2 กุมภาพันธ์ 2549 18:31 น.
ณพ วิฤทธิ์ชัย
ชาวนาอาลัย
เพลงชาวนาอาลัย...ในเมืองหลวง
แว่วมาทวงถามใจในวันเหงา
คล้ายเสียงเพรียกเรียกหามาเบา ๆ
ว่ากลับคืนสู่เหย้าเนาบ้านไพร
หนังต้องแอกคราวไถใครจะฟั่น
คราดและไถหักลงสะบั้นไถไม่ไหว
คันนาที่กิ่วใครเล่าจะขุดดินใส่
ควายน้อยเกิดใหม่...ใครจะผูกสนตะพาย
(จากเพลง ชาวนาอาลัย แต่งโดย พระไม้
ร้องโดย สีเผือก อิสรา อนันตทัศน์ วงคนด่านเกวี่ยน)
เพลงเอื้อนเอ่ยเคยฟังครั้งเก่าก่อน
ฉายภาพย้อนหนุ่มนาน้ำตาไหล
ผ่านปีเดือนเหมือนแมงเม่าเข้ากองไฟ
สู้อยู่ในเมืองฟ้าประสาจน
คิดถึงบ้านนานแล้วที่แจวห่าง
มาอ้าวว้างร้องไห้กับสายฝน
หลงแสงสีศิวิไลซ์ลืมใจตน
พ่อแม่ทนหว่านไถใครช่วยดำ
ใจโรยอ่อนย้อนฝันถึงวันเก่า
ไขว่คว้าเงาหลงเพลินเดินถลำ
ทิ้งสายเลือดเหือดแห้งแย่งงานทำ
ซอกต่ำ ๆ อิงซบที่หลบนอน
พอแล้วพอขอคืนฟื้นใจช้ำ
ช่วยหว่านดำทำนาเช่นคราก่อน
สุขในแคว้นแดนดินถิ่นบ้านดอน
จบละครชีวีที่บ้านนา ฯ
4 มกราคม 2549 14:16 น.
ณพ วิฤทธิ์ชัย
ก่อรัก
วูบลมหนาวโชยผ่านบนลานข้าว
บอกเรื่องราวฤดูกาลที่ผ่านผัน
ข้าวเก็บเกี่ยวรอตีดั่งชีวัน
ปลุกความฝันชาวนาให้ร่าเริง
บนลานข้าวคืนนี้มีสาวหนุ่ม
ก่อไฟสุมอุ่นกายคลายยุ่งเหยิง
ก่อไฟรักด้วยแสงแห่งแรงเพลิง
มองฟ้าเวิ้งสบตาสาวเจ้าเอียงอาย
มือหยาบกร้านของพี่ตีฟ่อนข้าว
มือนงเยาว์คอยซับเหงื่อสุขเหลือหลาย
เสียงเพลงเศร้าเคล้าลมหนาวดาวพร่างพราย
แทนความหมายซึ้งกว่าภาษาคำ
ฝากสัญญาก่อนไฟฟางจางมอดดับ
เผยความลับใจนี้ที่ถลำ
ลมรำเพยช่วยหน่อยคอยจดจำ
อย่าให้ช้ำเหมือนวันวานที่ผ่านมา
4 มกราคม 2549 14:13 น.
ณพ วิฤทธิ์ชัย
รอนางที่ฝั่งโขง
ลมโชยพัดผ่านแคว้นแดนอีสาน
ดอกอ้อบานทิวแถวตามแนวโขง
สีขาวพริมริมฝั่งดังสายโยง
โตด ติ โต่ง เสียงพิณยินแว่วมา
ปุยขาวนวลล้วนงามยามลมต้อง
เพลินทำนองเพลงพิณกลิ่นบุปผา
อ้อไสวไกวกวัดลมพัดพา
ดั่งใบหน้าสาวเจ้าที่เฝ้าคอย
คำสัญญาลาไกลในวันนั้น
คล้ายหมอกควันปลิวห่างจางถดถอย
กลัวใจหญิงทิ้งผลักรักล่องลอย
เจ็บเพียงน้อยเริ่มมีทวีแรง
ยามดอกอ้อล้อลมข่มความเหงา
ทนหมองเศร้าซ้ำรอยคอยแอบแฝง
ลมพัดนำคำสัญญามาทิ่มแทง
ใจเริ่มแหว่งกลัวสาวเจ้าผันแปร
28 กันยายน 2548 10:54 น.
ณพ วิฤทธิ์ชัย
คนคอยสาว ข้าวคอยเคียว
เย็นพระพายปลายนาหน้าเกี่ยวแล้ว
งามทิวแถวสีทองเต็มท้องทุ่ง
รอเพียงข่าวสาวนาลาเมืองกรุง
กลับสู่คุ้งความหลังฝั่งลำชี
ภาพเดินเคียงเอียงอายริมสายน้ำ
เอ่ยถ้อยคำชมนางอย่างสุขี
รอยเล็บหยิกจิกแขนแทนวจี
ในวันที่หยอกเย้าเจ้าเขินอาย
เด็ดดอกหญ้ามาตีพี่แกล้งหลบ
แล้วเข้าซบอุ่นนางมิห่างหาย
หอมแก้มนวลยวนเย้าเคล้ากลิ่นกาย
แทนความหมายรักฝากจากสองเรา
คือภาพฝันวันก่อนย้อนถามไถ่
ถึงคนไกลจากนาผ่านฟ้าเหงา
สายลมจูบลูบร่างอย่างแผ่วเบา
โดนรุมเร้าด้วยหวังตั้งตาคอย
เดือนนี้แล้วแก้วตาสัญญาบอก
คงไม่หลอกให้หวังนั่งเหงาหงอย
ใบไม้แห้งแกว่งกวัดลมพัดลอย
ใจก็พลอยคิดหนักหวั่นรักจาง
ข้าวโรยรวงร่วงหล่นคอยคนเกี่ยว
ฝนคมเคียวหวังว่าเมื่อฟ้าสาง
สาวคืนคอนย้อนฝันวันร่วมทาง
ใจเคยร้างคงยิ้มปริ่มน้ำตา ฯ
28 กันยายน 2548 10:53 น.
ณพ วิฤทธิ์ชัย
เฝ้ารอ
เพลงพิณแผ่วแว่วผ่านม่านความเหงา
สายลมเบาโชยพัดสัมผัสผิว
ใบไม้พรากจากต้นร่วงหล่นปลิว
มองดูทิวยอดยางอย่างเลื่อนลอย
ฝูงวิหกผกผินบินกลับเย่า
บ้างหยอกเย้าคู่เคียงเสียงเจื้อยจ้อย
ตะวันลับสับสนใจคนคอย
เดินย้ำรอยทางเดิมเริ่มอ่อนแรง
บ่าแบกไถใจสู้รู้งานหนัก
เหนื่อยเพื่อรักฝากไปเมืองไฟแสง
ยามคำนึงถึงกันหวั่นระแวง
กลัวใจแหว่งวันพบจบรักเรา
เพียงเสียงพิณถิ่นไกลไปส่งข่าว
นำเรื่องราวบ้านนาสัญญาเก่า
ฝากสายลมโลมลูบจูบแผ่วเบา
บอกคนเหงาหนึ่งคนทนเฝ้ารอ ฯ