8 พฤษภาคม 2546 09:32 น.
ณรังษี
ตะวันลาฟ้าหมองครองความหม่น
ผ่านเวลามาจนใกล้พลบค่ำ
กายที่แกร่งเริ่มอ่อนแรงแฝงความช้ำ
ใจที่ตรำตรากการงานถึงกาลโรย
มองลำแสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า
เอ่ยคำลากับดวงใจที่แห้งโหย
อย่าสิ้นแรงพร้อมตะวันที่ร่วงโรย
เจ้าจงโปรยรัศมีที่งดงาม
ยังมีผู้มืดมิดไร้ทิศหลง
และบุกฝ่าป่าดงกลางพงหนาม
ในคืนค่ำราตรีที่คล้อยยาม
รอรับความช่วยหลือเกื้อชีวี
อย่าเสียดายมาลีที่กลีบท้อ
และพันห่อเกสรซ่อนลายสี
จงไปดอมบุปผาราชาวดี
ส่งกลิ่นหอมย้อมเสรีราตรีกาล
ตะวันเร้นเช่นหลบหน้าอย่าท้อทอด
จงโอบกอดบุหลันไว้ด้วยใจหาญ
ทุกนาทีมีค่าเอนกการณ์
ใช่ทุกสิ่งจะอวสานต์เพราะตะวัน
จะขืนดวงจันทราอย่าปรากฏ
จะรั้งรถทินกรอย่าคลอนฝัน
ไม่อาจรั้งหรือขืนได้ดุจเดียวกัน
ต่างเส้นทาง..ต่างความฝัน...ถึงวันลา
8 พฤษภาคม 2546 07:25 น.
ณรังษี
เทียนฉายประกายแสง
โรยแรงลมลิ่วพลิ้วไหว
วูบวับแทบดับไฟ
ความมืดมุ่งหมายปกคลุม
รอบข้างร้างเทียนคู่
ยืนอยู่โดดเดี่ยวเปลี่ยวกลุ่ม
ไร้มือช่วยเกี่ยวเกาะกุม
เดียวดายไร้ผู้ร่วมทาง
รอจนเทียนละลาย
ขดไส้ไหม้หายจากร่าง
รอผู้ต่อไฟให้สว่าง
รออย่างเปลี่ยวร้าง..นิรันดร์
30 เมษายน 2546 14:43 น.
ณรังษี
อาจนิยามค่าของคนได้ล้นกรอบ
เป็นไปตามความชอบของนิสัย
ค่าของคน...อาจอยู่ที่คนของใคร
ค่าของคน...อยู่ที่ไม่ไร้ความดี
ค่าของคน...อยู่ที่การงานสำเร็จ
ค่าของคน...ดุจดังเพชรมีศักดิ์ศรี
ค่าของคน...คือสัจจะบารมี
ค่าของคน...อาจอยู่ที่ให้อภัย
ค่าของคน.. คือหน้าที่รับผิดชอบ
ค่าของคน.. คือพลีมอบเพื่อการให้
ค่าของคน.. คือความเสียสละไว้
ค่าของคน...คือหัวใจกตัญญู
ค่าของคน...คือความห่างต่างจากสัตว์
ค่าของคน.. คือพร้อมหัดเพื่อเรียนรู้
ค่าของคน.. คือสิ่งที่ควรเชิดชู
ค่าของคน...คือความหรูในศักดา
ค่าของคนบ่นพร่ำย้ำความหมาย
จึงหลากหลายในความคิดและภาษา
แต่หากใครเดินตามธรรมนำมรรคา
เขาคนนั้นก็มีค่าน่านิยม
30 เมษายน 2546 14:36 น.
ณรังษี
*-* ก้าวมากับคืนวันอันเวิ้งว้าง
บอกดวงใจบอบบางให้เข้มแข็ง
เผชิญหน้ากล้าหาญการเปลี่ยนแปลง
เสวยแสวงคุณค่าอย่างท้าทาย
บนเส้นทางสายยาวมีหนาวร้อน
แต่ละช่วงแต่ละตอนมีความหมาย
บรรจงฝันปั้นยิ้มให้พริ้มพราย
ตะเกียกตะกายต่อสู้อยู่เรื่อยมา
ก็อาจจะมีบ้างในบางหน
ที่สับสนเสียใจเพราะไขว่คว้า
อาจจะมีบ้างในบางครา
ที่น้ำตารินหยดลงรดมือ
ชีวิตคนรุ่มรามด้วยความหวัง
ชีวิตมีความหลังเหมือนหนังสือ
ชีวิตรุ่งเรืองรองด้วยสองมือ
ชีวิตคือการอยู่สู้ความจริง
ผ่านมุมหม่นบนโลกโศกสลด
เรียนรู้รสเศร้าสุขแล้วทุกสิ่ง
รู้กัดฟันขันแข่งรู้แย่งชิง
รู้หยุดนิ่งข่มใจให้เย็นลง
ก้าวมาถึงปลายทางอย่างสง่า
ซาบซึ้งค่าของมนุษย์สุดประสงค์
ทั้งลาภยศชื่อเสียงไม่เที่ยงตรง
ที่มั่นคงงดงามคือความดี *-*
30 เมษายน 2546 07:44 น.
ณรังษี
ดูตรงนั้นที่ขอบโค้งวงของฟ้า
จรดดินแสนงามตาเธอเห็นไหม
ดูตรงโน้นทินกรอ่อนแสงไป
ฉาบโลมไล้ลำแสงแห่งอัสดง
มองให้ไกล... ใจให้กว้างอย่างท้องฟ้า
ทอดสายตาสูงเข้าไว้แม้ใจเหงา
อย่าก้มหน้ามองดินอย่างซึมเซา
เพราะน้ำตาของเจ้าจะหยดลง