วขึ้นมากมายในกระดาน 
เปรียบทวารที่ซ่านไปในอารมณ์ 

เหลียวหาชันยาเรือเมื่อน้ำเข้า 
วิดน้ำเก่าเททิ้งสิ่งหมักหมม 
เพียรวาดพายให้เรือเบาเข้าแรงลม 
อุดรอยรั่ว...วิดน้ำตม...เร่งรีบพาย 

หมายสมัครสามัคคีมีในทาง 
ไม่อ้างว้างมีเชือกเหนี่ยวเกลียวแปดสาย 
กลายเป็นหนึ่งถึงสำเภาที่เงาพราย 
เรือลำน้อยถึงที่หมายไม่เวียนวน

				
28 เมษายน 2546 21:08 น.

ในเกลียวคลื่น

ณรังษี

......ธารสวาทสาดคลื่นอยู่ครืนโครม 
เรือลำน้อยล่องรี่โถมถลาใส่ 
โต้กระแสชลธีที่เกรี้ยวใจ 
มิเกรงกลัวสิ่งใดในสายธาร 

......ม่านโลกีย์บังใจให้บ้าคลั่ง 
ล่องเรืออออกจากฝั่งอย่างกล้าหาญ 
มีรอยยิ้มอิ่มเอมใจชมสายธาร 
คลื่นมายาซัดซ่านสู่อารมณ์ 

......ล่องลอยไปธาราใสกลับเปลี่ยนแปร 
เรือรักแพ้พ่ายคลื่นจนขื่นขม 
เรือกระดาษไม่อาจทานกระแสลม 
คลื่นรักลวงทำเรือจมกระแสธาร 
				
28 เมษายน 2546 21:01 น.

แสงทองของชีวิต

ณรังษี

.ตะวันทอแสงอ่อนก่อนอรุณ 
สัมผัสกลีบละมุนมวลดอกไม้ 
ขับสีสันให้กระจ่างพร่างพฤกษ์ไพร 
ส่งกลิ่นหอมละไมไปกับลม 

สายลมไหว..กลิ่นดอกไม้ก็กรายถิ่น 
แมลงภู่เพียรโบยบินมาสู่สม 
สัมผัสกลีบ.ดอกไม้.ได้เชยชม 
และผสมเกสรก่อนจากไป 

ธรรมชาติอิงอาศัยให้ประโยชน์ 
มิเคืองโกรธ หวงแหน แค้นสิ่งไหน 
สุริยายังสาดแสงอยู่เรื่อยไป 
มวลดอกไม้แย้มบานรับกับอุทัย 

หมู่ภมรก็บินร่อนลงเชยกลิ่น 
ผสมสิ้นเกสรก่อนผลักไส 
เป็นพืชผลธรรมชาติดาษดื่นไป 
หล่อเลี้ยงให้ชีวิตยั่งยืนมา 

ทุกๆสิ่งมีหน้าที่ของตนเอง 
อย่าหวั่นเกรง สับสน หรือค้นหา 
ทำหน้าที่เต็มกำลังสติ-ปัญญา 
ผลแห่งงานจะเจิดจ้าเยี่ยงสุรีย์ 
. 
				
28 เมษายน 2546 20:55 น.

วัฏฏะ..กว้างจริงๆ

ณรังษี

วัฎฎะเวิ้งว้างกว้างนัก 
ต้นปลายหรือจักมองเห็น 
สะสมอนุสัยกิเลสเป็น 
ปมเด่นอวิชชาพืชพันธุ์ 

คนชั่ว..ไม่กลัวชั่วผล 
คนชั่วอยากเสียจนสุดกระสัน 
โหมฮึกห้าวหาญฟาดฟัน 
เหยียดฟ้าไม่พรั่นธรณี 

คนพอ..ขอมีแค่พอ 
ไม่พ้อพรึงพรั่นหวั่นหนี 
ดำเนินตามความพอดี 
แก้ไขตามที่เหมาะตน 

คนพบ..ขอจบทุกสิ่ง 
หยุดนิ่งไขว่คว้าหาผล 
ไม่ต้านสรรเสริญสุขตน 
ไม่ต้านลาภผลยศใด 

คนพบ.เพียงรู้ตามจริง 
ทุกสิ่งย่อมมีมาได้ 
มีแล้วก็พรากจากไป 
ไตรลักษณ์ประจักษ์ฤดี 

มองตาม..มองตน..ค้นพบ 
ดื่มด่ำความสงบขณะนี้ 
สุดทางแห่งมรรคสามัคคี 
จักหนีพ้นได้อย่างไรกัน 
				
28 เมษายน 2546 20:50 น.

ห้าม

ณรังษี

ที่ท้องฟ้าจุดเทียนของท้องฟ้า 
ในใจจุดเทียนจ้าไว้ส่องแสง 
ที่ท้องฟ้ามีหมู่ดาวอันเรืองแรง 
ในจึงแจ้งด้วยแสงดวงจากสรวงดาว 

จากแดนฟ้ามีน้ำค้างมาพร่างพื้น 
ใจฉ่ำชื้นด้วยน้ำค้างจากกลางหาว 
จากแดนฝันมีความฝันอันเพริศพราว 
ใจจึงกร้าวด้วยฝันอันยาวไกล 

ฉันเห็นฝันของบางคนตกหล่นหาย 
ตกกระจายเกลื่อนกล่นอยู่หนไหน 
สัมผัสค่าสัมผัสคำ...สัมผัสใจ 
จึงเข้าใกล้ค่าแห่งจิตนิจนิรันดร์ 

เพราะชีวิตใช่มีแค่ชีวิต 
ฟ้ามีฝนคนมีสิทธิ์จะคิดฝัน 
ตราบใดแสงจันทร์ยังจ้าคู่ตะวัน 
รุ้งความฝันจักทอทาบอิ่มอาบใจ 

ห้ามทุกปรากฏการณ์ห้ามปรากฎ 
ห้ามให้งดห้ามให้เกิดพอห้ามได้ 
แต่ห้ามจินตนาการห้ามหัวใจ 
คงห้ามได้ถ้าชีวิต...ได้ปลิดแล้ว 
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณรังษี
Lovings  ณรังษี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณรังษี
Lovings  ณรังษี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณรังษี
Lovings  ณรังษี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงณรังษี