20 พฤษภาคม 2546 06:55 น.

บางขณะของชีวิต

ณรังษี

.....ตะวันโรยโปรยแสงแฝงรอยเศร้า 
ดูเงียบเหงามัวหม่นทุกหนแห่ง 
ความกระจ่างจัดจ้ามาอ่อนแรง 
ความเข้มแข็งคลอนคลายสลายลง 

...สายนทีรี่ไหลไปเรื่อยเรื่อย 
สวะลอยเรื่อยเปื่อยราวใหลหลง 
สายธารามีขึ้นและมีลง 
สวะยังอยู่คงเพื่อล่องลอย 

...สายลมพัดแกว่งกวัดใบไม้ไหว 
อาจปลิดปลดบางใบร่วงลงผล็อย 
หรือปลิดดอกปลิดผลช่อน้อยน้อย 
ให้ล่องลอยหล่นล่วงควงลงดิน 

...มองท้องฟ้า ใบไม้ และสายน้ำ 
ล้วนมีความเปลี่ยนแปรไม่สุดสิ้น 
ใจก็ปรุงไปตามที่ยลยิน 
และตัดสินไปตามความหมายปอง 

...ใบไม้หล่น..บางคน...มีความสุข 
บางคนทุกข์...เสียดาย..ใบไม้หมอง 
เศษสวะ..มากมาย...ลอยในคลอง 
บางคนมอง..ว่าสวย...ช่วยทิ้งเติม 

....คราอาทิตย์..อัสดง..ลงขอบฟ้า 
บางคนว่า..ช่างสุขใจ...ได้สร้างเสริม 
บรรยากาศ..ตามแสงไต้...และคบเพลิง 
ดูร่าเริง..ก่อกองไฟ...ได้ชีวา 

...บางขณะของชีวิตคิดเช่นนั้น 
พอเปลี่ยนวันก็เปลี่ยนไปไม่หรรษา 
บางขณะ...ของคนที่มีปัญญา 
จึงรู้ค่าความเปลี่ยนไปในเปลี่ยนแปลง 
				
16 พฤษภาคม 2546 21:18 น.

ปั้นดิน

ณรังษี

เสียงลมครวญชวนใบไม้ให้ปลิดร่าง 
ลอยเคว้งคว้างจากกิ่งทิ้งความหลัง 
เมินก้านที่เกี่ยวก่อต่อพลัง 
ทิ้งความหวังหมดร่มเงาคราวชรา 

เดินมาถึงกึ่งทางอย่างโรยแรง 
สอดสายตาหาแหล่งพักคลายล้า 
มีแต่เพียงกิ่งก้านผ่านสายตา 
ไร้ร่มใบพฤกษาให้ชื่นใจ 

เหนื่อยเหลือเกินเดินมานานไม่พานพบ 
ผู้ร่วมรบอธรรมนำสดใส 
เพียรก่อสร้างแดนดินถิ่นพิไล 
มีเพียงผู้เดินทางไกลมาพักแรม 

เมื่อเหนื่อยคลายหายล้าก็ลาจาก 
ทิ้งเพียงซากความทรงจำคำเหน็บแถม 
ฝากรอยร้าวคำกล่าวเสียดเบียดใจแซม 
ครั้นลาแรม...ลืมผู้สร้าง....หมางสายตา 

ผ่านเวลาพร่าชีวิตทิ้งสิทธิ์ชอบ 
มาเก็บกอบปั้นดินร่วนให้ควรค่า 
กลายเป็นดาวประดับไว้ในนภา 
เมื่อถึงกาลก็จากลา...ทีละดวง 

ลมร้อนแผ่วผิวกายให้ทอดถอน 
ทุกบทตอนนั้นเพียรใจอย่างใหญ่หลวง 
แม้นล้มเหลวในดวงดาวทั้งปวง 
ยังภูมิใจในชีพช่วงได้สร้างดาว 

ยังเหลือทางข้างหน้าที่ท้าทาย 
ก่อนจะถึงที่หมาย ณ ปลายก้าว 
จะเก็บกอบกำลังใจขึ้นอีกคราว 
เพื่อสานฝันอันเพริศพราวแก่ปฐพี 

หากลมร้อนจะเผาผลาญราญร่างนั้น 
หรือพายุหมายชีวัน..จักไม่หนี 
อุปสรรคโหมรุมเร้าเข้าต่อตี 
จะก้าวบนแผ่นดินนี้สืบต่อไป 

				
12 พฤษภาคม 2546 08:02 น.

ปีกกล้า

ณรังษี

ไรไรลออห่อปีกหาง 
จัดวางในอ้อมจอมขวัญ 
เห่กล่อมพร้อมพร่ำรำพัน 
ย้อมใจในวันที่เยาว์วัย 

หัดให้กางปีกหลีกร่อน 
เหิรลมให้ผ่อนปีกได้ 
รู้ทางพยุงกายไว้ 
ฝึกให้ใช้ปีกโบยบิน 

สอนให้สังเกตเหตุรอบ 
ดีชอบประโยชน์ทั้งสิ้น 
เผื่อชีพน้อยน้อยพลัดถิ่น 
จักได้ไม่สิ้นหนทาง 

เวลาเมื่อพบสบภัย 
ปีกน้อยจักไม่อ้างว้าง 
รู้หลบซบปีกหลีกวาง 
พร่ำสอนทุกอย่างหมดใจ 

ห่วงใยเมื่อปีกใหญ่กล้า 
เกรงว่าจะผิดวิสัย 
จึงอบรมธรรมนำใจ 
สอนให้ใช้คุณธรรม 

แต่ใดจักกำหนดได้ 
เพียรให้สุดแรงแสดงย้ำ 
วาดหวังให้ตรองในกรรม 
หมายให้กระทำความดี 

บัดนี้เจ้ามีปีกแข็ง 
มากแรงพลังศักด์ศรี 
มีความคิดอ่านเสรี 
มากมีเป้าหมายในชีวา 

มีเหตุมีผลยลย้อน 
ไม่เหมือนเก่าก่อน...ปากกล้า 
คิดอ่านตามบทรจนา 
ตีค่าไปตามใจตน 

จักไม่เหนี่ยวรั้งอย่างใด 
ตามใจหากคิดจากหน 
บินเดี่ยวทิ้งถิ่นของตน 
ขอให้เจ้าพ้นอันตราย 

ประสบแต่ความใหญ่ยิ่ง 
พบแต่ทุกสิ่งที่หมาย 
พ่อแม่ครูบาเบื้องท้าย 
วอนไหว้ให้พระคุ้มครอง..
				
10 พฤษภาคม 2546 09:56 น.

ไม่ท้อใจ

ณรังษี

ฉันเป็นเพียงส่วนเล็กเล็กไม่สำคัญ 
ทำหน้าที่ทุกวันอย่างแจ่มใส 
ความสามารถมอบให้หมดมิบังไว้ 
ทำด้วยใจและกายหมายทำดี 

ฉันมีเพียงสองมือถือคุณค่า 
มิใช่ถือเงินตราแลกศักดิ์ศรี 
ความฉ้อฉลอย่าหมายมาไมตรี 
แค่พอมีพอใช้ไม่กอบโกย 

ฉันภูมิใจในหน้าที่รับผิดชอบ 
และเก็บกอปรน้ำใจไม่แห้งโหย 
สามัคคีคือพลังไม่รู้โรย 
ยิ้มสดใสจึงบินโบยเต็มนภา 

มาวันนี้มีผู้ใหม่ในยศศักดิ์ 
แทงชนักปักฉันไว้ในโทษา 
เบื้องหน้ายิ้มสดใสเจรจา 
เมื่อผินหลังก็หมายฆ่าอย่างเลือดเย็น 

ฉันไม่รู้จะต่อสู้อย่างไรได้ 
เพียงปล่อยไปตามกรรมที่นำเข็ญ 
กรรมหมดแรงฉันคงพ้นความลำเค็ญ 
หรือถูกฆ่าอย่างเลือดเย็นก็สมกรรม 

ก่อนจบเกมกรรมไปในวันนี้ 
ขอเดินบนปฐพีที่เลิศล้ำ 
ตามรอยบาทเจ้าแผ่นดินผู้ทรงธรรม 
แม้นตรากตรำจะเดินต่อไม่ท้อใจ				
10 พฤษภาคม 2546 09:46 น.

แรงลม

ณรังษี

เสียงหวีดหวิวลิ่วแรงลมโครมครืนคลั่ง 
เข้าโถมถั่งทุ่มทำลายไม่ไว้หน้า 
เร่งพลังโหมอารมณ์ข่มดินฟ้า 
กลืนทุกสิ่งอย่างบ้าคลั่งสุดแรง 

พฤกษาโอนโค่นสักหักลำต้น 
เอนกายบนแดนดินถิ่นแห้งแล้ง 
กิ่งน้อยใหญ่แหลกลาญไม่ทานแรง 
ใบสดแห้งกระจายพื้นเพราะฝืนลม 

มีเพียงไม้อ่อนลู่ยังอยู่รอด 
ล้อลมเป็นทอดทอดดูงามสม 
ลมหันทิศทางใด ....ไปกับลม 
ไม่ช้ำตรมถูกทำลายให้วายวาง 

คงเชิดหน้าชูตนบนพื้นหล้า 
แม้มีค่าเพียงเศษไม้ในพงสาง 
ไม่เคยยืนลำต้นให้ตรงทาง 
ชอบโอนอ่อนเข้าข้างผู้ครองชัย 

มิได้มีคุณความดีเป็นหลักมั่น 
เพื่ออยู่รอดเท่านั้นหรือไฉน 
ลมเอนลู่ก็รู้ลมอยู่ร่ำไป 
สัตว์น้อยใหญ่มิอาจทักพักชีวิน 

ฉันอาจสิ้นชีวาคราลมร้าย 
ก็อย่าหมายให้งอตามความทรามสิ้น 
ฉันอาจลาญแหลกร่างลงกลางดิน 
ก็อย่าหมายให้ลิ้นตระบัดคำ 

จะเข่นฆ่าพร่าขวัญฉันเช่นไหน 
ตามแต่ใจที่กลิ้งกลอกจะตอกย้ำ 
จะทำลายด้วยฤทธาแห่งอธรรม 
ก็จะกล้ำกลืนไว้ไม่ปรารมย์ 

ยังทะนงคงมั่นไม่หวั่นไหว 
หากล้มไปยังมีพ้องที่ครองสม 
อุดมการณ์แกร่งกล้าท้าแรงลม 
 ผู้หนึ่งล้มผู้หนึ่งแทนเพื่อแดนงาม				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณรังษี
Lovings  ณรังษี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณรังษี
Lovings  ณรังษี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟณรังษี
Lovings  ณรังษี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงณรังษี